วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หลังฝากขังห้าผัด ศาลทหารให้ประกันตัว หฤษฎ์-ณัฏฐิกา วงเงินคนละห้าแสน


8 ก.ค. 2559 วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ แจ้งว่าวันนี้มีการฝากขังผัดหก หฤษฎ์ และ ณัฏฐิกา ผู้ต้องหาคดี112 และแอดมินเพจล้อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ศาลทหารอนุมัติฝากขัง ทนายจำเลยยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละห้าแสนบาท ต่อมา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยทั้งสองคนน่าจะถูกปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางในช่วงเย็นวันนี้
ก่อนหน้านี้ หฤษฎ์ และ ณัฏฐิกา ถูกเจ้าหน้าที่ทหารบุกจับกุมเมื่อวันที่ 27 เม.ย. พร้อมกับบุคคลอื่น รวมเป็น 8 คน พวกเขาถูกกล่าวหาว่ารับจ้างเป็นแอดมินและจัดการเนื้อหาในเพจเฟซบุ๊กเสียดสีการเมือง 'เรารัก พล.อ.ประยุทธ์' โดยทั้ง 8 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 116 ปลุกระดมให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1),(2),(3) และถูกนำตัวไปฝากขังยังศาลทหาร ต่อมา หฤษฎ์และณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์ ผู้ต้องหา 1 ใน 8 ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา โดยอ้างเหตุกรณีการพูดคุยส่วนตัวกันในกล่องข้อความ (แชต) ในเฟซบุ๊ก จากนั้น หลังศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 8 รายโดยวางหลักทรัพย์คนละ 200,000 บาท ในการฝากขังผัดที่สองเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจก็ได้เข้าอายัดตัว หฤษฎ์และณัฏฐิกาไปควบคุมตัวต่อในข้อหามาตรา 112 โดยทันที  

สุเทพบอกถ้าไม่รับร่างรธน.เราคงขาดทุน อภิสิทธิ์ชี้ประชามติถูกกดทับทำทุกฝ่ายบิดเบือนในทางลับ


8 ก.ค.2559 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เริ่มพบการกระทำที่บิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ว่า การบิดเบือนข้อเท็จจริงถือว่าผิดกฎหมาย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ แต่ความจริงปัญหานี้เป็นสิ่งที่เคยตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อการแสดงแสดงความคิดเห็นไม่ค่อยกว้างขวาง การบิดเบือนจะทำง่ายขึ้น ถ้าเราเปิดโอกาสให้คนได้แสดงความคิดเห็นกันได้ เวลาพบการบิดเบือนจะชี้แจงได้ง่าย และเข้าถึงคนจำนวนมาก
“เมื่อทุกอย่างถูกกดทับอยู่แบบนี้ ทำให้คนที่ตั้งใจบิดเบือน ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามสามารถดำเนินการในทางลับได้ การชี้แจงก็จะทำได้ยาก ขอย้ำว่า การทำประชามติจำเป็นต้องเปิดพื้นที่ในการแสดงออก และถกเถียงกันได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาลักษณะนี้เรื่อยๆ” อภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่สภาขับเคลื่อการปฏิรูปด้านการเมือง (สปท.) จะทบทวนและปรับแก้ข้อเสนอถึง คสช. ให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมภายใน เพื่อการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นห่วงเรื่องของความมั่นคง ก็จำกัดว่าอะไรที่ยังไม่ต้องการให้ทำ เช่น ห้ามปราศรัย เพราะต้องเข้าใจว่าการบริหารงานของพรรคการเมือง ไม่เหมือนหน่วยราชการอื่น ที่จะเอากฎหมาย หรือ ระเบียบ มาบังคับ เพียงแต่เรายอมรับได้ว่า ในสถานการณ์อย่างนี้มันล่อแหลมก็ยังไม่ทำ อย่างงานที่เกี่ยวกับมวลชนจำนวนมาก แต่ถ้าจะกำหนดให้ประชุมเฉพาะเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็ไม่ช่วยให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์  

อภิสิทธิ์ หอบดอกไม้อวยพรสุเทพ

ขณะที่วานนี้ (7 ก.ค.) อภิสิทธิ์ ได้เดินทางมามอบดอกไม้อวยพร สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมด้วยครอบครัว ซึ่งร่วมกันทำบุญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 67 ปี
โดยสุเทพได้เข้ากราบนมัสการพระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาส พร้อมทำพิธีถวายผ้าป่าและทำบุญเลี้ยงพระจำนวน 290 รูป ที่วัดชลประทานรังสฤษฎิ์ โดยมีบรรดาแกนนำ กปปส.เช่น วิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นต้น และมีตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคฯ ศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรค เป็นต้น และนักการเมืองคนอื่นๆ มาร่วมงานทำบุญเป็นจำนวนมาก ขณะที่ มารุต บุนนาค อดีตประธานรัฐสภา ได้เดินทางมามอบดอกไม้อวยพรสุเทพด้วย

สุเทพชี้ถ้าไม่รับรธน.เราคงขาดทุน

สุเทพ กล่าวถึงเสียงตอบรับการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เกี่ยวกับการสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตนไม่ได้ประเมินแต่สังเกตจากการติดตามของประชาชนแล้ว ดีใจที่ได้ทำประโยชน์ ส่วนเสียงวิจารณ์และคำชมเป็นเรื่องปกติไม่ได้นำมาใส่ใจ ยืนยันว่าทำด้วยความสุจริตใจในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และคิดว่าหากโชคดีร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านประชามติ จะทำให้เกิดการปฏิรูปประเทศและอนาคตประเทศดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ กปปส. คาดหวังไว้
"ผมรู้สึกด้วยตัวเองว่า ถ้าไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้เราก็คงขาดทุน หมายถึงว่าประเทศชาติทั้งส่วนรวมนะครับจะขาดทุน" สุเทพ กล่าว
      
สุเทพ กล่าวต่อว่า เรื่องการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ายังไม่เพียงพอนั้น อยากให้เป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงาน ส่วนที่ กกต. พิมพ์เอกสารผิดพลาดและจัดส่งล่าช้านั้น ก็คาดเดาไม่ได้ว่าจนถึงวันลงประชามติประชาชนจะได้รับร่างรัฐธรรมนูญครบหรือไม่ ดังนั้นทุกหน่วยงานของรัฐบาลต้องช่วยกันทุกฝ่าย ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลกระแสการป่วนในช่วงก่อนการลงประชามตินั้น ตนเชื่อว่าประชาชนตื่นตัวและเป็นห่วงประเทศ หากใครทำร้ายประเทศก็จะอยู่ในสายตาของประชาชน และการที่รัฐบาลตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อดูแลการลงประชามติ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่อีกฝ่ายอาจมีเจตนาอย่างอื่น จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ขอฝากถึงกลุ่มที่เคลื่อนไหวขอให้เคารพกฎหมายเป็นหลัก เช่นเดียวกับตนที่เคลื่อนไหว หาก คสช. สั่งให้หยุด ตนก็ยินดีหยุดทันที
"เราทุกคนต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ต้องทำใจ วันนี้คสช.เป็นรัฏฐาธิปัตย์ คำสั่งเขาคือกฎหมาย นี่ถ้าเขาสั่งให้ผมหยุดผมก็ต้องหยุดทันที ผมก็ต้องเคารพกฎหมาย ผมเป็นคนอยู่ในสังคม ผมต้องรู้จักที่จะทำตัวให้อยู่ในกรอบกฎเกณฑ์" สุเทพ กล่าว

ประยุทธ์เชื่อมีคนให้ทุนทำร่างรธน.บิดเบือนแจก เตือนกำลังสอบสวนทุกเรื่อง


มีชัยระบุหากเป็นเรื่องเล็กน้อย กรธ. ก็พร้อมทำใจปล่อยวาง แต่หากประเด็นใดบิดเบือนเป็นเท็จก็รับไม่ได้ ก็จำเป็นต้องดำเนินคดี หวั่นคนอ่านไม่ครบเข้าใจผิดได้ ชี้อย่าว่าแต่ประชาชนแม้กระทั่งนักวิชาการยังเข้าใจกันคนละอย่าง
8 ก.ค.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่ามีการแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญที่บิดเบือนสาระสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า ผู้ที่พบเห็นควรแจ้งข้อมูลมายังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้สืบหาได้ง่ายขึ้น และหากพบว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง จะมีความผิดฐานการปลอมแปลงเอกสารราชการ เชื่อว่ามีกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังให้ทุนและสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบทุกเรื่อง มั่นใจว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ ยืนยันว่ายังไม่ได้รับการประสานจาก มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.เพื่อพูดคุยกรณีนี้ และคงไม่ต้องพูดคุย เพราะกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นไปแล้ว กำลังเดินหน้าเรื่องการทำประชามติ ซึ่งผลออกมาเป็นอย่างไร ต้องดำเนินการไปตามนั้น หากมีปัญหาต้องแก้ไข เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในการดูแลการออกเสียงประชามติ ขณะที่คสช.และกระทรวงมหาดไทยดูแลความเรียบร้อย
“มันต้องมีคนให้ทุน ประชาชนทำเองได้หรือ เดี๋ยวมันจะชัดเจนขึ้นทุกเรื่อง ผมบอกไว้ก่อนกำลังสอบสวนทุกเรื่อง ทุกคดี ผมมั่นใจเจ้าหน้าที่ของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ต้องจับตานักการเมืองที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ในช่วงวันที่วันที่ 26 กรกฎาคมซึ่งตรงกับวันเกิดของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ต้องจับตานักการเมืองเป็นพิเศษ เพราะการเดินทางออกนอกประเทศของนักการเมืองได้อนุญาตไปแล้ว และการพิจารณาจะให้เดินทางหรือไม่เป็นอำนาจศาล ทุกอย่างมีกฎหมายดูแลอยู่
“ใครจะเกิดก็เกิดไปเถอะ เวลาผมเกิดผมยังไม่ให้ใครสนใจว่าเกิดเมื่อไหร่ จะไปสนใจทำไม ก็เรื่องของผม ครอบครัวผมไม่เกี่ยวกับคนอื่น เขาอนุญาตอยู่แล้วออกไปไหนก็ไป ถ้าผิดกฏหมายก็ไปสู้คดีในศาล ศาลเป็นคนพิจารณาเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

มีชัยระบุหากเป็นเรื่องเล็กน้อย กรธ. ก็พร้อมทำใจปล่อยวาง 

ขณะที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวถึงกรณีการเอาผิดกับผู้เผยแพร่เอกสารบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญว่า แม้ กกต.  จะขอให้กรธ.ตัดสินใจว่าประเด็นใดเข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่หน้าที่ดำเนินคดีเรื่องนี้ยังเป็นหน้าที่ของกกต.โดยตรงที่จะต้องดำเนินการ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเนื้อหาเอกสารสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญปลอม พบว่าหลายเรื่องไม่มีเหตุผล ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
“หากเป็นเรื่องเล็กน้อย กรธ. ก็พร้อมทำใจปล่อยวาง แต่หากประเด็นใดบิดเบือนเป็นเท็จก็รับไม่ได้ ก็จำเป็นต้องดำเนินคดี อย่างไรก็ตามจะให้ที่ประชุมกรธ.วันนี้ วิเคราะห์ว่าเนื้อหาส่วนใดผิดกฎหมายบ้าง ก่อนส่งให้กกต. ดำเนินการ โดยจะพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป คนอ่านไม่ครบ ก็เข้าใจผิดได้อย่าว่าแต่ประชาชนแม้กระทั่งนักวิชาการยังเข้าใจกันคนละอย่าง” มีชัย กล่าว

รมว.อุตฯ ชี้ลดจ้างเหมาโตโยต้า เหตุหมดนโยบายรถคันแรก ทำความต้องการซื้อไม่ดีเท่าเดิม


8 ก.ค.2559 จากกรณี บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิด โครงการ "จากด้วยใจ" ให้แก่พนักงานรับเหมาช่วงเข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออก ประมาณ 800-900 คน ซึ่งพนักงานที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับเงินชดเชยครบถ้วนตามกฎหมายแรงงาน โดยให้เหตุผล เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว ประกอบกับความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออก ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ บริษัทฯ ต้องปรับลดกำลังการผลิตลง และมีพนักงานเกินความจำเป็นในการผลิต รวมทั้งต้องปรับลดจำนวนชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา ทำให้รายได้รวมต่อเดือนของพนักงานลดลง (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
กรกฤช จุฬางกูร รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 10% ในไตรมาสแรกของปีนี้ มีผลให้ยอดคำสั่งซื้อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชะลอตัวตามไปด้วย และกระทบต่อเนื่องไปยังกลุ่มแรงงานภาคชิ้นส่วนยานยนต์ แม้ไม่มีการปลดคนงาน แต่ก็จะไม่รับตำแหน่งเพิ่ม รวมถึงมีนโยบายลดกะการผลิตจาก 2 กะต่อวัน เหลือ 1 กะต่อวัน เพื่อลดต้นทุนค่าแรง และหันไปเพิ่มทำงานล่วงเวลา หรือโอทีในบางวันแทน แม้ว่ายอดการส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศยังขยายตัวประมาณ 2% แต่ผลลบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงมาก ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์มีการลดต้นทุนการผลิตด้วยการหันไปลดกะการทำงานลง เพื่อประหยัดต้นทุนการผลิต
 
ด้าน เจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าปัญหาการสมัครใจเลิกจ้างของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จะไม่ลุกลามไปถึงบริษัทอื่น เนื่องจากข้อมูลพบว่าค่ายรถยนต์อื่นยังขยายการผลิตต่อเนื่อง เพราะกรณีโตโยต้าเกิดโครงการสมัครใจลาออก ส่วนหนึ่งเป็นไปตามนโยบายการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งอาจมีผลต่อแรงงานในบริษัทได้ แต่ภาพรวมขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่ค่ายรถยนต์ปลดคนงาน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา สัญญาณการผลิตลดลงไปบ้างก็ต
 
อรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การปรับลดแรงงานจ้างเหมาของค่ายรถยนต์โตโยต้า น่าจะเกิดจากการตัดสินใจในเชิงธุรกิจเพียงรายเดียว ไม่ใช่ปัญหาแรงงานทั้งระบบ เพราะหลังจากมีนโยบายรถคันแรกที่ทำให้เกิดความต้องการรถยนต์จำนวนมากเมื่อหลายปีก่อน จนต้องเปิดรับพนักงานจ้างเหมาจำนวนมาก แต่เมื่อยอดายปัจจุบันไม่ดีเท่าเดิม ตามภาวะเศรษฐกิจ องค์กรจึงมีการปรับตัวด้านการผลิตให้สอดคล้องกับยอดขายในปัจจุบัน ยอมรับว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาชะลอโดยในประเทศอยู่ที่ 700,000-800,000 คัน ขณะที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 1.9-2 ล้านคัน เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลก ผนวกกับรายได้ภาคเกษตรมีปัญหา แต่มั่นใจว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤติ
อรรชกา กล่าวด้วยว่า ต้องติดตามว่าพนักงานเหล่านี้จะเคลื่อนย้ายหรือสมัครงานใหม่อย่างไร ขณะที่บางอุตสาหกรรมก็ยังขาดแรงงานอยู่มาก
“แม้ว่าตลาดชะลอลง แต่ยอดขายยังมีอยู่ ไม่ได้หดหายไปหมดเหมือนช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทยยังถือเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะต้องผลักดัน เพราะไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในอาเซียน” อรรชกา กล่าว

ปล่อยตัวหฤษฎ์-ณัฎฐิกา คดีทำเพจล้อหัวหน้า คสช. - ม.112 หลังฝากขัง 5 ผัด


ปอน หฤษฎ์ และณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์ ซึ่งถูกจับกุมคดีทำเพจล้อเลียนหัวหน้า คสช. และถูกพ่วงข้อหา ม.112 ได้รับการประกันตัวแล้ว หลังฝากขัง 5 ผัด ทนายวางหลักทรัพย์ประกันตัว 5 แสน ด้านพ่อของหฤษฎ์มารอรับลูกด้วย โดยขอบคุณที่ศาลปล่อยตัวชั่วคราว เชื่อว่าลูกจะไม่หลบหนีและขอสู้คดีถึงที่สุด
8 ก.ค. 2559 เมื่อเวลา 17.10 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง มีการปล่อยตัว หฤษฎ์ มหาทน และ ณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์ โดยศาลอนุญาตประกันตัว หลังฝากขังมา 5 ผัด โดยวางหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 500,000 บาท
โดยก่อนหน้านี้ หฤษฎ์และณัฏฐิกา ถูกเจ้าหน้าที่ทหารบุกจับกุมพร้อมกับบุคคลอื่นอีก 6 คนรวมเป็น 8 คนเมื่อวันที่ 27 เม.ย. พวกเขาถูกกล่าวหาว่ารับจ้างมาเป็นแอดมินและจัดการเนื้อหาในเพจเฟซบุ๊กล้อเลียนหัวหน้า คสช. 'เรารัก พล.อ.ประยุทธ์'
หลังได้รับการปล่อยตัว หฤษฎ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณศาลที่มีความเมตตาให้ปล่อยตัวชั่วคราว รวมถึงทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง จะไม่หลบหนีและจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์
หฤษฎ์ กล่าวด้วยว่าในกรณีผู้ต้องหาคดี ม.112 ยากมากที่จะได้รับการประกันตัวเช่นตนเอง แต่ในเรือนจำยังมีนักโทษคดี ม.112 และคดียาเสพติดอีกจำนวนมาก มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เกี่ยวข้องอะไรแต่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง จึงอยากให้ศาลมีความเมตตาในการประกันตัวนักโทษคนอื่นๆ ด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้ออกมาสู้ในกระบวนการยุติธรรม
สุดท้ายหฤษฎ์กล่าวว่า อยากให้สังคมเข้าใจว่าการเป็นผู้ต้องหาคดี ม.112 ไม่ได้เป็นผู้ที่ทำผิดไปแล้ว ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะสิ้นสุดกระบวนการทางยุติธรรม
กฤช มหาทน พ่อของหฤษฎ์ ซึ่งมารอรับลูกชายกล่าวว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของลูก ขอบคุณศาลที่ให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ขอยืนยันแทนลูกชายว่าจะไม่หลบหนีและจะต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด
ด้านณัฏฐิกา กล่าวว่าขอบคุณศาลที่มีเมตตาให้ปล่อยตัวชั่วคราว และขอบคุณทุกกำลังใจจากนอก ขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ดูแลอย่างดี ทั้งนี้ขอยืนยันในความบริสุทธ์ของตนเองและจะต่อสู้คดีต่อไป 
 
ณัฏฐิกา กล่าวต่อด้วยว่าหลังจากนี้ต่อไปนี้คงจะดูแลแม่และครอบครัว ไม่คิดที่จะหลบหนีเหมือนที่ได้ยืนยันกับศาลไปตั้งแต่ต้น นอกจากนี้คิดว่าคดี 112 เป็นคดีที่สร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเองและครอบครัว ทั้งนี้ไม่เคยมีความคิดและแนวทางเกี่ยวกับคดีนี้มาก่อน จึงต้องการใช้กระบวนการยุติธรรมในการพิสูจน์ตนเอง
 
ส่วนความเป็นอยู่ในเรือนจำหญิงนั้น ณัฏฐิกา บอกว่า ค่อนข้างแออัด ลำบาก แต่ว่าเมื่อตนเองเป็นนักโทษการเมืองก็ค่อนข้างที่จะได้รับการเข้าใจและเห็นใจมากกว่านักโทษคนอื่น
โดยตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันนี้ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ แจ้งว่าวันนี้มีการฝากขังผัดหก หฤษฎ์ และ ณัฏฐิกา โดยศาลทหารอนุมัติฝากขัง แต่ทางทนายจำเลยยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 500,000 บาท ต่อมา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
โดยก่อหน้านี้ หลังถูกจับกุม หฤษฎ์ ณัฏริกา และเพื่อนร่วม 8 คนถูกนำมาแถลงข่าวที่กองบังคับการปราบปราม ในวันที่ 28 เม.ย.และแจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 116 ปลุกระดมปลุกปั่นให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1),(2),(3) และถูกนำตัวไปฝากขังยังศาลทหาร ศาลอนุมัติและส่งเข้าเรือนจำ
ต่อมา 29 เม.ย. มีรายงานข่าวว่าศาลทหารได้อนุมัติหมายจับเพิ่มเติม คือ หฤษฎ์ และณัฏฐิกา ในข้อหามาตรา 112 โดยอ้างเหตุกรณีการพูดคุยส่วนตัวกันในแชตของเฟซบุ๊ก โดยที่ผ่านมาศาลไม่อนุมัติประกันตัว จนกระทั่งได้รับการประกันตัวในวันนี้

อีสานใหม่ออกคำแถลง “เราไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” จากรัฐบาลทหาร


ขบวนการอีสานใหม่ออกคำแถลง หลังจบขบวน Walk4Rights ชี้พบปัญหาละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชนหลายพื้นที่ ระบุชัดภายใต้การปกครองของ คสช. นับวันยิ่งทำลายความเป็นมนุษย์ของคนอีสาน ยันชัด ไม่ร่วม ไม่รับร่าง รธน. จากรัฐบาลทหาร
8 ก.ค. 2559 ขบวนการอีสานใหม่ได้ออกคำแถลงอีสานใหม่ หลังจากได้จัดกิจกรรม “Walk for Rights” เดินเพื่อสิทธิชีวิตคนอีสานเสร็จสิ้น โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเดินเท้าไปทั่วภาคอีสานเพื่อเปิดปมปัญหาผลกระทบจากการโครงการพัฒนาของรัฐ และเอกชน ผลกระทบจากนโยบายของรัฐ รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกิดขึ้นในภาคอีสาน โดยเดินเป็นระยะทางราว 800 กิโลเมตร ระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งเริ่มต้นแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2559 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา
โดยในคำแถลงของขบวนการอีสานใหม่ได้ระบุถึง เรื่องสิทธิซึ่งเป็นสิ่งที่มีติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด รัฐมีหน้าเพียงคุ้มครองดูแลสิทธิเสรีภาพของประชาน ไม่ใช้มีหน้าที่ควบคุม พร้อมทั้งระบุด้วยว่า โครงการพัฒนาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประชาชน ไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็ม ควรจะต้องหยุดโครงการต่างๆ ไว้ก่อน เพื่อให้ประชาชนได้มีสิทธิในการกำหนดอนาคตของตนเอง ให้ประชาชนได้มีสิทธิในการตัดสินใจตามวิถีประชาธิปไตย
ทั้งในคำแถลงดังกล่าว ยังได้ประกาศว่า ขบวนการอีสานใหม่ จะ ไม่ร่วม ไม่รับ รัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐบาลทหาร รวมถึงรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน และไม่มีผู้ใดจะข่มขู่บีบบังคับสิทธิในการที่จะไม่รับรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความชอบธรรม
00000
คำแถลงอีสานใหม่
ด้วยขบวนการอีสานใหม่ ได้จัดกิจกรรม “Walk for Rights เดินเพื่อสิทธิเพื่อชีวิตคนอีสาน” เพื่อเยี่ยมยามถามข่าวเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในภาคอีสาน เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตวัฒนธรรมอันหลากหลายในแผ่นดินอีสาน ทั้งหมด 10 จังหวัดจากจังหวัดชัยภูมิจนถึงจังหวัดสุรินทร์ จึงพบว่า ทั่วทั้งภาคอีสานได้ประสบปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ทั้งทางด้านสิทธิพลเมืองสิทธิทางการเมือง สิทธิทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม ประชาชนคนอีสานต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างถ้วนหน้าทั่วทุกหัวระแหง โดยเฉพาะสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร ที่ลุกลานปล้นชิงทรัพยากรอย่างหนักหน่วง ทั้งจากโครงการการพัฒนาของรัฐ เอกชน และนโยบายต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า นโยบายการจัดการน้ำ นโยบายส่งเสริมการทำธุรกิจเหมืองแร่ และนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
ในสถานการณ์สังคม ณ ปัจจุบัน ด้วยหวังว่าหลักการสิทธิมนุษยชนจะลงหลักปักฐานในสังคมอีสาน เราได้ยืนยันว่าเรามีสิทธิที่จะเดิน เดินเพื่อพบปะพี่น้องของเรา ด้วยเสรีภาพที่มนุษย์ทุกคนพึงมี ซึ่งข้อเท็จจริงที่ปรากฏ คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอีสาน
การบริหารประเทศภายใต้รัฐบาล คสช. ที่นับวันยิ่งจะทำลายสิทธิเสรีภาพของเรา ทำลายความเป็นมนุษย์ของคนอีสาน ทำลายวิถีทางความเป็นอีสาน ดังนั้น เพื่อสรรค์สร้างแนวทางอีสานใหม่ เราจึงขอประกาศต่อสาธารณะมา ณ ที่นี้ว่า
1. เรามีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสิทธิที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด รัฐมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิของเราจนกว่าจะตาย แม้แต่ในยามที่สังคมไม่เป็นประชาธิปไตย สิทธิของเราจะถูกละเมิดไม่ได้
2. การพัฒนาใด ๆ ก็ตามที่เกิดในยุคของรัฐบาลทหาร เป็นกระบวนการที่ล้วนแต่ไม่มีความชอบธรรมตั้งแต่แรก จึงต้องหยุดการพัฒนาที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ จนกว่าสังคมจะเป็นประชาธิปไตย ให้ประชาชนมีสิทธิในการกำหนดอนาคตของตนเอง ให้ประชาชนได้มีสิทธิในการตัดสินใจตามวิถีประชาธิปไตย
3. เราอีสานใหม่ขอประกาศว่า เราจะ ไม่ร่วม ไม่รับ รัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐบาลทหาร รวมถึงรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน และไม่มีผู้ใดจะข่มขู่บีบบังคับสิทธิในการที่จะไม่รับรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความชอบธรรมของเราได้
ด้วยจิตสิทธิมนุษยชนคนอีสาน
ขบวนการอีสานใหม่