วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เตรียมชง ครม. ซื้อบินขับไล่ 8 ลำให้ 8.8 พันล้าน - ศรีสุวรรณ ชี้อาจขัด รธน. จ่อฟ้องศาล

 
 KAI T-50  เป็นเครื่องบินฝึกขับไล่ขั้นสูงที่ บริษัท KAI ของเกาหลีใต้ พัฒนาขึ้น ที่มาภาพประกอบ http://rach1968.blogspot.com/2015/09/t-50th.html

ครม.เตรียมพิจารณาการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่อีก 8 ลำ วงเงิน 8,800 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของกองทัพอากาศ ด้านศรีสุวรรณ ชี้อาจขัด รธน. จ่อฟ้องศาล
10 ก.ค.2560 รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกับทาง "เดลินิวส์ออนไลน์ " ซึ่งสอดคล้องกับช่อง 7 สี ระบุว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 11 ก.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะนำเรื่องการจัดหาเครื่องบิน T-50TH จำนวน 8 เครื่อง เพื่อให้ครบ 12 เครื่อง วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาทเศษ ผูกพัน 3 ปี ให้กับกองทัพอากาศ เสนอเข้าที่ประชุม ครม. ซึ่งเป็นการจัดหาต่อเนื่องในระยะที่ 2 หลังจากที่ ครม.อนุมัติ เมื่อ 2 ปีที่แล้วไว้จำนวน 16 เครื่อง โดยจัดหา 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ระยะที่ 2 จำนวน 8 เครื่อง และ ระยะที่ 3 จำนวน 4 เครื่อง ให้กับกองทัพอากาศ
รายงานข่าวระบุอีกว่า การจัดหา T-50TH มาเป็นเครื่องฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้น เพื่อทดแทนเครื่อง L-39 ที่เก่าใช้งานมานาน ใช้เทคโนโลยีเก่า และใกล้สิ้นสภาพ เป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง นอกจากนำมาเป็นเครื่องฝึก แล้วยังสามารถใช้ปฏิบัติการทางอากาศได้หลากหลาย มีเทคโนโลยีทันสมัย ผลิตจากประเทศในเอเซีย มีใช้งานอยู่ใน 4ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย คาดว่าในอนาคตมีอีกหลายประเทศที่ให้ความสนใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติ และภูมิภาคอาเซียน
 
ทั้งนี้ T-50TH เป็นเครื่องบินขับไล่ สมรรถนะน้องๆ F-16s มีระบบเครื่องช่วยฝึกในอากาศ ที่เรียกว่า Embedded Trainning Systems ที่เหมาะสมที่จะใช้ นบ.ขับไล่ขั้นต้น ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการเสนอให้ครม.รับทราบแล้ว คาดว่าวันที่ 29 ก.ค.นี้ จะเซ็นสัญญาผูกพันระหว่าง ทอ.กับ KAI ได้ 
 

ศรีสุวรรณ ชี้อาจขัด รธน. จ่อฟ้องศาล

ขณะที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เผยแพร่แถลงการณ์ของสมาคมฯ ระบุว่า การจัดหาเครื่องบินดังกล่าวอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 62 ประกอบมาตรา 75 และมาตรา 76 เพราะขณะนี้ประเทศชาติกำลังเผชิญปัญหากับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมและคณะรัฐมนตรีควรจะมีสำนึกถึงความยากแค้นของพี่น้องประชาชนที่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับการขายสินค้าทางการเกษตรในราคาที่ตกต่ำสุด ๆ อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการบริหารงานของข้าราชการระดับสูง รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล เช่น ราคาข้าวโพดตกต่ำ ราคายางพาราตกต่ำ ราคาสับปะรดตกต่ำ ราคามันสำปะหลังตำต่ำ ราคาข้าวตกต่ำ ฯลฯ แต่ทว่ากระทรวงกลาโหมกลับมาเสนอจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่าหลายพันหลายหมื่นล้าน เช่น การซื้อเรือดำน้ำ การซื้อรถถัง และการซื้อเครื่องบินขับไล่ ฯลฯ จึงขัดต่อหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่ไร้ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่เกิดประโยชน์สุขของประชาชน ซึ่งจะถือได้ว่ารัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
แถลงการณ์สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุด้วยว่า แม้ข้อกล่าวอ้างเพื่อความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมจะมีความสำคัญแต่สถานการณ์รอบบ้าน รอบประเทศของเราไม่มีปัญหาความขัดแย้งถึงขั้นสู้รบกันแต่อย่างใด การสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ จึงยังไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดและประเทศไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน ยังมีชาวบ้านที่ถูกบังคับให้จนและถูกบังคับให้เป็นหนี้ยังมีอยู่อีกมากมาย การอนุมัติให้มีการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากมายทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศในขณะนี้ จึงเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ถูกกาละเทศะอย่างรุนแรง
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอเรียกร้องมายังคณะรัฐมนตรีได้โปรดอย่าตามใจกระทรวงกลาโหมไปหมดเสียทุกอย่าง ขอได้โปรดมีความกล้าหาญในการสั่งชะลอการจัดซื้อเครื่องบิน T-50TH ให้กับทอ. เสียและนำเงินดังกล่าวไปพยุงราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำในขณะนี้จะดีกว่า และหากประเทศไทยร่ำรวยชึ้นมาเมื่อไรค่อยไปจัดซื้อจัดหาก็คงไม่สายหรือเสียหน้าแต่อย่างใด แต่หากคณะรัฐมนตรียังคงเดินหน้าอนุมัติให้กระทรวงกลาโหมจัดซื้อเครื่องบิน T-50TH ให้กับทอ.ได้ต่อไปโดยไม่สั่งให้มีการทบทวนหรือชะลอโครงการนี้ สมาคมฯจำต้องนำความขึ้นฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 213 ประกอบมาตรา 51 ต่อไปแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น