วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หมายเรียกอีกคดี ‘ไผ่ จตุภัทร์’ รวมแล้ว 4 คดี


หมายเรียกผู้ต้องหาคดีจัดเวทีเสวนาร่างรัฐธรรมนูญที่มข.มาอีก 1 คดี ทนายเตรียมเลื่อนรายงานตัว ขณะที่ 19 ส.ค.นี้ลุ้นฝากขังผัดสองคดีแจกเอกสารประชามติหรือไม่ ขณะที่ทนายแจงอีกคดีหนึ่งต้านรัฐประหารตั้งแต่ปี 2558 มีหมายจับของศาลทหารขอนแก่นแล้ว

ภาพจาก วิบูลย์ บุญภัทรรักษา
17 ส.ค.2559  ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมามีหมายเรียกผู้ต้องหามายัง ไผ่ จตุภัทร บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมที่ถูกคุมขังและอดอาหารประท้วงอยู่ในเรือนจำภูเขียวต่อเนื่องจนถึงขณะนี้จากกรณีแจกเอกสารวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ โดยคดีใหม่นี้เป็นหมายเรียกจากกรณีจัดเวทีเสวนาเกี่ยวกับประชามติเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ซึ่งเวทีดังกล่าวนับเป็นเวทีสาธารณะเวทีแรกในภาคอีสานที่พูดถึงร่างรัฐธรรมนูญก่อนจะมีการลงประชามติ หมายดังกล่าวระบุข้อหา “ร่วมกันขัดคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ” และให้นายจตุภัทร์ ผู้ต้องหาที่ 1 ไปรับทราบข้อกล่าวที่ สภ.เมืองขอนแก่น ในวันที่ 18 ส.ค.เวลา 10.00 น. อย่างไรก็ตาม ทนายความได้ติดต่อไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อขอเลื่อนนัดการรายงานตัวแล้ว เนื่องจากจตุภัทร์ยังอยู่ในเรือนจำภูเขียว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับทราบและขอให้ทนายเข้าดำเนินการยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยจะกำหนดวันนัดหมายกันอีกครั้ง
ภาวิณี กล่าวด้วยว่า จากการสอบถามพนักงานสอบสวนทราบว่าในคดีจัดเวทีเสวนาที่มข.นี้ตำรวจมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีก 6 คนที่ร่วมกันจัดหรืออยู่ร่วมในงานเสวนาดังกล่าว โดยพนักงานสอบสวนยังไม่เปิดเผยชื่อ คาดว่าทั้งหมดจะเลื่อนการเข้ารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน
ทนายความให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีแจกเอกสารรณรงค์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่จตุภัทร์ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในเรือนจำขณะนี้นั้นจะครบกำหนดฝากขังในวันที่ 19 ส.ค.นี้ เบื้องต้นทนายความได้ทำเรื่องขอให้ศาลเบิกตัวในจตุภัทร์ไปยังศาลแทนการใช้ระบบเทเลคอนเฟอร์เรนซ์เนื่องจากทนายความต้องการยื่นคัดค้านการฝากขัง อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่าตำรวจได้ส่งสำนวนคดีนี้ให้อัยการเป็นที่เรียกร้อยแล้ว ในวันที่ 19 ส.ค.นี้จึงขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะสามารถสรุปสำนวนเพื่อสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องได้เลยหรือไม่ หรือยังจะขอฝากขังในผัดสองต่อไป สำหรับเรื่องการยื่นประกันตัวนั้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัวในวันที่ 19 ส.ค.ว่าจะยินยอมให้ดำเนินการหรือไม่
ทั้งนี้คดีจัดเสวนาที่มข.นี้นับเป็นคดีที่ 4 ของจตุภัทร์ เพราะนอกเหนือจากการแจกเอกสารวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญอันเป็นเหตุให้ถูกคุมขังอยู่ในปัจจุบันแล้ว จตุภัทรยังมีคดีเก่าอีก 2 คดี ได้แก่ คดีฝ่าฝืนคำสั่งคสช.กรณีร่วมกับพวกทำกิจกรรมต้านรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2558 ซึ่งตำรวจขอนแก่นได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารขอนแก่นไว้แล้ว และขณะนี้ตำรวจภูเขียวได้ขออายัดตัวจตุภัทร์ไว้หากได้รับการปล่อยตัวในคดีนี้ ทนายความระบุว่า จากนี้ต้องรอดูว่าตำรวจขอนแก่นจะมารับตัวเพื่อนำตัวไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ขอนแก่นหรือไม่ และจะปล่อยตัวเลยหรือต้องประกันตัวหรือจะนำตัวไปฝากขังยังศาลทหารต่อไป 
นอกจากนี้ยังมีคดีซึ่งทำให้จตุภัทร์และเพื่อนในขบวนการประชาธิปไตยใหม่ รวม 14 คนต้องถูกจำคุกมาแล้วหนึ่งผัดคือ คดีทำกิจกรรมหน้า สน.ปทุมวันเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2558 จากนั้นวันรุ่งขึ้น 25 มิ.ย.2558 มีการเดินสายและปราศรัยกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจึงถูกแจ้ง 2 ข้อหาคือ ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 ห้ามชุมนุมเกินห้าคน และ มาตรา 116 ประมวลกฏหมายอาญาในการปลุกระดมประชาชน โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี

ทักษิณฟ้อง 'อาทิตย์-สื่อออนไลน์' โพสต์เชิงกล่าวหาอยู่เบื้องหลังระเบิดภาคใต้


17 ส.ค. 2559 ขัตติยา สวัสดิผล ผู้รับมอบอำนาจจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จจงใจใส่ร้าย ทักษิณ ว่า เป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ในข้อหาหมิ่นประมาทและนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ขัตติยา ยืนยันจะดำเนินคดีกับ อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร และสื่อออนไลน์ที่เผยแพร่ข้อความในลักษณะเดียวกัน 2-3 ราย  ช่วงวันที่13 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวหาทำนองว่า ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. เป็นต้นมา และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วันที่ 12 ส.ค. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด ดังนั้นการเผยแพร่ดังกล่าวจึงเป็นการพยายามใส่ร้ายให้ ทักษิณ เสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากนี้หากพบว่ามีกลุ่มหรือบุคคลไหนยังโพสต์ข้อความใส่ร้ายก็จะขอดำเนินคดีด้วย ยืนยันการเดินทางมาแจ้งความในครั้งนี้เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับใคร

ตร.ระบุระเบิด 7 จว.ภาคใต้เบื้องต้นยังไม่พบเอี่ยวกลุ่มการเมือง คืบหน้าไปกว่า 70%


17 ส.ค. 2559 พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 1 รายที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ส่วนจะเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น ตนไม่ยืนยันและสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และยังไม่ยืนยันว่าอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน หากเปิดเผยออกไปเกรงจะกระทบต่อแนวทางการสืบสวนสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจจะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ เพราะคดีใหญ่ๆ อย่างเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ก็จับผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แล้ว ส่วนจะมีกลุ่มการเมืองเข้าไปหนุนหลังเหตุระเบิดครั้งนี้หรือไม่นั้น ในชั้นสอบสวนยังไม่พบ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นทิ้ง ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มออกมาปฏิเสธก่อนหน้านั้น และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ เพราะการสอบต้องให้ความเป็นธรรม มีหลักฐานพยานแวดล้อม ถ้าไปปักใจไว้เชื่อไว้ก่อนจะกลายเป็นอคติ แต่ถ้าพาดพิงถึงใครต้องมีการเชิญมาให้ให้ข้อมูล
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กลาาวต่อว่า ส่วนการประสานข้อมูลกับทางมาเลเซียในการตรวจซิมการ์ดโทรศัพท์นั้นมีการคุยกันอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมมือเป็นอย่างดี เบื้องต้นยังไม่มีการขอข้อมูลอะไรเพิ่มเติมและยังไม่ได้รายงานอะไรมา อย่างไรก็ตาม ในทางการสืบสวนขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างดำเนินการตามหลักวิทยาการ จนถึงขณะนี้ตนยังเชื่อว่าการก่อเหตุดังกล่าวเป็นวินาศกรรมไม่ใช่การก่อการร้าย คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงเป็นหัวหน้าคณะทำงาน
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 14 ราย เป็นชาวไทย 9 ราย และชาวต่างชาติ 5 ราย โดยทั้งหมดมีอาการไม่น่าเป็นห่วง คาดว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในเร็วนี้ ส่วนความคืบหน้านั้นมีมากขึ้นเนื่องจากได้ร่วมกันบูรณาการกับตำรวจท้องที่, เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD), เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลาง ในการตรวจพิสูจน์ วิเคราะห์พยานหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุเพื่อที่จะนำไปสู่การออกหมายจับและการจับกุมคนร้าย อีกทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวยังได้ประสานกับฝ่ายความมั่นคงทั้งประชาคมข่าวตำรวจ และหน่วยงานราชการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งในการสืบสวนสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก พร้อมทั้งได้ตรวจสอบบุคคลในหลายพื้นที่เพื่อหาความเชื่อมโยงของเหตุการณ์

หลังถูกฟ้องหมิ่นฯ ดร.อาทิตย์แจง 'กลุ่มทักษิณ' ที่ว่านั้นหมายถึง 'กลุ่มใต้ '


ดร.อาทิตย์ แจงใช้คำว่า 'ทักษิณ' หมายถึงทิศใต้ ไม่ได้กล่าวหา นายทักษิณอยู่ เบื้องหลังระเบิด 7 จว.ใต้ สงสัยทำไมพวกกินปูนร้อนท้องเยอะ 
18 ส.ค. 2559 จากการที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบอำนาจให้ ขัตติยา สวัสดิผล เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อดำเนินคดีกับ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ที่นำเสนอข้อมูลดังกล่าว ในความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ใส่ร้าย และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยได้กล่าวหาว่า ทักษิณเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ระเบิดทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ (อ่านเพิ่มเติม)
ต่อมาวานนี้ (17 ส.ค.59) เวลา 21.00 น. เฟซบุ๊ก 'Arthit Ourairat' ของ อาทิตย์ ได้แชร์ข่าวดังกล่าว พร้อมโพสต์ข้อความว่า
"บ้านนี้เมืองนี้ วิเคราะห์วิจารณ์อะไรตามจริงไม่ได้ ต้องแถ แถเอา พวกกินปูนร้อนท้องเยอะ พยายามอ่านดูบทวิเคราะห์ที่มีคุณค่าของผู้ใหญ่ที่ส่งมาให้ ไม่เห็นมีตรงไหนที่ไปกล่าวหาชื่อไคร สงสัยเข้าใจผิด มีคำว่า กลุ่มทักษิณ ซึ่งแปลว่ากลุ่มใต้ เหมือนกับคำว่า กลุ่มอิสาณ กลุ่มอุดร กลุ่มบูรพา กลุ่มพายัพ ทำไม กินปูนร้องท้อง เหรอ"
โดยเมื่อวันที่12 ส.ค. ที่ผ่านมา อาทิตย์ ได้โพสต์บทความวิเคราะห์สถานากรณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ผ่านเฟซบุ๊กเดียวกันนี้ นั้น และทีนิวส์ได้นำไปเผยแพร่ต่ออีกที ซึ่งข้อความอนหนึ่งในบทความดังกล่าว อาทิตย์ ใช้คำว่า "กลุ่มทักษิณ" โดยระบุว่า 
"..การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยนี่เป็นเรื่องน่าสังเกต โดยก่อนหน้านี้(7ส.ค.59)ไม่กี่วัน มีการก่อการร้ายติดๆกันในสามจังหวัดภาคใต้ซึ่งน่าจะมาจากกลุ่มทักษิณกับสหรัฐฯครับ เห็นกลุ่มก่อการร้ายในเขตนี้ออกมาต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ.." ความตอนหนึ่งในบทความดังกล่าวของอาทิตย์ (อ่านทั้งหมดที่เฟซบุ๊กArthit Ourairat)

ศาลทหารออกหมายจับ 16 ผู้อาวุโส 1 แม่ค้าพริกแกง ข้อหาอั้งยี่ ทั้งหมดปฏิเสธเอี่ยวระเบิดใต้


18 ส.ค. 2559 สื่อหลายสำนักรายงานตรวกันว่า ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้นำพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อจับกุม 17 ผู้ต้องหาก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับ ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ทั้งนี้ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในการควบคุมทั้งหมด 15 คน อีก 2 คน ได้ปล่อยตัวกลับไปแล้ว
รายงานข่าว เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 17 คนซึ่งถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ยอมรับว่า พวกเขาเป็นสมาชิกของพรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ มีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองกับรัฐ โดยการตรวจค้นบ้าน 1 ใน 17 ผู้ต้องหา พบอาวุธปืนสงคราม AK-47จำนวน 1 กระบอก ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนก่อเหตุรุนแรงใน 7 จังหวัดภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่จะติดตามสืบสวนความเชื่อมโยงต่อไป
ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลทหารได้อนุมัติหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เลขที่ จพ29/2559 ข้อหา ตาม มาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ให้จับกุมผู้ต้องหารประกอบด้วย
  • 1. ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง
  • 2. นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาวจ.นนทบุรี
  • 3. นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาวจ.ตรัง
  • 4. นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล
  • 5. นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว.กทม.
  • 6. นางสาวมีนา แสงศรี อายุ 39 ปี ชาว กทม.
  • 7. นาย ศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี ชาว จ.หนองคาย
  • 8. ร.ต.ต. หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาวจ.หนองคาย
  • 9. นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาวจ.เชียงราย
  • 10. นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาวจ.อ่างทอง
  • 11. ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย
  • 12. นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม
  • 13. นายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี จ.สกลนคร
  • 14. นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช
  • 15. นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาวจ.เชียงราย
  • 16. นางสาวรุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาวจ.ร้อยเอ็ด
  • 17. นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช

การออกหมายจับดังกล่าว สื่อเนื่องจาก เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มีรายงานว่า พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ปากคำและมอบหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากเมื่อคืนวานที่ผ่านมา พล.ต.วิจารณ์ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ โดยนำเอกสารพยานหลักฐานมามอบให้แก่ตำรวจกองปราบปราม ทั้งนี้ มีรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ควบคุมตัวผู้ที่เชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบได้ทั้งหมด 17 คน ก่อนนำตัวไปควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยเป็นชาย 13 คน และหญิง 4 คน ซึ่ง 6 ใน 17 คน มียศตำรวจ ร.ต.ท.,ร.ต.ต.และด.ต. ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นแกนนำสำคัญทำหน้าที่ในการประสานงานติดต่องานและเคลื่อนไหว