วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทหารเรียก 2 แกนนำแดง จ.พะเยา เข้าค่ายคุยสั่งห้ามเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ


15 มิ.ย.2559 ความคืบหน้ากรณีการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ ของ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งวานนี้ (14 มิ.ย.59) เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี  ลำปาง ได้เข้าปลดป้ายศูนย์ดังกล่าวที่ร้านค้าซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ใกล้แยกศรีชุมด้านในเทศบาลนครลำปาง (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)นั้น
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยังรายงานด้วยว่า วานนี้ (14 มิ.ย.59) เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 34 ได้ติดต่อเรียกตัวสองแกนนำเสื้อแดงใน จ.พะเยา ได้แก่ ศิริวัฒน์ จุปะมัดถา และทองอุ่น มะลิทอง มาพูดคุยภายในค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ในประเด็นการก่อตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยทหารระบุห้ามเปิดศูนย์ดังกล่าวในพื้นที่
ศิริวัฒน์ ระบุว่าเช้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารติดต่อเขากับนายทองอุ่นให้เข้าไปพูดคุยเรื่องการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ภายในค่ายขุนเจืองธรรมิกราช โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) เขาได้เดินทางไปร่วมพูดคุยกับทางกลุ่มนปช.ที่ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเตรียมที่จะเปิดศูนย์ปราบโกงฯ พร้อมกับ นปช.ส่วนกลางในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารจับตาความเคลื่อนไหวดังกล่าว ก่อนมีการเรียกตัวมาพูดคุย
ในการพูดคุยมีทาง พ.อ.ทินชาติ สุทธิรักษ์ เจ้าหน้าที่หัวหน้าฝ่ายข่าวของมณฑลทหารบกที่ 34 ร่วมกับนายทหารอีกจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่พูดคุยกับสองแกนนำคนเสื้อแดงว่าการเปิดศูนย์ดังกล่าวไม่ได้มีกฎหมายรองรับ และในการดูแลเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มีองค์กรที่รับผิดชอบอยู่แล้ว การเปิดศูนย์ฯ ในลักษณะนี้จะเป็นการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้เปิดศูนย์ดังกล่าวในพื้นที่
ศิริวัฒน์ระบุว่าตนได้พยายามสอบถามว่าการเปิดศูนย์ปราบโกงนั้นผิดกฎหมายในส่วนไหน อย่างไรบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ ทำให้ตนพยายามยืนยันว่าถ้าไม่ผิดกฎหมายใดๆ ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนจะทำได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่อนุญาตให้มีการเปิดศูนย์ปราบโกงได้ เพราะเกรงจะเป็นการแอบแฝงการเคลื่อนไหวทางการเมือง
การพูดคุยใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงได้มีการเชิญตัวแกนนำเสื้อแดงทั้งสองคนไปที่ศาลากลางจังหวัดพะเยา เพื่อพูดคุยกับส่วนของปลัดจังหวัดพะเยา ที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการลงประชามติ ซึ่งได้มีการพูดคุยขอความร่วมมือไม่ให้มีการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติในพื้นที่จังหวัดพะเยาเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหาร
ศิริวัฒน์ ระบุว่าเจตนาของการเปิดศูนย์ปราบโกงมีสองประเด็น คือการร่วมกันเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการร่วมกันสอดส่องดูแลการลงประชามติให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ให้มีการโกงเกิดขึ้น โดยการดำเนินการทั้งหมดไม่ได้มีเรื่องซึ่งผิดกฎหมายที่เป็นอยู่แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังมีการห้ามเปิดศูนย์ดังกล่าว

ปม 'ชงเรื่องล้มประชามติ' กมลพรรณ ยันไม่ต้องการล้ม แต่ให้มันแฟร์ ไม่ปิดปากปชช.


ปมกระแสวิจารณ์ 'ชงเรื่องล้มประชามติ' หลังกมลพรรณ และคปป.  ยื่นศาลปกครอง ฟ้อง ประยุทธ์-ครม.-กรธ.-สนช.-กกต. เหตุ พ.ร.บ.ประชามติขัด รธน. เจ้าตัวยันไม่ต้องการล้ม แต่ให้มันแฟร์ ไม่ปิดปากปชช. ระบุถ้ารธน.ผ่านน่ากลัวมาก เหน็บทักษิณ ถ้าผ่านก็ได้ประโยชน์จาก รธน.นี้เหมือนกัน  เผยเตรียมร้อง ป.ป.ช.ต่อ
15 มิ.ย.2559 จากการณีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลปกครองกลาง กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี พร้อมพวกรวม 17 คน เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.) ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-5 กรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 เพื่อลงประชามติ โดยมีรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ที่ไทยสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนและสัมปทานทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงร่างมาตรา 54 ที่ขัดต่อกติกาสากลระหว่างประเทศ ประกอบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และ 5 ได้ผ่าน พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มีหลายมาตราอาจขัดต่อประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศ ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 1, 4, 5 และ 35(1) รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งหมดและผู้เกี่ยวข้องสุ่มเสี่ยง ต่อการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119, 128 และ 129 ในเรื่องการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนและสูญเสียความมั่นคงของรัฐ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

ยันไม่ให้ล้ม แต่ต้องการให้มันแฟร์

ภายหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลุ่มดังกล่าวต้องการชงเรื่องเพื่อล้มประชามตินั้น ผู้สื่อข่าวประชาไท ได้สอบถาม กมลพรรณ เพิ่มเติม โดย กมลพรรณ กล่าวว่า ถ้าเราลงสนามแข่งขัน แล้วมันไม่แฟร์ เราเลื่อนไปไม่กี่วันไม่กี่เดือน แต่ทำเพื่อให้ผล ประโยชน์ของประชาชนกลับมา มันคุ้มกว่าเยอะ แต่ นปช. ต้องคิดใหม่ ต้องคิดเพื่อรากหญ้า ไม่ใช่คิดถึงนักการเมือง ฝ่ายเราก็สู้เพื่อประชาชน ถ้าจะแก้กันจริงจังร่างนี้แก้ภายใน 15 วันก็พอแล้ว มันต้องทำให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ไม่เช่นนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้มันจะไม่ใช่ยาบำรุงแต่จะเป็นคือยาพิษ 
เมื่อถามย้ำว่า ถ้า คสช. ไม่แก้ พ.ร.บ.ประชามติ จะไปลงประชามติไหม กมลพรรณ กล่าวว่า เราคงไปแต่จะไป vote no แต่กว่าจะถึงขั้นนั้น เราก็คงต้องพยายามชูให้แก้ให้ถึงที่สุด เราไม่ได้ให้ล้มประชามติ เราให้คุณแก้ไขก่อนประชามติ ไม่เช่นนั้นเราก็บอกไปแล้วว่ายกเลิกปประชามติ
 

เหน็บทักษิณ ถ้าผ่านก็ได้ประโยชน์จาก รธน.นี้เหมือนกัน 

นอกจากนี้ กมลพรรณ ยังกล่าวว่า นปช. มีผลประโยชน์แอบแฝง ทำไมไม่ออกมาตี เคยมีคนบอกตนว่า เอาจริงๆ แล้ว พอคิดเรื่องสัมปทาน เรื่องการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนต่างๆ คนที่ได้ประโยชน์สุดท้ายก็คือทักษิณ นปช. ก็แสดงละครให้รากหญ้าดูเฉยๆ ทักษิณก็มีสัมปทาน เขาก็ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญเหมือนกัน แต่ที่ออกมาตีกันคือเล่นละครกันให้ประชาชนเกลียดกันเอง  แต่กลุ่มเราเคลื่อนหมดทุกรัฐบาล รัฐบาลอภิสิทธิ์ตนก็เคยค้าน
 
ส่วนที่ต้องใส่เสื้อเหลืองนั้น กมลพรรณ กล่าวว่า เราเพราะเราจงรักภักดี เดือนนี้เป็นเดือนมงคล เราอยากจะเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี หมอเป็นศิษย์จำลอง แต่ไม่ได้เล่นเกมอำนาจ เราค้านในสิ่งที่ไม่ชอบธรรมทั้งหลาย
 

ชี้ กม.ประชามติปิดปากปชช. ระบุถ้ารธน.ผ่านน่ากลัวมาก

"ถึงคนที่ต้องการลงประชามติ ถ้ามันไม่ผ่านเขาจะเอาอะไรมาให้เราเราก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะทำแล้วผ่าน อันนี้จะอันตรายมาก มันมีแต่เสียกับเสีย ยิ่งตอนนี้เรามี พ.ร.บ. ที่ปิดปปากประชาชน ประชาชนเขาจะไม่กล้าออกมาวิจารณ์เลย ฝ่ายรัฐกับกลุ่มทุนพูดได้ฝ่ายเดียว สุดท้ายมันก็ร่วมกันถวายสมบัติให้ต่างชาติ มันสุ่มเสี่ยง เราไม่มั่นใจว่ามันจะผ่านไหม ถ้าผ่านมันจะน่ากลัวมาก ยิ่งรากหญ้าชาวบ้าน คนพวกนี้เขาไม่อ่านร่างด้วยซ้ำ" กมลพรรณ กล่าว

หวั่นเสียดินแดนง่าย เอื้อต่างชาติใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

สำหรับข้อกังวลต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กมลพรรณ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญที่เขียน ทางรัฐก็บอกว่าจะปราบโกง แต่ตนเชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้อ่านว่าแต่ละมาตรามันเขียนว่ายังไงบ้าง ตนไปอ่านเกือบทุกมาตรา มาตรา 178 เขาเขียนว่า พระมหากษัตริย์คงไว้ซึ่งอำนาจในการเปลี่ยนแปลงดินแดน หนังสือสัญญาที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ดินแดน หรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ถ้ารัฐสภาไม่พิจารณาภายใน 60 วัน ให้ถือว่ารับรองเลย แบบนี้แปลว่าเราเสียดินแดนทันที เราจะเสียดินแดนง่ายมาก ในวรรค 2 เป็นการเอื้อให้ ต่างชาติจะเข้ามาลงทุน Mega Project ต่างๆ รวมถึงการให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ นี่คือการหมกเม็ด เขาบอกว่าจะปราบโกง แต่จริงๆ มันคือการเขียนให้การโกงถูกกฎหมาย ยังมีเรื่องสัมปทนา รธน. ฉบับนี้เขียนไว้หลวมๆ ว่าการบริหาารทรัพยากรธรรมชาติ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมันไม่รัดกุม มันแย่กว่าเยอะเมื่อเทียบกับ รธน. 50 กับ 40 และสิทธิหายไป มันหมกเม็ดเยอะ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็ไม่มีการกำหนดว่ารัฐต้องถือหุ้นอย่างน้อย 51%

ทำไมไม่เขียนให้เรียนฟรีถึง ม.6 

กมลพรรณ กล่าวต่อว่า ในเรื่องมาตรา 54 ให้รัฐจัดการศึกษาฟรี 12 ปีถึง ม.3 ซึ่งในมุมมองของตน โรงเรียนบางแห่งทุกวันนี้ยังเก็บค่าเทอมอยู่เลย ถึงรัฐบาลจะบอกว่าเรียนฟรีแต่มันมีรัฐธรรมนูญรับรอง ต่อไปในอนาคตถ้าไม่เรียนฟรีจะเกิดอะไรขึ้น ค่าครูค่าหนังสือ ค่าอาคาร ทั้งหมดจะเก็บเพิ่มขึ้น เพดานเท่าไหร่ก้ไม่มีจำกัด มันเหมือนการเอามหาลัยออกนอกระบบ ถึงจะบอกจะมีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา แต่ต้องอย่าลืมว่ามันมีนักเรียนนักศึกษาฆ่าตัวตายเยอะแยะเพราะไม่สามารถหาเงินมาใช้กองทุนได้ ทำไมเขาไม่บัญญัติว่าเรียนฟรีถึง ม.6 เพราะเขากลัวผู้ปกครองที่รู้กฎหมายไปฟ้องเขาตอนเก็บค่าเล่าเรียน เขาบอกว่ารัฐงบไม่พอ ต้องสนับสนุนเด็กอนุบาล แต่การสนับสนุนเด็กอนุบาลมันก็ใช้งบประมาณเยอะเหมือนกัน 
 
กมลพรรณ กล่าวว่า อีกอันที่ตนเป็นห่วง การจัดการศึกษาให้เด็กอนุบาลเพื่อลดความเหลือมล้ำ ระบบปัจจุบันมันเพิ่มศักยภาพเด็กได้หรือยัง หรือแค่ท่องๆ จำๆ โรงเรียนวดวิชาก็รวย เกิดธุรกิจการศึกษา การเอาเด็กอนุบาลเข้ามาท่องตั้งแต่เด็ก มันเป็นการทำร้ายเด็กมากกว่าผลดี เราไม่เชื่อว่าคณะกรรมการร่างจะมีศักยภาพในการพัฒนาเด็กอ่อน มันมีผลประโยชน์ เหมือนการเอาโรงเรียน ม.ปลายออกนอกระบบ และเขียนกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้อง
 

คสช. ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ

สำหรับข้อกล่าวหาว่า คสช. ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ นั้น กมลพรรณ กล่าวว่า ตั้งแต่การตรากฎหมายแล้ว การตรารัฐธรรมนูญ มันขัดกับกติกาสากล และ ขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว คณะกรรมการร่างต้องร่างโดยยึดหลักที่ว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ แต่มาตรา 178 นี่มันคือการยกประเทศให้ใครก็ได้ มาตรา 4 ของงรัฐธรรมนูญชั่วคราว 
 
ประเด็นปัญหา พ.ร.บ.ประชามติ นั้น กมลพรรม อธิบาว่า มี 2 ประเด็นที่สำคัญ 1. กกต. มีหน้าที่ในการทำประชาติอย่างโปร่งใสและทุจริต การที่เราทำเครื่องหมายอะไรไม่ได้ในบัตรเลือกตั้ง แสดงตัวไม่ได้ว่าเราเลือกให้ใคร เราไม่มีพยานได้เลยว่าเราลงคะแนนให้ใคร กากบาทใครก็กาได้ กาเหมือนกัน ทำบัตรผีได้ มันเป็นอุปสรรคของการเลือกตั้ง มีการสลับหีบเลือกตั้ง เผาบัตร เผาหีบ หีบทิ้งข้างทาง คนมันโกงตั้งแต่การเลือกตั้งแล้ว มีการโยกย้ายพวกพ้องของตัวเองเต็มไปหมด แต่ กกต. ทำประชามติที่ไม่โปร่งใส และสุจริต เขาจะสามารถที่จะโกงผลได้ เราเห็นด้วยที่เสื้อแดงจะทำศูนย์ปราบโกง ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้ง อะไรที่ประชาชนเสียหายเขาก็ควรมีสิทธิ์ที่จะสู้ นี่ไม่ใช่เรื่องของสีเสื้อ ธรรมนูญฉบับนี้มันกีดกันขั้วอำนาจออกไป และกีดกันผลประโยชน์ของประชาชน และจะมีพวกใดพวกหนึ่งได้ประโยชน์ แต่เราไม่รู้ว่าทหารรู้ไหม แต่ทำอย่างงี้เท่ากับใครเลือกตั้งมา ก็ถวายพานทรัพยสินของประเทศให้เขาเลย ทั้งโรงเรียน ม.ปลาย ครูอาจารย์ เกิดระบบเครือญาติในระบบการศึกษา ค่าเทอมค่าเล่าเรียนก็ไม่มีกำหมายกำหนด กำหนดเองหมด การบริหารการลงทุน
 
2. การบังคับใช้ที่ไม่เสมอภาค ถ้าเรายึดตามหลักนิติธรรม กฎหมายต้องบังคับใช้โดยเสมอกันไม่ว่าจะรวยหรือจน ไม่มีเลือกปฏิบัติ กกต. ไม่ให้ฝ่ายที่เห็นแย้ง วิพากษ์วิจารณ์ร่างอย่างเปิดเผยเป็นการสมรู้ร่วมคิดในการปล้นชาติ ถ้าคุณไม่มีเจตนาแบบนั้น คุณจะปิดปากประชาชนอะไร มาตรา 178 น่าจะเข้ากับมาตรา 118 129 
 

จ่อร้อง ป.ป.ช.ต่อ

กมลพรรณ เปิดเผยว่า ตนจะไป ป.ป.ช. ถ้าศาลปกครองเขาไม่เข้าใจว่าตนทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่เห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหาย หรือไม่มีสิทธิฟ้อง ตนก็จะไปฟ้อง ป.ป.ช. มันเป็นขั้นตอนกระบวนการซึ่งตนสามารถทำได้ แต่ตนไม่ได้คาดหวัง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ตนยื่นไว้เป็นหลักฐาน 

'บอร์ดราชภักดิ์' ขอเทศบาลเมืองหัวหิน หนุนงบบำรุงรักษาภูมิทัศน์ 1.2 แสนต่อเดือน


15 มิ.ย.2559 โพสต์ทูเดย์รายงานว่า จิรวัฒน์ พราหมณี รองปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอุทยานราชภักดิ์ ที่ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ขอให้ทางเทศบาลเมืองหัวหินทำการสนับสนุนงบประมาณในการบำรุงรักษาภูมิทัศน์ภายในอุทยานราชภักดิ์จำนวน 1.2 แสนบาท/เดือน ซึ่งตัวเองไม่มีอำนาจตัดสินใจ จึงได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ เพื่อแจ้งให้ นพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีฯ พิจารณาต่อไป 
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้ร่วมกันพิจารณาเวลาเปิด-ปิด ให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น. เป็นเวลา 07.00-18.00 น. และในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 08.30-20.00 น. เปลี่ยนแปลงเป็นเวลา 07.00-20.00 น. 
สำหรับกิจกรรมที่จะจัดขึ้นภายในอุทยานได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมขึ้นทุกเดือน อาทิ ในวันที่ 22 ก.ค. ได้จัดกิจกรรมการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ในวันที่ 18 ส.ค. 2411 พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินชลมารคและสถลมารค ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่ทรงคำนวณพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 2 ปี ว่าจะเกิดในวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง 

 ป.ป.ช. แจง คืบหน้าสอบ เหลือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่่ผ่านมา มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้อยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริง ทางเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.กำลังดูว่ามีประเด็นอะไรยังหลงเหลืออยู่ที่สังคมให้ข้อมูลเรา คิดว่าไม่น่าจะใช้เวลายาวนาน เพราะเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือการตรวจสอบเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ถ้ายังมีรายละเอียดอะไรที่สังคมยังคลางแคลง และยังอยู่ในอำนาจป.ป.ช. เราสามารถดำเนินการไต่สวน แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้อยู่แล้ว

กลุ่มหนุน คสช. รวมตัวศูนย์ราชการ-รอดักพลเมืองโต้กลับเต้นอย่างนี้ต้องตีเข่าฯ ที่ กกต.


ตำรวจขอ 'พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ' ยุติกิจกรรมพลเมืองโต้กลับเต้นประกอบเพลง 'รัฐธรรมนูญไม่ดีอย่างนี้ต้องตีเข่า' หน้าสำนักงาน กกต. ในศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ - ขณะที่กลุ่มหนุน คสช. รวมตัวให้กำลังใจ กกต. รอดักพลเมืองโต้กลับ ลั่นจะไม่ให้ใครก่อกวนบ้านเมือง รักษาสามสถาบันหลัก พร้อมประกาศ 'ที่ใดมีจ่านิวที่นั่นมีเรา'
กลุ่ม "คนไทยใจเกินร้อย" รวมตัวศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ รอดักพลเมืองโต้กลับ - พร้อมออกแถลงการณ์หนุน กกต. ฟ้องพลเมืองโต้กลับชี้นำร่างรัฐธรรมนูญ - ลั่นที่ใดมีจ่านิวที่นั่นมีเรา
พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ แถลงยุติการจัดกิจกรรมของกลุ่มพลเมืองโต้กลับเต้นประกอบเพลง "รัฐธรรมนูญไม่ดีอย่างนี้ต้องตีเข่า" หน้าสำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ
ทั้งนี้พันธ์ศักดิ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กำกับ สน.ทุ่งสองห้องขอความร่วมมือเนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะมีกลุ่มหนุน กกต. รออยู่ และหากกลุ่มทำกิจกรรมก็ไม่บรรลุเป้าหมายอยู่ดี แต่ในวันนี้ถือว่ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ กกต. เห็น ตัวเขาในฐานะนักแต่งเพลงและคนออกแบบท่าเต้นได้มาแสดงตัว ถ้าเห็นว่าการใช้เพลงรณรงค์ผิดกฎหมายประชามติ ขอให้ กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร มาแจ้งความได้โดยตรง
15 มิ.ย. 2559 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 2 จำนวน 150 นาย และตำรวจนอกเครื่องแบบ 30 นาย เข้ามาประจำการดูแลความเรียบร้อยภายในอาคาร มีการกระจายกำลังดูแลทุกประตูเข้า-ออก ทั้ง 4 ด้านของอาคาร  โดย พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ รองผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กำชับมาตรการดูแลความเรียบร้อยต้องปฏิบัติด้วยความสุภาพเรียบร้อย เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่มาใช้บริการภายในศูนย์ราชการด้วย
ทั้งนี้ในเวลา 16.00 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับ จะเดินทางเต้นประกอบ "เพลงรัฐธรรมนูญไม่ดีอย่างนี้ต้องตีเข่า" หลังจากมีการเผยแพร่คลิปเพลงดังกล่าวผ่านเพจพลเมืองโต้กลับ และต่อมาถูก กกต. แจ้งความฟ้องร้องว่ามีการทำผิดตาม พ.ร.บ. ประชามติ

'คนไทยใจเกินร้อย' รอดักพลเมืองโต้กลับ บ้านเมืองกำลังสงบออกมาวุ่นวายทำไม

อย่างไรก็ตามก่อนเริ่มกิจกรรม มีประชาชนจากหลายจังหวัดในนาม "คนไทยใจเกินร้อย" มาให้กำลังใจกับ กกต. และระบุว่าเตรียมต้อนรับ 'จ่านิว' สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ทั้งนี้มีสุภาพสตรีคนหนึ่งเมื่อเห็นสื่อมวลชนได้ตะโกนว่า มาช่วยรัฐบาล บ้านเมืองกำลังสงบจะออกมาทำให้วุ่นวายทำไม
ทั้งนี้ผู้สนับสนุน คสช. ได้ยกท่อนหนึ่งของเพลง "เพราะเธอคือประเทศไทย" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาด้วย โดยกล่าวว่า เพราะเขา '...มีเพียงสองมือกับหนึ่งลมหายใจ' พอเดินก้าวไปต้องช่วยกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เขาเข้าไป เรามาช่วยรัฐบาลรู้บ้างไหม ปล่อยให้เขาเข้าไปได้อย่างไร เข้าไปได้อย่างราชามันเป็นใคร มาก่อกวนบ้านเมืองปล่อยให้เข้าไปได้อย่างไร
ทั้งนี้สุภาพสตรีคนดังกล่าวตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "สามสถาบันหลักจะไม่ให้ใครทำลาย" และเตรียมจะพูดด่าสื่อมวลชนบางสำนักที่มาทำข่าว อย่างไรก็ตามเพื่อนของสุภาพสตรีที่มาด้วยกันได้เข้ามาห้ามปรามเอาไว้และพาไปพูดคุยที่จุดอื่น
นอกจากนี้มีกลุ่มชาวนาอยุธยา 70 คน เดินทางมาที่สำนักงาน กกต. ด้วย และเสนอให้ศูนย์ปราบโกงประชามติของจตุพร พรหมพันธุ์ไปตรวจสอบเรื่องจำนำข้าว ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวระบุว่าทราบว่าพลเมืองโต้กลับจะมาศูนย์ราชการจากการส่งไลน์ จึงมารอพบ กกต. ในเวลาเดียวกันและจะพูดคุยกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ

กลุ่มคนไทยใจเกินร้อย อ่านแถลงการณ์หนุน กกต.

แถลงการณ์หนุน กกต. ฟ้องพลเมืองโต้กลับชี้นำร่าง รธน. ลั่น - ที่ใดมีจ่านิวไปเหยียบที่นั่นมีเรา

นอกจากนี้กลุ่มคนไทยใจเกินร้อย ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า
เนื่องจากในปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวบิดเบือนตลอดจนกล่าวหาและยุยงให้พี่น้องประชาชนโดยทั่วไป ที่ยังไม่เข้าใจในรายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ยกร่างกันขึ้นมาใหม่นี้)
ทางเพื่อนๆ กลุ่มคนที่ตระหนักถึงอนาคตและความอยู่รอด ในความสงบสุขของประเทศได้รวบรวมบุคคลที่มีความคิดเห็น และมีความห่วงใยต่อบ้านเมือง ให้ออกมาช่วยกันแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจแก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง
และให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ด้วยกลุ่มนี้ได้ทำมิวสิควิดีโอเพลง "อย่างนี้ต้องตีเข่า" (โหวตไม่เอาแล้วตีตก) เผยแพร่สู่สาธารณะ โดยมีเนื้อหาของเพลง และท่าทางการเต้น มีการกล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญว่าเลวร้าย และจะไม่รับร่างฯ พร้อมทั้งมีการเชิญชวนให้ผู้ฟังไม่รับร่างฯ ด้วย ซึ่งเป็นการชี้นำประชาชนอย่างเห็นได้ชัด
ในนามของกลุ่มเครือข่าย "คนไทยใจเกินร้อย"
ทั้งนี้หลังอ่านแถลงการณ์ มีผู้ประกาศว่า "ที่ใดก็ตามที่จ่านิวไปเหยียบที่นั่นมีเรา นี่คือสิ่งที่พวกเราปวารณาไว้ตัวไว้"

ตำรวจประสานอาจารย์ธรรมศาสตร์รับจ่านิวออกจากสำนักงาน กกต.

ขณะเดียวกันสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ได้เดินทางมาติดต่อสำนักงาน กกต. และติดอยู่ภายในสำนักงานเนื่องจากด้านล่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะมีกลุ่ม "คนไทยใจเกินร้อย" มารอดักพบ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้ บุญเลิศ วิเศษปรีชาอาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มารับ สิรวิชญ์ และพาเดินทางออกจากศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ โดยไม่มีการพบเผชิญหน้ากับกลุ่ม "คนไทยใจเกินร้อย" แต่อย่างใด

ตำรวจเชิญพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพขึ้นรถตู้โดยไม่ทันได้เต้นหน้าศูนย์ราชการ

เวลาประมาณ 16.50 น. ที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ โดยที่ไม่ทันได้จัดกิจกรรมพลเมืองโต้กลับเต้นประกอบเพลง "รัฐธรรมนูญไม่ดีอย่างนี้ต้องตีเข่า" หน้าสำนักงาน กกต. ในศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ขณะที่ภายในศูนย์ราชการมีกลุ่มให้กำลังใจ กกต. รอดักกลุ่มพลเมืองโต้กลับอยู่
โดย พันธ์ศักดิ์ ได้แถลงยุติการจัดกิจกรรมของกลุ่มพลเมืองโต้กลับเต้นประกอบเพลง "รัฐธรรมนูญไม่ดีอย่างนี้ต้องตีเข่า" โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กำกับ สน.ทุ่งสองห้องขอความร่วมมือเนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และหากกลุ่มทำกิจกรรมก็ไม่บรรลุเป้าหมายอยู่ดี แต่ในวันนี้ถือว่ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ กกต. เห็น ตัวเขาในฐานะนักแต่งเพลงและคนออกแบบท่าเต้นได้มาแสดงตัว ถ้าเห็นว่าการใช้เพลงรณรงค์ผิดกฎหมายประชามติ ขอให้ กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร มาแจ้งความได้โดยตรง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์จากศูนย์ราชการไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และในเวลาต่อมามีการปล่อตัวนายพันธ์ศักดิ์ โดยเบื้องต้นไม่มีการตั้งข้อหาแต่ให้ลงบันทึกประจำวัน

รมว. ICT ยันเว็บรัฐบาลยังเป็นปกติ หลังพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ระดม F5


พลเมืองต่อต้าน Single Gateway ปฏิบัติการระดม F5 เว็บการเงินทหารบก ประกาศความสำเร็จหวัง รบ.กลับมาคิดทบทวน ขออภัยผู้ได้รับผลกระทบ ด้านรมว. ICT ยันเว็บรัฐบาลยังเป็นปกติ ผอ.ไซเบอร์ ทบ.ยันเว็บไซต์หน่วยงานของกองทัพบกยังปลอดภัย
15 มิ.ย.2559 จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'พลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall #opsinglegateway' ได้ประกาศยกระดับกิจกรรม F5 ต่อต้านกฎหมาย Single Gateway  หลังจากที่กลุ่มได้มีการทักท้วงและมีข้อเสนอ 4 ประการ โดยได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีดังต่อไปนี้ ข้อ 1. ให้มีการรับรองเสรีภาพของประชาชนบนโลกออนไลน์อย่างชัดเจน โดยรัฐบาลต้องแถลงท่าทีให้ชัดเจน ข้อ 2. ให้มีการรับรองว่าจะปรับปรุงแก้ไข กฎหมายที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตามข้อเสนอของนานาชาติ ให้ สอดคลอ้งกับมาตรฐานกฎหมายสากล 3. ให้มีการรับรองว่า จะไม่มีการใช้ กม.คอมพิวเตอร์ในคดีทางการเมืองของทุกฝ่ายอีกต่อไป และ 4. ให้มีการรับรองว่า จะไม่มีการใช้อำนาจ ตามคำสั่ง คสช. หรือ มาตรา 44 ในคดีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อีกต่อไป
กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway ดังกล่าว ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมา ทางรัฐบาลก็เพิกเฉยไม่ยินดี ยินร้ายใดๆต่อข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางรัฐบาลยังคงประสงค์จะเดินหน้าตามขั้นตอนของฝ่ายรัฐบาลต่อไป กลุ่มฯ มีความเห็นว่า ท่าทีที่เงียบเฉยของทางรัฐบาลคือ การส่งสัญญาณ เดินหน้า ผลักดันกฏหมาย Single Gateway ให้มีผลทางปฏิบัติและบังคับใช่ต่อประชาชนต่อไป ซึ่งหากปล่อยไว้ให้เป็นเช่นนั้น จะส่งผลต่อประชาชนทั้งมวล และจะยากที่จะเยียวยาแก้ไขในที่สุด ดังนั้น เพือเป็นแสดงออกของประชาชนชาวไทยผู้ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าวของทางรัฐบาล จึงขอเชิญประชาชนชาวไทยทุกท่านร่วมกิจกรรม F5 ต่อต้านกฎหมาย Single Gateway ในวันพุธที่ 15 มิ.ย.59  เวลา 13.00 น. โดยมีพิกัดที่ กรมการเงินทหารบก และ ระบบ E-army กองทัพบก นั้น
 

ผอ.ไซเบอร์ ทบ.ยันเว็บไซต์หน่วยงานของกองทัพบกยังปลอดภัย

ล่าสุดวันนี้ (15 มิ.ย.59) สำนักข่าวไทย รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า  เพจดังกล่าวมีลักษณะเหมือนชักชวนให้คนเข้าไปใช้เว็บนั้น ๆ ในลักษณะผิดธรรมชาติ เกินปริมาณกว่าที่ระบบรองรับได้ จนอาจทำให้เว็บมีปัญหา แต่ปัจจุบันในทุก ๆ เว็บส่วนใหญ่ได้แก้ปัญหาด้วยการทำระบบป้องกัน ทำให้ระดับจำนวนการเข้าใช้อยู่ในปริมาณที่พอดีไม่เกินกว่าที่ระบบจะรองรับได้ แต่ถ้าเกินปริมาณ ก็จะกันออกไป
พล.ต.ฤทธี อินทราวุธ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร หรือ ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวทางสื่อออนไลน์ เรื่องการประกาศโจมตีเว็บไซต์ของหน่วยราชการ ว่า การปฏิบัติงานดูแลเว็บไซต์ของกองทัพบกมีการติดตามมาโดยตลอด และได้แจ้งหน่วยที่ดูแลเว็บไซต์ของกองทัพบกให้เฝ้าติดตามและระวังตามปกติ
“แต่ในส่วนของเว็บไซต์กรมการเงินทหารบก และเว็บไซต์ E-Army นั้น เป็นความร่วมมือกับเอาท์ซอส ที่ดำเนินการจัดทำเซิร์ฟเวอร์ระบบงานให้ติดตั้งไว้ภายนอก ซึ่งแม้ว่าจะมีข้อมูลของกองทัพบก แต่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และในทางปฏิบัติได้ประสานงานด้านรักษาความปลอดภัย แม้จะมีการโจมตีเว็บไซต์และเข้ามาในเว็บไซต์เป็นจำนวนมากนั้น เซิร์ฟเวอร์ก็สามารถรองรับได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่สามารถรองรับได้ จะมีอีกเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ โดยไม่สามารถเจาะถึงข้อมูลของกองทัพบกได้อย่างแน่นอน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับกรมการเงิน และเว็บไซต์ E-Army เป็นเรื่องของการเข้าถึงเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการเจาะข้อมูลแต่อย่างใด” พล.ต.ฤทธี กล่าว
พล.ต.ฤทธี กล่าวอีกว่า ปจจุบันเว็บไซต์ของสองหน่วยงานนี้ ยังคงใช้งานได้ตามปกติ เพียงแต่เมื่อมีความพยายามในการโจมตี ระบบการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายจะทำการปิดกั้นผู้กระทำไม่ให้เข้าถึงได้อยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มที่พยามโจมตีเว็บไซต์อาจเข้าใจผิดว่าสามารถทำได้ ดังนั้นหน่วยยังคงมีความมั่นใจที่จะดูแลเว็บไซต์ต่าง ๆ ของกองทัพบกได้ต่อไป

รมว. ICT ยันเว็บไซต์ต่างๆ ของรัฐบาลยังเป็นปกติ

ขณะที่ต่อมา 17.59 น. สำนักข่าวไทย รายงานต่อว่า อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ICT) ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีการโพสต์เฟสบุ๊คของกลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงค์เกิลเกสต์เวย์ เชิญชวนให้ประชาชนมาแสดงพลังกด F5 เพื่อทำลายระบบเว็ปไซต์กองทัพ ว่า ได้รับทราบเรื่องนี้และเห็นการประกาศของกลุ่มดังกล่าวแล้วเช่นกัน  สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่รับผิดชอบโดยตรง ได้ตรวจสอบ และประสานงานกับภาครัฐและเอกชนแล้ว พบว่าเว็บไซต์ต่างๆ ของรัฐบาลยังเป็นปกติ รวมถึง เว็บไซต์กรมการเงินทหารบก ที่กลุ่มดังกล่าวประกาศโจมตี ก็ยังใช้งานได้ตามปกติด้วย
“ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังในเรื่องนี้ และฝากไปยังกลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงค์เกิลเกสต์เวย์ว่า ให้คำนึงถึงผลกระทบส่วนรวม และประชาชนที่ต้องการใช้บริการเว็ปไซต์ภาครัฐ” อุตตม กล่าว
ส่วนการดำเนินคดีตามกฎหมาย อุตตม กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดเป็นกรณีไป หากพบทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จะสืบสวนสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุตัวของผู้ที่เคลื่อนไหวภายใต้ชื่อกลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงค์เกิลเกสต์เวย์ได้ เพราะคนกลุ่มนี้จะใช้วิธีการที่หลากหลาย

ประกาศความสำเร็จหวัง รบ.กลับมาคิดทบทวน ขออภัยผู้ได้รับผลกระทบ

เมื่อเวลา 17.00 น. พลเมืองต่อต้าน Single Gateway ได้โกสต์แถลงการณ์หลังยุติกิจกรรมดังกล่าว เรื่อง ประกาศความสำเร็จในภารกิจ "กิจกรรม F5 ต่อต้านกฎหมาย Single Gateway" โดยระบุว่า วันนี้ ทางกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway พร้อมด้วยองค์กรพันธมิตรทั้ง 4 องค์กร (Thailand F5 Cyber Army โดยทีม AnonThai ,‪#‎SU‬ โดย นักรบไซเบอร์นิรนาม, Tanaka Sanos Network โดย Sanos Team และ Ratatoskr PX Network) ขอประกาศความสำเร็จในภารกิจ "กิจกรรม F5 ต่อต้านกฎหมาย Single Gateway" ในวันนี้
ทางทางกลุ่มพันธมิตร "AnonThai & Cyber Team Network" ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันในวันนี้ พวกเราได้บรรลุภารกิจทำให้ทางเป้าหมายไม่สามารถทำงานได้ตลอดในบ่ายวันนี้ ซึ่งอาจมีผลกระทบบางประการกับกลุ่มเป้าหมาย ทางเครือข่ายเราต้องขออภัยไปยังผู้ได้รับผลกระทบเหล่านั้นด้วย แต่ที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบหนักหน่วงจากนโยบายของรัฐบาลเผด็จการเช่นกัน
"ปรากฎการณ์ในวันนี้ คงเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลต้องกลับมาคิดและทบทวนอีกครั้งว่าจะเดินหน้า กฏหมาย Single Gateway และ นโยบาย Single Gayeway ต่อไปอีกหรือไม่ แต่ถ้าหากทางรัฐบาลยังคงเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป พวกเราจะกลับมาอีก อย่างแน่นอน แล้วเจอกัน" พลเมืองต่อต้าน Single Gateway ระบุท้ายแถลงการณ์

ประยุทธ์งัด ม.44 สั่งจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ฟรี ต้องมีมาตรฐานและคุณภาพ


15 มิ.ย.2559 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 28/2559 เรื่อง ให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นผู้ลงนาม
        คำสั่งระบุว่า ตามที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติกําหนดให้รัฐต้องจัดให้บุคคลได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายนั้น รัฐบาลที่ผ่านมามีนโยบายจัดการศึกษาดังกล่าวโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เป็นเวลา 15 ปี ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 13 ม.ค. 2552 โดยขออนุมัติตั้งงบประมาณเป็นรายปี และขยายขอบเขตการดําเนินการตามนโยบายของรัฐบาลแต่ละคณะมาเป็นลําดับ หัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่าโดยที่เรื่องนี้สอดคล้องกับนโยบายด้านการศึกษาของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ และนโยบายปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาล ทั้งสามารถลดความเหลื่อมล้ํา สร้างโอกาสทางการศึกษา และความเป็นธรรมในสังคม แก้ปัญหาความยากจน ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน จึงสมควรยืนยันแนวทางดังกล่าวและพัฒนาต่อไป ด้วยการยกระดับจากการเป็นโครงการตามนโยบายของแต่ละรัฐบาลให้เป็นหน้าที่ของรัฐและมาตรการ ตามกฎหมาย เพื่อเป็นหลักประกันความยั่งยืนมั่นคง และเพื่อให้สามารถจัดงบประมาณสนับสนุน ได้อย่างต่อเนื่อง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
  • ข้อ 1 ในคําสั่งนี้ “ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา” หมายความว่า งบประมาณที่รัฐจัดสรรให้แก่หรือผ่านทางสถานศึกษา หรือผู้จัดการศึกษาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี

        “การศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี” หมายความว่า การศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) (ถ้ามี) ระดับประถมศึกษา จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. 3) หรือเทียบเท่า และให้หมายความรวมถึงการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์ด้วย
       “การศึกษาพิเศษ” หมายความว่า การจัดการศึกษาให้แก่บุคคลซึ่งมีความผิดปกติอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งจําเป็นต้องจัดการศึกษาให้เป็นรูปแบบโดยเฉพาะ และอาศัยเทคนิคต่าง ๆ ในการสอนตามลักษณะ ความต้องการและความจําเป็นของแต่ละบุคคล
     “การศึกษาสงเคราะห์” หมายความว่า การจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่ตกอยู่ในภาวะยากลําบาก หรืออยู่ในสถานภาพที่ด้อยกว่าเด็กทั่วไป หรือที่มีลักษณะเป็นการกุศล เพื่อให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีพัฒนาการที่ถูกต้องและเหมาะสมกับวัย
  • ข้อ 2 ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนดเตรียมการเพื่อจัดให้เด็กเล็ก ก่อนวัยเรียนได้รับการดูแล และพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดําเนินการด้วย
  • ข้อ 3 ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานดําเนินการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐาน 15 ปี ให้มีมาตรฐานและคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

       ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีกําหนดอัตรา ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาสําหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี เพื่อเสนอตามกระบวนการจัดทํา งบประมาณรายจ่ายประจําปี ค่าใช้จ่ายตามวรรคสอง ได้แก่ (1) ค่าจัดการเรียนการสอน (2) ค่าหนังสือเรียน (3) ค่าอุปกรณ์การเรียน (4) ค่าเครื่องแบบนักเรียน (5) ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน (6) ค่าใช้จ่ายอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
  • ข้อ 4 ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทําหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อนํามาใช้แทน และขยายผลต่อจากคําสั่งนี้แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในหกเดือนนับแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ
  • ข้อ 5 ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีอํานาจวินิจฉัยชี้ขาด
  • ข้อ 6 ให้อัตราค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีผลใช้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีการกําหนดอัตรา ค่าใช้จ่ายสําหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ตามข้อ 3
  • ข้อ 7 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป