วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

'เปรมโมเดล' จตุพร ชี้ที่มาอำนาจต่างกัน ระวังจบสิ้นอำนาจแบบเผด็จการทรราชย์


28 ส.ค. 2559 จากกรณีวานนี้  (27 ส.ค.59) วันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)  กล่าวว่า อย่าไปกังวลตกอกตกใจกับคำเสี้ยมเหน็บแนมตามสันดานนักการเมือง อย่าไปหลงลมคำพูดนักการเมือง ไม่เคยจริงใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯอยู่แล้ว ถามว่าวันนี้จำเป็นหรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะมาตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้งเองนั้น ตนคิดว่า ถ้ารัฐสภา ส.ส. ส.ว.สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ท่านก็ควรจะรับ อย่าปฏิเสธ เป็นความสง่างาม ในรัฐสภา ส.ส. หรือ ส.ว.มีทั้งตัวเเทนประชาชน จากสาขาอาชีพ ต้องใช้เสียงข้างมากของคนเหล่านี้ ไม่ใช่เลือกกันส่งเดช พล.อ.ประยุทธ์ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรค หากท่านตั้งก็เท่ากับว่ากำลังจะเดินไปหลุมพลางทางการเมือง อาจไปไม่ถึงดวงดาวได้ อาจจะถูกโจมตีกล่าวหาต่างๆ นานา โดยสะดุดขาตัวเองเปล่าๆ นอกจากนี้ยังมีอดีตให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า คนที่ทำปฏิวัติแล้วตั้งพรรคลงเล่นการเมือง ไม่เคยไปรอด ล้มกลางคันเเทบทุกราย
“หรือ พล.อ.ประยุทธ์จะดูตัวอย่างสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษก็ได้ ที่ไม่จำเป็นต้องลงเลือกตั้ง แต่ก็อยู่เป็นนายกฯถึง 8 ปี ขอให้บริหารจัดการประนีประนอมอำนาจทั้งในและนอกสภาให้ได้ทุกฝ่ายก็น่าจะเดินได้ เห็นได้จากผลประชามติที่ประชาชนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กลายๆ อยู่แล้ว หากนับจากวันนี้ยิ่งสร้างผลงานไปเรื่อยๆ ถึงเวลาเลือกตั้งจะมีเสียงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯสานต่อภารกิจต่อไปอีก 4 ปีแน่ๆ” วันชัย กล่าว

จตุพร เตือนประยุทธ์อย่าฟังแต่กองเชียร์ ชี้ที่มาต่างจากเปรม

ล่าสุดวันนี้ (28 ส.ค.59) จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ต่อข้อเสนอ "เปรมโมเดล" ว่า ที่มาอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ แตกต่างจาก “เปรมโมเดล” อย่างชัดเจน และถ้าคล้อยตามเสียงเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกแล้ว มีโอกาสจบสิ้นอำนาจแบบเผด็จการทรราชย์ได้
จตุพร กล่าวว่า เปรมโมเดลเป็นรูปแบบที่มาอำนาจของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกตั้งแต่ปี 2523 แล้วอยู่ยาวนานต่อเนื่องถึง 8 ปี จนประกาศวางมือทางการเมือง โดยเปล่งคำพูดว่า “ผมพอแล้ว” ดังนั้น จึงมีความแตกต่างจากประยุทธ์โมเดลตามเสียงเชียร์ของที่ วันชัย สอนศิริ ที่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจ
จตุพร ตนเห็นว่า ที่มาอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ มีความแตกต่างที่เด่นชัดจากเปรมโมเดล เพราะพล.อ.เปรม ไม่ได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยมาจากการยึดอำนาจ ไม่ได้แต่งตั้ง ส.ว. เพื่อปูทางไปสู่อำนาจ แต่พล.อ.เปรม ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองด้วยเสียงข้างมากในสภา หลังจาก พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากนายกรัฐมนตรีคนนอกแล้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการยึดอำนาจจากรัฐบาล ธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อ 20 ตุลาคม 2520 แล้วร่างรัฐธรรมนูญ 2521 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดการปกครองแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ ด้วยการแต่งตั้ง ส.ว. มาปูทางให้นายกรัฐมนตรียึดอำนาจได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกภายหลังการเลือกตั้งเมื่อ 22 เมษายน 2522 กระทั่งถูกพรรคการเมืองเสียงข้างมากอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงลาออกจากนายกรัฐมนตรีก่อนถูกอภิปรายฯ เมื่อกุมภาพันธ์ 2523
จากนั้น พล.อ.เปรม ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกติดต่อกันนานถึง 8 ปี สะสมบารมีมากมายจนมีความน่าเชื่อถือ ได้รับความเคารพทั้งจากฝ่ายทหารและพรรคการเมือง สิ่งสำคัญรู้จักพอทางการเมือง แม้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคชาติไทย ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2531 ไปเชิญให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกอีกครั้ง แต่ปฏิเสธ ด้วยการเปล่งวาจาว่า “ผมพอแล้ว”
จตุพร กล่าวต่อว่า ในช่วงปลายอำนาจการเมืองของพล.อ.เปรมนั้น กระแสประชาธิปไตยสูงมาก นักวิชาการ 99 คน ลงชื่อให้ พล.อ.เปรม วางมือทางการเมือง เพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส. และไม่ต้องการให้ทหารแทรกแซงทางการเมือง เมื่อพรรคชาติไทยชนะเลือกตั้งปี 2531 มาเป็นอันดับหนึ่ง ไปเชิญ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก พล.อ.เปรม จึงปฏิเสธ แล้ววางมือทางการเมือง
จตุพร กล่าวว่า การวางมือทางการเมืองนั้น พล.อ.เปรม ถูกวิจารณ์จากนักวิชาการ 99 คน เรียกร้องไม่ให้ทหารเข้ามายุ่งการเมือง และกระแสนายกรัฐมนตรีจาก ส.ส. มาแรงอีกครั้งในช่วงปี 2535 สมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ยึดอำนาจจาก พล.อ.ชาติชาย แล้วต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกภายหลังการเลือกตั้งปี 2535 แต่ถูกชุมนุมต่อต้านในเหตุการณ์พฤษภา 2535 ดังนั้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก คงเป็นประยุทธ์โมเดล ไม่ใช่เปรมโมเดล เพราะภาพลักษณ์ สถานการณ์บ้านเมืองคนละเรื่องกับสมัยพล.อ.เปรม อีกทั้งพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้เปล่งวาจา ผมพอแล้ว แต่จะเปล่งวาจาว่า ผมพังแล้ว
“พล.อ.ประยุทธ์ จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ผมขอพยากรณ์ท่านว่า ท่านจบไม่สวย แต่จะจบลงด้วยเผด็จการทรราชย์ ท่านต้องคิดให้มากกับเสียงเชียร์ของพวกแวดล้อมอำนาจ เมื่อถึงวันนั้นพวกเชียร์ท่านจะหนีไปหมด เมื่อท่านไม่ได้มาจากประชาชน ย่อมไม่มีความสง่างาม เพราะท่านมาจากกระบอกปืน หากเดินตามวิถีกองเชียร์แล้วสุดท้ายท่านจะได้เปล่งวาจาว่า ผมพังแล้ว" จตุพร กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น