วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ประยุทธ์นั่งหัวโต๊ะคนพ.ไฟเขียวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก 48 โครงการด่วน วงเงิน 6.9 พันล้าน


บอร์ดเขตเศรษฐกิจพิเศษมีมติเห็นชอบโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (2560-2564) จำเป็นต้องเร่งดำเนินการในปี 60 จำนวน 48 โครงการ วงเงินรวม 6,992.67 ล้านบาท

17 พ.ย.2559 รายงานข่าวจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วันนี้ เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (คนพ.) ครั้งที่ 1/2559 โดยมีรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
ภายหลังการประชุม ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญว่า ที่ประชุม คนพ. มีมติเห็นชอบโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (พ.ศ. 2560-2564) ที่มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในปี 2560 จำนวน 48 โครงการ วงเงินรวม 6,992.67 ล้านบาท โดยให้ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป พร้อมกับ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมการไปดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการเร่งรัดดำเนินการตามแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้บังเกิดผลโดยเร็วภายใน 1-3 ปี และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมในเรื่องการสร้างความรับรู้ความเข้าใจ การเตรียมแผนรองรับผลกระทบ ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม คนพ. มอบหมาย สศช. ประสานกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯในแต่ละกลุ่ม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้บรรลุผลในทางปฏิบัติอย่างครอบคลุม อาทิ อุตสาหกรรมศักยภาพ สิทธิประโยชน์ เขตการค้าเสรี การประชาสัมพันธ์ ระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ ไฟฟ้าและพลังงานระบบน้ำ การพัฒนาเมือง และสิ่งแวดล้อมเมือง การท่องเที่ยว สาธารณสุขและระบบบริการที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นวัตกรรม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการแปรรูปเพื่อเพิ่มผลิตภาพทางการเกษตร เป็นต้น และมอบหมาย สศช. ปรับปรุงแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (พ.ศ. 2560-2564) ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี แผนงบประมาณ พร้อมทั้งระบุผลประโยชน์ที่จะได้รับ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน

วีระ ถาม ป.ป.ช. ทำไม บางคดีรีบทำบางคดีล่าช้า คดีทุจริตสร้างโรงพักไปถึงไหนแล้ว


วีระ สมความคิด โพสต์ตั้งคำถามการทำงานของ ป.ป.ช. คดีทุจริตสร้างโรงพักไปถึงไหนแล้ว ระบุสังคมคาใจ ทำไมบางคดีช้า บางคดีเร็ว ผลของคดีเกือบทั้งหมด ทหาร คสช.พ้นผิด
17 พ.ย. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Veera Somkwamkid' ตั้งคำถามต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงความคืบหน้าในคดี  กรณีที่มีการยื่นกล่าวหาคดีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง มูลค่าความเสียหายจำนวน 5,848 ล้านบาท
"ป.ป.ช.ทำการไต่สวนมานานหลายปีแล้ว ได้ผลสรุปเป็นประการใดบ้าง อย่าอ้างว่ามีคดีมาก ต้องใช้เวลา หลายคดีที่เกี่ยวกับทหาร คสช. ทำไมจึงสามารถหยิบขึ้นมาทำการตรวจสอบ และแถลงผลของคดีได้อย่างรวดเร็ว เช่น กรณีคดีทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเมื่อ 8 ธ.ค.58 ป.ป.ช.สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงได้อย่างรวดเร็ว และแถลงผลสอบต่อสาธารณะว่าทหาร คสช.ที่ถูกกล่าวหาบริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคนเมื่อวันที่ 7 ก.ย.59" วีระ ตั้งคำถาม
วีระ ระบุต่อว่า อีกคดีกรณีกล่าวหา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา บรรจุแต่งตั้งลูกชายเข้ารับราชการทหารโดยผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ใช้เวลาตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริงเพียงไม่ถึง 5 เดือน แล้วสรุปผลออกมาว่าพล.อ.ปรีชา ไม่มีความผิด ยังมีกรณียื่นให้ตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ปรีชา และภรรยา ป.ป.ช.ก็ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถแถลงผลสอบต่อสังคมว่า พล.อ.ปรีชาและภรรยาแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินถูกต้อง และไม่มีผู้ใดตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติม จึงยุติการตรวจสอบลงเพียงเท่านี้ 
 
ทั้งที่ยังมีประเด็นที่ค้างคาใจสังคม คือกรณีของเงินที่งอกขึ้นมาในบัญชีภรรยาพล.อ.ปรีชา ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งป.ป.ช.ควรตรวจสอบให้กระจ่าง ถึงเส้นทางการเงินโดยขอความร่วมมือจาก ป.ป.ง. และถ้าพล.อ.ปรีชาตอบคำถามของ ป.ป.ช.ไม่ได้ว่า เงินที่งอกในบัญชีของภรรยาจำนวนหลายสิบล้านบาท มีที่มาอย่างไร ได้มาโดยชอบหรือไม่ ป.ป.ช.ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน กรณีพล.อ.ปรีชา มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ แต่ป.ป.ช.ก็ไม่ทำให้ชัดเจนและโปร่งใส เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่ทหาร คสช.ถูกกล่าวหา ป.ป.ช.จะรีบตรวจสอบให้ และผลของคดีเกือบทั้งหมด ทหาร คสช.พ้นผิด
 
"ทำให้เกิดข้อกังขาจากสังคมว่า คดีที่ทหาร คสช.ถูกกล่าวหา ทุกเรื่องจะถูกทำให้จบอย่างรวดเร็ว และไม่มีความผิด จริงหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้สังคมเข้าใจว่าอย่างไร ป.ป.ช.ใช้หลักเกณฑ์ใด จึงสามารถเลือกทำเป็นบางเรื่อง หยิบเรื่องมาทำก่อน หลัง เฉพาะที่มีใบสั่งใช่หรือไม่ คดีที่มีการกล่าวหาคนบางกลุ่มบางพวก เช่น ทหาร คสช. ทำไมจึงรีบตรวจสอบ และผลการตรวจสอบจึงออกมาเหมือนกันหมด คือ ไม่พบความผิด ทั้งหมดนี้จะให้สังคมเชื่อถือการทำงานของ ป.ป.ช.ได้หรือ ป.ป.ช.มีมาตราฐานในการทำงานหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สังคมสามารถตรวจสอบได้ ช่วยตอบให้หายกังขาหน่อย" วีระ ตั้งคำถาม
 
วีระ โพสต์ด้วยว่า การทำคดีอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ต้องได้รับโทษ ช่วยฟอกให้พ้นผิด ผู้ใดทำถือเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายเสียเอง เช่นเดียวกัน การถ่วงคดี การประวิงเวลาให้หมดอายุความ  เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ต้องได้รับโทษตามกฏหมาย ผู้ใดทำก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. และเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 
 
"คดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักดังกล่าวประชาชนผู้เสียภาษีกำลังรอคำตอบอยู่นะ ทุกเรื่องประชาชนจะกัดไม่ปล่อย คนทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย  ดังเช่นกรณีของทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น ทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคภายใต้กฏหมายเดียวกัน  อย่าตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือพวกเดียวกัน อย่าถ่วงเวลา อย่าดองคดี  เพื่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบให้แก่คนทุจริต  มิฉะนั้น ป.ป.ช.อาจจะตกเป็นจำเลยเสียเอง การทุจริตที่เลวร้ายที่สุด คือ การทุจริตในกระบวนการยุติธรรม" วีระ ระบุตอนท้าย
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีกล่าวหา สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งด้วยว่า คดีดังกล่าวผู้ที่รับผิดชอบสำนวนยังไม่ได้สรุปส่งมาถึงตน แต่ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องเร่งรัดติดตามเนื่องจากสังคมสนใจและสอบถามมาตลอดว่าเรื่องคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

ยกคำร้องประกันตัว 'จตุพร' ครั้งที่ 3 ระบุไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ทนายจ่อขอใหม่สัปดาห์หน้า


ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในคดีก่อการร้าย เป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้ว ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ทนายเผยในสัปดาห์หน้าเตรียมยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่อีกเป็นครั้งที่ 4
17 พ.ย. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 15.35 น. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก 'Noppakow Kongsuwan' โพสต์ข้อความว่า ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว "จตุพร พรหมพันธุ์" ในคดีก่อการร้าย เป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้ว ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
โดย มติชนออนไลน์ รายงานว่า วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ จตุพร ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. ) ระบุว่า ในสัปดาห์หน้าเตรียมยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่อีกเป็นครั้งที่ 4 ส่วนเหตุผลประกอบคำร้องมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น จะต้องพิจารณาก่อน ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้
สำหรับการยื่นขอประกันตัวในวันนี้  วิญญัติ  ทนายความ จตุพร หรือจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันก่อการร้าย โดยอัยการโจทก์ยื่นคำร้องเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว และศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อขอปล่อยชั่วคราว จตุพร จำเลยที่ 2 ต่อศาลอาญา เป็นครั้งที่ 3
โดยคำร้องขอปล่อยชั่วคราวครั้งที่ 3 สรุปว่า คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 18 ม.ค. 2560 ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีมีความประสงค์ขอให้ศาลปล่อยชั่วคราว โดยมีเหตุผลประกอบว่าเดิมศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 มีวงเงิน 6 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดมีลักษณะเป็นการดูหมิ่น ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่ออันตรายกระทบเกียรติยศชื่อเสียง ความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย กรณีที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ 2 ได้ยอมรับข้อเท็จจริงต่อศาล ศาลไม่ต้องไต่สวนคำร้องโจทก์ และมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้บิดพลิ้วในการให้การต่อศาลตามข้อเท็จจริง และจำเลยที่ 2 ยอมรับคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว แต่คดีนี้นัดสืบพยานอีกหลายปาก ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วเสร็จ โจทก์ฟ้องคดีตั้งแต่ปี2553 จนปัจจุบันยังสืบพยานโจทก์ได้ไม่มาก เห็นได้ว่าคดีไม่อาจพิจารณาเสร็จได้ในเร็ววัน และใช้เวลาอีกนาน คดีนี้ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมาแล้วก็ไม่มีเหตุสงสัยว่าจำเลยจะหลบหนีหรือไม่ และจำเลยก็ไม่เคยผิดนัดศาล คงมีประเด็นเดียวที่ต้องพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 จะปฏิบัติตนผิดเงื่อนไขตามที่ศาลกำหนดอีกหรือไม่
จำเลยที่ 2 เห็นว่า คำสั่งเพิกถอนสัญญาประกันมีลักษณะเดียวกับการลงโทษจำเลยที่ฝ่าฝืนคำสั่งศาล ศาลมีอำนาจลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ จำเลยที่ 2 จึงขอเรียนว่านับแต่ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวถึงวันนี้เป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว เห็นว่าเป็นเวลานานพอสมควรกับการลงโทษจำเลยที่พูดจาอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาลแล้ว โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลงโทษนางสุดสงวน สุธีสร จำเลยคดีละเมิดอำนาจจากกรณีชูป้ายวางพวงหรีดที่ศาลแพ่งเป็นเวลา1เดือน จำเลยเห็นว่าการเพิกถอนสัญญาประกันของจำเลยที่ 2 มีลักษณะเดียวกับการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาล โทษคุมขังจึงน่าจะพอสมควรแก่การกระทำที่ผิดพลาดจากการกระทำฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาล จึงเป็นเหตุสมควรที่จะให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 ในระหว่างพิจารณาอีกสักครั้ง
จตุพร จำเลยที่ 2 ขอให้คำมั่นต่อศาลว่าจะไม่กระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการดูหมิ่นผู้อื่น หรือยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่ออันตรายกระทบเกียรติยศชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย หรือเงื่อนไขใดๆ ตามที่ศาลกำหนด จำเลยที่ 2 รู้สำนึกในการกระทำฝ่าฝืนคำสั่งศาลแล้ว จึงขอโอกาสในการได้รับการปล่อยชั่วคราวอีกสักครั้งหนึ่งด้วย
วิญญัติ กล่าวว่า ในวันนี้ยื่นคำร้องขอประกันตัวจำเลยที่ 2 พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 6 แสนบาท แต่หากศาลเรียกหลักประกันตัวสูงขึ้นจำเลยที่ 2 ก็พร้อมวางหลักทรัพย์ต่อศาลได้ทันที โดยการยื่นประกันในวันนี้ไม่ได้นำหนังสือรับรองจากบุคคลใดมายื่นด้วย โดยเราใช้เหตุชี้แจงให้ศาลเห็นเพื่อพิจารณาเมตตาปล่อยชั่วคราวเพียงอย่างเดียว
วันเดียวกัน เพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ โพสต์รายงานด้วยว่า ธิดา พร้อมด้วย นพ.เหวง โตจิราการ และพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจและสนทนากับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ เหมือนเช่นทุกวันค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงดูเหมือนคุณจตุพรจะเป็นหวัดเล็กน้อย 

ยิ่งลักษณ์ เปิดบ้านชวนแฟนเพจ โชว์ไอเดียเพิ่มมูลค่าข้าว


ประกาศชวนช่วยกันคิด-เสนอเมนูที่แปรรูปจากข้าว หวังว่าการช่วยกันคนละไม้คนละมือ จุดประกายให้แฟนเพจหันมาสรรสร้างเมนูใหม่ๆ และบริโภคข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น หวังพัฒนาส่งเสริมตามมา ราคาข้าวไทยสูงขึ้น 
17 พ.ย. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกับแฟนเพจจัดกิจกรรม “ช่วยชาวนา สร้างมูลค่าข้าวไทย ร่วมใจบริโภคเพิ่ม” ที่บ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 
โดย เมื่อเวลา 19.00 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ Yingluck Shinawatra โพสต์ภาพพร้อมข้อความด้วยว่า กิจกรรมในวันนี้เกิดจากความพยายามของแฟนเพจและเพื่อนๆ ที่ช่วยกันคิดว่า ในเมื่อวันนี้มีหลายฝ่ายได้ช่วยเหลือชาวนาด้วยการซื้อข้าวมาช่วยขาย หรือให้ชาวนามาขายเองมากขึ้นแล้ว ต่อไปเราจะช่วยกันเพิ่มการบริโภคข้าวได้อย่างไร
"ดิฉันจึงได้ถือโอกาสชวนหลายท่านมาช่วยกันคิดนำเสนอเมนูที่แปรรูปจากข้าว และเมนูข้าวที่แต่ละท่านชื่นชอบ หวังว่าการช่วยกันคนละไม้คนละมือ จะจุดประกายให้แฟนเพจหันมาสรรสร้างเมนูใหม่ๆ และบริโภคข้าวไทยเพิ่มมากขึ้นค่ะ เมื่อมีคนบริโภคข้าวไทยมากขึ้นแล้ว การพัฒนาส่งเสริมก็จะตามมา ในที่สุดก็จะเป็นอีกแรงหนึ่งในการส่งเสริมให้ข้าวไทยของเรามีราคาสูงขึ้น เลยขอเก็บภาพบรรยากาศมาฝากค่ะ" ยิ่งลักษณ์ ระบุ