วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"ใครจะพูดอะไรก็พูดไป" ประยุทธ์ ตอบกรณี‘ไพบูลย์’ เตรียมหนุนเป็นนายกฯ ต่อ


พลเอกประยุทธ์ ปัดตอบคำถาม กรณี ไพบูลย์ นิติตะวัน เตรียมตั้งพรรคการเมือง พร้อมหนุนนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ระบุ "ผมไม่ได้ยิน ก็แล้วแต่เขา ใครจะพูดอะไรก็พูดไป"

จากการกรณีที่เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.2559) ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ได้ออกมาแถลงข่าว ที่รัฐสภา หลังจากทราบผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนจะไม่ลงสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่จะเตรียมการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแทน โดยได้มีการพูดคุยหารือกับเพื่อน ร่วมอุดมการณ์ไว้หลายคนแล้ว สำหรับเหตุผลที่ไม่ต้องการลงชิงตำแหน่ง ส.ว. นั้นเป็นเพราะ ตนเป็นคนแรกๆ ที่ออกมาเสนอให้ ส.ว. สามารถเลือกผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อสังสัยว่าตนอยากเป็น ส.ว. หรือไม่ จึงขอประกาศไม่รับตำแหน่ง ส.ว.
ทั้งนี้ในการแถลงข่าว ไพบูลย์กล่าวอีกว่า คำถามพ่วงที่ประชาชนโหวตเห็นชอบกว่า 10 ล้านเสียง คงมีอุดมการณ์เดียวกับที่ตนเคยเสนอคือ สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ เพราะถ้าไม่เห็นชอบก็คงไม่โหวตคำถามพ่วงให้ผ่านมากขนาดนี้ ดังนั้นเชื่อว่าประชาชนจำนวนมากยังให้ความเห็นชอบ คสช. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธ มองว่ามีนายทหารคนอื่นที่เหมาะสมอีกหรือไม่ ไพบูลย์กล่าวว่า หากพรรคที่ตั้งขึ้นได้เสียง ส.ส.เข้าไปทำหน้าที่ในสภา เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมอยู่คนเดียว ตามที่ประชาชนเห็นชอบคำถามพ่วง
ต่อกรณีดังกล่าว วันนี้ (10 ส.ค. 2559) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่จะตั้งพรรคการเมืองเพื่อรองรับทหารและพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า “ท่านก็ตั้งไปสิ ผมไม่ได้ยิน” เมื่อถามว่า มีการอ้างชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ยิน ก็แล้วแต่เขา ใครจะพูดอะไรก็พูดไป” เมื่อถามย้ำว่า จะไม่เอาด้วยใช่หรือไม่ นายกฯ ทำท่าโบกมือ พร้อมกล่าวว่า “ผมไม่ได้พูดอะไร อยากจะพูดก็พูดไป” อยากเห็นพรรคการเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่รู้”
ภาพจาก เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้ทดลองนั่ง ขับและชมการจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้าที่หน้าตึกสันติไมตรี  ซึ่งจะเป็นรถแห่งอนาคตที่บริษัทต่าง ๆ นำมาจัดแสดง มีทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซต์  ใช้ไฟฟ้าเก็บประจุในเเบตเตอร์รี่ เป็นตัวขับเคลื่อนแทนน้ำมัน
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีวาระที่น่าสนใจ โดยรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย ซึ่งอยู่ในแผนลดการใช้พลังงานระยะยาวของประเทศ และพิจารณาการเตรียมขยายกรอบการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว จาก 7,000 เมกะวัตต์ เป็น 9,000 เมกะวัตต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น