วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

'คณิน' ชี้ร่าง กม.พรรคการเมือง สกัดพรรคใหญ่


'คณิน บุญสุวรรณ' ชี้การจัดทำทะเบียนสมาชิกพรรคและส่งให้นายทะเบียนภายใน 90 วัน จะเป็นปัญหาสำหรับพรรคการเมืองใหญ่ เพราะตลอดเวลา 3 ปี กว่าที่กฎหมายใหม่จะมีผลใช้บังคับ คสช. ไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวอะไรเกี่ยวกับสมาชิกพรรคเลย ดังนั้นเวลาตามบทเฉพาะกาลเปรียบเสมือนเป็นกับดัก
 
27 พ.ย. 2559 มติชนออนไลน์ รายงานว่านายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามการร่างกฎหมายลูกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึง กรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญกรธ.ระบุ จะไม่มีการรีเซ็ตพรรคการเมือง ว่า ฟังดูเหมือนจะเอาใจพรรคการเมืองเก่าที่จะได้ไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แต่ที่ไหนได้พอเห็นบทเฉพาะกาลของ ร่าง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ กรธ. กำลังจะเผยแพร่ในวันสองวันนี้แล้ว เหมือนเป็นการเตะ สกัดขาพรรคใหญ่เสียมากกว่า ทั้งนี้ เพราะ (1) มาตรา 114 ให้พรรคการเมืองดำเนินการให้มีสมาชิกพรรคและสาขาพรรคตามกฎหมายใหม่ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่กฎหมายใหม่ใช้บังคับ มิฉะนั้นจะต้องสิ้นสภาพพรรคการเมือง (2) มาตรา 116 ให้พรรคปรับปรุงข้อบังคับพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ภายใน 60 วัน มิฉะนั้นจะไม่มีสิทธิ์ส่งสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก และ (3) มาตรา 117 ให้พรรคจัดทำและส่งทะเบียนสมาชิกพรรค พร้อมบัญชีการเงินของพรรคและสาขาพรรคแก่นายทะเบียน พรรคการเมือง ภายใน 90 วันมิฉะนั้น จะไม่มีสิทธิ์ส่งสมัครรับเลือกตั้งเช่นเดียวกัน
 
นายคณิน กล่าวว่า เรื่องการจัดทำทะเบียนสมาชิกพรรคและส่งให้นายทะเบียนภายใน 90 วัน นี่แหละจะเป็นปัญหาสาหัสของพรรคการเมืองเก่า ที่มีสมาชิกเป็นเรือนแสนเรือนล้าน เพราะกฎหมายใหม่บังคับไว้เลยว่าหัวหน้าพรรคต้องจัดทำทะเบียนสมาชิกให้ตรงตามความเป็นจริง และจะติดต่อสอบถาม หรือตรวจสอบให้ละเอียดเป็นรายคนได้อย่างไร ในเมื่อตลอดเวลา 3 ปี กว่าที่กฎหมายใหม่จะมีผลใช้บังคับ คสช. ไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวอะไรเกี่ยวกับสมาชิกพรรคเลย ชุมนุมเกิน 5 คนยังไม่ได้ ดังนั้น เวลา 90 วัน ตามบทเฉพาะกาลซึ่งเป็นเสมือนกับดักอันเบ้อเร่อที่จะ ทำให้พรรคเก่าที่มีสมาชิกเป็นแสนเป็นล้านคน ต้องกลายเป็น “กิ้งกือตกท่อ”เอาได้ง่ายๆ ครั้นจะตัดสมาชิกไปเฉยๆ เพื่อให้เหลือจำนวนน้อยๆ ก็ทำไม่ได้ ต้องให้เขาลาออกเอง ซึ่งต้องจี้กันเป็นรายตัว แต่เดี๋ยวก็จะไปร้อง กกต.ว่าถูกบีบบังคับให้ต้องลาออก และภายหลังเมื่อส่งให้นายทะเบียนไปแล้ว ยังมีชื่อคนที่ตายไปแล้ว ไปบวช หรือขาดคุณสมบัติอื่นๆ หรือเป็นสมาชิกพรรคซ้ำกันกับพรรคอื่น ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ จะทำอย่างไร หรือเกิดมีใครไปร้องต่อ กกต. ว่าเขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่มีชื่อเป็นสมาชิกอยู่ จะทำอย่างไร ทั้งหมดนี้จะส่งผลร้ายต่อพรรคการเมืองเก่าทั้งสิ้น
 
นายคณิน กล่าวว่า ที่พอจะได้รับประโยชน์จากเงื่อนไขที่ว่านี้อยู่บ้างก็จะเป็นพรรคขนาดเล็ก ที่มีสมาชิกระดับพัน แต่ที่จะได้แจ็คพอตไปกินคำโตก็เห็นจะเป็นพรรคการเมืองตั้งใหม่นั่นแหละ เพราะการที่ กรธ. ลดจำนวนสมาชิกพรรคจาก 5,000 คน ลงมาเหลือแค่ 500 คน ในตอนเริ่มก่อตั้งและมีสาขาพรรคภาคและหนึ่งสาขา พร้อมมีเงินทุนสำรอง 1 ล้านบาทขึ้นไป ตามกฎหมายใหม่นี้ ถือเป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่ง แถมยังมีเวลาตั้งปีในการดำเนินการจนเสร็จสิ้น ได้รับการจดทะเบียนเป็นพรรคการเมือง ที่พร้อมจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การที่กรธ.เขียนบทเฉพาะกาลไว้เช่นนี้ ไม่ว่าจะมีเจตนาอย่างไร แต่ผลเหมือนเป็นการสกัดพรรคการเมืองใหญ่ ก่อนที่จะถึงวันสมัครรับเลือกตั้งด้วยซ้ำ ในขณะที่ดูเหมือนจะเปิดทางโล่งสำหรับพรรคการเมืองตั้งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นกติกาที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย และทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันมากเกินไป เพราะฉะนั้นถ้าไม่เซตซีโร่ จะด้วยเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ ก็ควรเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในบทเฉพาะกาลการเสียใหม่ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และเป็นไปได้มากกว่านี้

ประชาธิปัตย์ค้านแนวคิดให้พระสงฆ์เป็นสมาชิกพรรคการเมือง


รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ค้านแนวคิดให้พระสงฆ์เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หวั่นความเคารพนับถือศรัทธาของประชาชนถดถอยลง จนกลายเป็นความเสื่อมศรัทธาได้
 
27 พ.ย. 2559 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่านายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโรดแมปการเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่าจะไม่เป็นไปตามโรดแมป โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ว่า ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าตามโรดแมปที่ได้วางไว้ ซึ่งการจะเป็นไปตามโรดแมปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 2 ประการ คือ 1. เงื่อนไขตามเวลา และ 2. เงื่อนไขตามสถานการณ์ 
 
อย่างไรก็ตาม นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของเงื่อนไขตามเวลานั้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญได้บัญญัติระยะเวลาดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน แต่ในส่วนของเงื่อนไขตามสถานการณ์ คงไม่มีใครบอกได้ล่วงหน้า เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์ในวันเวลาข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อาจมีสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ทำให้โรดแมปเคลื่อนได้ และหากโรดแมปจะเคลื่อน แต่ถ้ามีเหตุผลเพียงพอมีความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เชื่อว่าทุกฝ่ายพร้อมจะรับฟังเหตุรับฟังผล แต่ส่วนตัวมองว่าขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมป
 
นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ รับฟังความคิดเห็นของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มีข้อเสนอแนะให้พระสงฆ์เป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ว่า อยากทราบเหตุผลที่ชัดเจนถึงข้อเสนอให้พระสงฆ์เป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ว่า มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพื่ออะไร ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เนื่องจากพระสงฆ์เป็นผู้ทรงศีล อยู่ในสถานะเป็นที่เคารพนับถือ และศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พระสงฆ์จึงควรดำรงตนให้เป็นที่เคารพนับถือ ศรัทธาของประชาชน การที่พระสงฆ์เป็นสมาชิกพรรคการเมือง และทำกิจกรรมทางการเมือง อาจมีส่วนทำให้ความเคารพนับถือศรัทธาของประชาชนถดถอยลง จนกลายเป็นความเสื่อมศรัทธาได้ พระ สมควรมีวัตรปฏิบัติที่ดี ความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด น่าจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ 
 
ดังนั้น ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่อ่อนไหว จึงอยากขอร้องให้คณะอนุกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ คิดให้ดี รอบคอบ ก่อนเสนอให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญยกร่างเป็นกฎหมายออกมาบังคับใช้ต่อไป

กสทช. บังคับสแกนลายมือผู้เปิดใช้งานซิมการ์ดมือถือใหม่เริ่ม ก.พ. 2560

กสทช. เผยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมประกาศให้ประชาชนที่ต้องการเปิดใช้งานซิมการ์ดใหม่ต้องสแกนลายนิ้วมือ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2560 เป็นต้นไป ชี้เป็นการยืนยันตัวบุคคลได้อย่างชัดเจนมากกว่าการถ่ายสำเนาหรือรูปบัตรประชาชน 
มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2559 ที่ผ่านมาว่านายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดในการยกระดับมาตรการยืนยันตัวบุคคลผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยการสแกนลายนิ้วมือว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมประกาศให้ประชาชนที่ต้องการเปิดใช้งานซิมการ์ดใหม่ต้องสแกนลายนิ้วมือ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป เนื่องจาก กสทช. เห็นว่าการลงทะเบียนด้วยระบบลายนิ้วมือเป็นการยืนยันตัวบุคคลได้อย่างชัดเจนมากกว่าการถ่ายสำเนาหรือรูปบัตรประชาชน รวมถึงเพื่อรองรับการใช้งานด้านการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ(โมบายเพย์เม้นต์) ที่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยการลงทะเบียนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ทาง กสทช. จะบังคับให้ดำเนินการเฉพาะการเปิดซิมการ์ดใหม่เท่านั้น ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งาน โมบายเพย์เม้นต์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 14 ล้านเลขหมาย จาก 110 ล้านเลขหมาย ในตลาด ทาง กสทช. จะไม่บังคับ แต่กลุ่มดังกล่าว คือกลุ่มเป้าหมายที่ กสทช. ต้องการโน้มน้าวให้มาลงทะเบียนเพิ่มเติมด้วยการสแกนลายนิ้วมือมากที่สุด
นายฐากร กล่าวว่า ขั้นตอนการลงทะเบียนลายนิ้วมือ เบื้องต้นจะเปิดให้ดำเนินการผ่านศูนย์บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และร้านค้าต่างๆที่จำหน่ายซิมการ์ดทุกแห่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทช. ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ประกอบการทุกรายต่างเห็นพ้องในการปฏิบัติตามทั้งหมด คาดว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จะเริ่มในเดือนมกราคม 2560 หลังจากที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างในการจัดทำระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ แจ้ง กสทช. มาว่าซอฟต์แวร์จะเสร็จสมบูรณ์ราวเดือนมกราคม 2560 ทั้งนี้ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
นายฐากร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการที่ กสทช. มีการเพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือ ส่งผลให้ทางผู้ประกอบการจะมีรายจ่ายมากขึ้น ทางสำนักงาน กสทช. จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) พิจารณา ลดการจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี ในส่วนที่มีการจัดเก็บเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ(กองทุนยูโซ่) จากปัจจุบันที่มีการจัดเก็บอยู่ในอัตรา 3.75% จากรายได้รวมต่อปี

คนระนองวางพวงหรีดไล่ ผอ.โรงเรียน เหตุใส่ชุดเเดงมางานเลี้ยงรับตำแหน่ง


ชาวบ้าน ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง กว่า 120 คน เรียกร้องให้ ผอ.โรงเรียนออกมาชี้แจงและให้ออกจากพื้นที่ จ.ระนอง กรณีสวมใส่ชุดสีแดงไปงานเลี้ยงต้อนรับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน 
 
28 พ.ย. 2559 มติชนออนไลน์ รายงานว่าที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง ชาวบ้านกว่า 120 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน พร้อมพวงหรีดเขียนข้อความ “เสียใจนะ … ผอ. จากคนราชกรูด” พร้อมเรียกร้องให้ ผอ.โรงเรียนออกมาชี้แจงกรณีที่สวมใส่ชุดสีแดงไปงานเลี้ยงต้อนรับที่มารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน และมีความประสงค์ให้ออกจากพื้นที่จังหวัดระนอง โดยมีทหารและตำรวจมีดูแลความเรียบร้อย
 
ด้านนางปนัดดา ผอ.โรงเรียนดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขอโทษพี่น้องชาวระนองทุกคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ขอแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะตนเองก็รับราชการมารับใช้พระองค์ท่านและรักพระองค์ท่านมาโดยตลอด ส่วนที่ตนเองสวมชุดสีแดงเลือดหมูมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับในเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น เนื่องจากเป็นความเชื่อส่วนตัวว่าสีแดงเป็นสีที่เป็นมงคล ซึ่งการมารับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ก็อยากให้ความเป็นสิริมงคลเกิดขึ้นกับตนเองจึงได้สวมชุดสีแดงเลือดหมู ซึ่งเป็นสีที่เป็นมงคลกับตนเองด้วย แต่ก่อนหน้านี้และหลังเลิกงาน ตนเองก็สวมชุดดำขาวมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากนี้หากทางผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาตนเองอย่างไรก็ยอมรับ
 
หลังจากนั้นนางปนัดดา ได้เข้าพบเพื่อชี้แจงต่อนายวิรัตน์ รักพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และแหล่งข่าวแจ้งว่าในเย็นวันนี้จะมีผู้บริหารระดับสูงของสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จะลงมาที่จังหวัดระนองและได้พูดคุยพิจารณากันในเรื่องนี้ต่อไป