วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

สนช. ไฟเขียว 3 วาระรวด แก้รธน. ชั่วคราว ประชามติใช้เสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิ


เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทย รายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (10 มี.ค.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวพ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ พ.ศ.  ……. โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลักการการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในส่วนที่เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะครั้งที่เคยแก้ไขเมื่อปี 2558 แต่ไม่ได้ทำประชามติ และเมื่อเวลาผ่านไปกฎเกณฑ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
“หากทำแล้วไม่ชัดเจนหรือหากชัดเจนก็อาจจะไม่เป็นธรรม จึงจำเป็นต้องปรับแก้ โดยแก้ไขเพียงมาตรา 39 มาตราเดียว 5 ประเด็น เชื่อว่าจะทำให้ทำประชามติได้ราบรื่น เพราะตามกฎหมายเดิมมีความลักลั่นกันระหว่างคำว่าผู้ออกเสียงประชามติ กับผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ  จึงกำหนดให้ชัดว่า การพิจารณาว่าร่างรัฐธรรมนูญที่นำไปออกเสียงประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่านให้ยึดคะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิ ซึ่งให้ความเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญและบัตรเสียไม่ถือเป็นคะแนน จึงคะแนนเป็น 2 กลุ่มคือเห็นชอบ กับไม่เห็นชอบ โดยถ้าคะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกเสียงประชามติเห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรี นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมภายใน 30 วันนับแต่วันประกาศผลการออกเสียงประชามติ” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนประเด็นอื่น ๆ จะแก้ให้สอดคล้องกัน เช่น คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติกำหนดใกล้เคียงกับของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไป ยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวกับอายุให้เป็นอายุ 18 ปี ในวันออกเสียงประชามติ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) จะต้องจัดทำคำอธิบายสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนทราบได้โดยสะดวกและเป็นการทั่วไป ทั้งนี้ สนช. สามารถตั้งคำถามเพิ่มเติมได้ 1 คำถาม พร้อมไปกับการออกเสียงประชามติว่าจะให้ความเห็นชอบกับประเด็นคำถามดังกล่าวหรือไม่ ส่วนข้อกังวลหากมีการขัดขวางและคัดค้านไม่ให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิหรือการรณรงค์หาเสียงจะทำได้หรือไม่นั้นต้องจัดทำเป็นกฎหมายจึงได้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
ซึ่ง สนช. มีมติเอกฉันท์ให้ความเห็นชอบรับหลักการวาระแรกด้วยคะแนน 194 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง  จากนั้นที่ประชุมพิจารณาในวาระสอง ซึ่งได้ปรับแก้เรื่องคำถามพ่วงประชามติ โดยให้ สนช.ส่งให้ กกต.ภายใน 10 นับจากวันที่ได้รับแจงจาก กรธ. และเพิ่มให้ สนช. รับฟังความเห็นของ สปท.ประกอบการพิจารณาคำถามด้วย พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้แก้ไขข้อความบางส่วนตามข้อเสนอของสนช. โดยระบุให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตีความกฎหมายในภายหลัง ว่าในการออกเสียงประชามติ ถ้าคะแนนเสียงเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ มากกว่าเสียงที่ไม่เห็นชอบ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 30 วัน โดยการแก้ไขข้อความนี้ สอดคล้องกับวรรค 12 ในร่าง จากเดิมที่กำหนดว่า ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกเสียงประชามติ เปลี่ยนเป็น  ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากระหว่างคะแนนเสียงเห็นชอบกับไม่เห็นชอบเป็นเกณฑ์
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 192 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ทั้งนี้นายพรเพชร กล่าวว่า จะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้ส่งให้คณะรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 15 วัน

ผบ.ตร.เผย ปรับแผนงานข่าวแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล หลังอาจมีข่าวรั่ว

11 มี.ค. 2559 ความคืบหน้ามาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลขที่ 324/2558 ลงวันที่ 29 ต.ค. 2558 ให้ตั้งคณะกรรมการเรื่องการบูรณาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น
ผบ.ตร.เผย ปรับแผนงานข่าวแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล หลังอาจมีข่าวรั่ว
ล่าสุด  MGR Online รายงานว่า วันนี้ (11 มี.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นวันคล้ายวันสถาปนาตำรวจภูธรภาค1 ได้มองรางวัลให้กับสถานีตำรวจต่างๆ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน จากผลงานที่ผ่านมาตำรวจภูธรภาค 1 มีการระดมพลกวาดล้างยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลมาโดยตลอด ทั้งนี้แต่ละหน่วยในสังกัดได้ส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่มีการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจกว่า 200 นาย โดยที่เป็นระดับนายพล ได้เรียกเข้ามาพูดคุยแล้วบางส่วน หลังจากนี้ หากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดชัดเจน จะให้ย้ายออกนอกพื้นที่ และดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา โดยไม่ละเว้นอย่างเด็ดขาด อีกทั้ง ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลที่ถูกกล่าวหาว่า การแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล เพื่อต้องการสกัดการเคลื่อนไหวผู้มีความเห็นต่างกับรัฐบาล เพราะทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย และไม่มีการกลั่นแกล้งบุคคลใด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ปรับแผนและงานด้านการข่าว หลังพบว่า การลงพื้นที่แก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 อาจข่าวรั่วไปถึงกลุ่มผู้มีอิทธิพล กระทบการทำงานของเจ้าหน้าที่
       
รายชื่อผู้มีอิทธิพลถึงมือศรีวราห์วันนี้
 
วันเดียวกัน สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.ต.ท.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการลงพื้นที่ปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ว่า ปฎิบัติการกวาดล้างจับกุมจะดำเนินการต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาลและ ผบ.ตร. โดยวันนี้ซึ่งครบกำหนดที่แต่ละกองบัญชาการจะต้องส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะต้องตรวจสอบรายชื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นข้อมูลให้ชุดของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไปดำเนินการ ส่วนกรณีที่มีรายชื่อตำรวจ 200 นาย มีพฤติกรรม เป็นผู้มีอิทธิพลนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่หนักใจ เพราะเป็นนโยบายของ รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องดำเนินการกวาดล้างไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน หรือกระทรวงใด ก็จะต้องดำเนินการ
 
ปปง. พร้อมสอบเส้นทางการเงิน
 
โพสต์ทูเดย์ รายงานด้วยว่า ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวถึงกรณีการตรวจเส้นทางการเงินของผู้มีอิทธิพลตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล ว่า ในส่วนของปปง.นั้น เบื้องต้นหากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวส่งข้อมูลของผู้มีอิทธิพลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดมูลฐานกฎหมายฟอกเงินให้กับ ปปง. ก็จะตรวจสอบตามขั้นตอน โดยปปง.จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน จากฐานข้อมูลที่มีการรายงานธุรกรรมเกี่ยวกับกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และหาข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัยเพิ่มจากสถาบันการเงิน

ประวิตรรับมีทหารเอี่ยวกลุ่มผู้มีอิทธิพล ยันเอาจริงหากหลักฐานทำผิดชัด หากไม่ชัดก็ทำ MOU


11 มี.ค. 2559 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยอมรับว่า มีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล แต่ไม่ทราบว่าเป็นทหารในราชการ หรือนอกราชการ ซึ่งจะดำเนินการอย่างจริงจังกับผู้กระทำผิดที่มีหลักฐานชัดเจน ส่วนบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีดำ แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดทางกฎหมายอย่างชัดเจนนั้น จะให้ทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่กระทำตนเป็นผู้อิทธิพลอีก
ชี้ปมพะจุณณ์ไม่น่ามีความขัดแย้งที่รุนแรง
ส่วนกรณี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีและพนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ออกหมายเรียกผู้ต้องหา โดยเห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีมีการส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่น่ามีความขัดแย้งที่รุนแรง เพราะเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะพูดคุยกันได้
 
ระบุ คสช.จะไปอยู่ ส.ว.สรรหาช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ กก.สรรหา
 
ส่วนข้อเสนอที่ให้มีส.ว.สรรหาในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อเดินหน้ากรอบยุทธศาสตร์ชาติ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ให้มีส.ว.ทำงานร่วมกับส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อเดินหน้าตามยุทธศาสตร์และการปฏิรูปครบ 5 ปีแล้ว ก็เข้าสู่ระบบตามปกติ ที่มีการเลือกตั้งที่อยู่ในกรอบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นความตั้งใจดีของตนเพื่อให้ทำงานร่วมกัน เพราะขัดแย้งกันมาเยอะแล้ว  ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะพิจารณา  เชื่อว่า กรธ.อยากให้ประเทศเดินหน้าต่อได้เช่นเดียวกับตน
 
ต่อกรณีคำถามที่ว่า คสช.จะเข้าไปเป็นสว.สรรหาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า  ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ไปเป็นทั้งหมด เนื่องจากมีคณะกรรมการคัดสรรอยู่ หรืออาจจะไม่ได้เป็นเลยก็ได้ ตนและ นายกรัฐมนตรีจะได้เป็นส.ว.สรรหาหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะมีคณะกรรมการสรรหาอยู่ ไม่สามารถเลือกตัวเองได้
 
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หากคสช.เห็นด้วยกับข้อเสนอ ส.ว.ช่วงเปลี่ยนผ่าน ก็จะทำหนังสือเสนอไปยังนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของข้อเสนอนี้ แต่หากไม่เห็นด้วยก็ต้องหาเหตุผลมาหักลบกัน  ไม่ได้ตั้งธงเอาไว้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตั้ง กรธ.ทั้ง 20 คนเข้ามา และไม่มีใครต้องการให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมาไม่สมบูรณ์
 
สวนทักษิณวิจารณ์เศรษฐกิจของไทยตกต่ำ แต่ขณะนี้ตกต่ำทั้งโลก ไทยตกลงน้อยที่สุด
 
สำหรับกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ไปบรรยายที่สถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute) ณ นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศและเศรษฐกิจไทยนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่สามารถออกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ก็ต้องคำนึงว่าควรออกมาพูดหรือไม่
 
“นายทักษิณไม่ได้เข้ามาอยู่ในการบริหารประเทศ จึงไม่ต้องเป็นห่วง  ขณะนี้รัฐบาลและ คสช. กำลังเดินหน้าในการบริหารประเทศ  การที่นายทักษิณออกมาวิจารณ์เศรษฐกิจของไทยตกต่ำนั้น  ขณะนี้เศรษฐกิจตกต่ำทั้งโลก และประเทศไทยถือว่าตกลงน้อยที่สุด” พล.อ.ประวิตร กล่าว
 
ส่วนกรณีที่นายทักษิณวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า ให้อำนาจของตุลาการมากจนเกินไปนั้น พล.อ.ประวิตร  กล่าวว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังต้องการการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง จึงต้องมีผู้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ เพื่อให้รอดพ้นไปข้างหน้า  กรธ. คงเห็นว่า จะมีกุญแจอะไรที่จะทำให้สามารถเดินหน้าประเทศต่อไปได้

เพจ 'หยุดดัดจริตประเทศไทย' ปูด ทหารจับแอดมินผิดคน


11 มี.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.32 น. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'หยุดดัดจริตประเทศไทย' โพสต์แถลงข่าวกรณี "แอดมินเพจถูกทหารจับ" โดยระบุว่า เมื่อสองวันก่อน (9 มี.ค. 59) มีข่าวว่าแอดมินเพจหยุดดัดจริตประเทศไทย ถูกทหารบุกรวบตัวถึงบ้าน แล้วก็เป็นข่าวออกมาว่าโดนจับได้แล้ว เพจจึงถูกปิด นั้น "ไม่เป็นความจริง" พร้อมระบุว่าผู้ที่ถูกจับคือ คือนาย "Sarawut Bamrungkittikhun" ที่เคยเป็นอดีตทีมงานจริง แต่ได้ลาออกไปนานมากแล้ว ซึ่งเขาไปเปิดเพจตัวเองชื่อว่าเพจ "เปิดประเด็น" และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันอีก
"เพจหยุดดัดจริตประเทศไทยตอนนี้มีแอดมินคนเดียว และอาศัยอยู่ต่างประเทศในแถบยุโรป การมาจับใครแล้วอ้างว่าเป็นแอดมินเพจนี้ จึงเป็นเรื่องเท็จและยัดข้อหาของ คสช." เพจหยุดดัดจริตฯ ระบุ
 
นอกจากนี้ เพจหยุดดัดจริตฯ ยังได้เรียกร้องให้  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ช่วยตรวจสอบและติดตาม กรณี Sarawut Bamrungkittikhun ด้วย
 
 
สำหรับเพจหยุดดัดจริตประเทศไทยนั้น ปัจจุบันมียอดกดไลค์กว่า 4 แสน และ เคยถูกนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า สร้างข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งนำเรื่องให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อด้วย (อ่านรายละเอียด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ 'Sarawut Bamrungkittikhun' ที่เพจดังกล่าวระบุว่าถูกจับตัวนั้น จากการตรวจสอบเมื่อเวลา 19.30 น. ที่ผ่านมา ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวมีการโพสต์ในลักษณะสาธารณะครั้งสุดท้ายเมื่อ 1 มี.ค. 2559 เวลา 22:01 น.