วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

องค์กรสิทธิเรียกร้องถอนข้อหานักรณรงค์ประชามติ


12 ก.ค. 2559 สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จับกุมนักกิจกรรมกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 4 คนและผู้สื่อข่าวประชาไท 1 คน เนื่องจากมีเอกสารประชามติในครอบครองและมีพฤติการณ์เชื่อว่าจะมีการแจกเอกสารถูกตั้งข้อหาความผิดตามมาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ประชามติ ต่อมา วานนี้ ศาลจังหวัดราชบุรีอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 5 ราย โดยให้วางหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดรายละ 140,000 บาท รวมเป็นเงิน 700,000 บาท

แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชีย องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การจับกุมนักกิจกรรมที่ทำกิจกรรมอย่างสันติก็แย่พอแล้ว แต่การคุมขังนักข่าวที่ไปรายงานข่าวยิ่งเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อในไทยอย่างรุนแรง รวมถึงยังกระทบต่อความหวังว่าการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะชอบธรรมด้วย
"นับวันรัฐบาลทหารยิ่งทำลายความชอบธรรมของการประชามติลงด้วยตัวเอง" ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชีย องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าว
แบรด อดัมส์ กล่าวว่า ทั้งสหประชาชาติและต่างชาติควรกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ยุติการจับกุมผู้วิจารณ์และผู้เห็นต่างโดยพลการโดยทันที และยุติข้อกล่าวหาต่อผู้ที่แสดงความเห็นทางการเมืองอย่างสันติ พร้อมชี้ว่า รัฐบาลทหารไม่สามารถคาดหวังให้ประชาชนเงียบเสียงและโหวตประชามติร่างรัฐธรรมนูญโดยปราศจากการถกเถียง
ด้านองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน เรียกร้องให้ทางการไทยถอนข้อหา ทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไท ซึ่งถูกจับกุมระหว่างติดตามทำข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและได้รับอนุญาตให้ประกันตัววานนี้

เบนจามิน อิสมาอิล หัวหน้าแผนกเอเชีย-แปซิฟิกของ RSF ระบุว่า เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่ล้มเหลวในการแยกแยะระหว่างนักกิจกรรมทางการเมืองและผู้สื่อข่าวที่ตามทำข่าวพวกเขา
เขาชี้ว่า นอกจากการละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการชุมนุมและการแสดงความเห็นแล้ว รัฐบาลยังละเมิดเสรีภาพในข้อมูลข่าวสารและเสรีภาพสื่อด้วย
"จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จะมีการจับกุมนักข่าวที่ไปทำข่าวการจับกุมนี้หรือไม่ รัฐบาลต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อสื่อที่รายงานเสียงวิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม" หัวหน้าแผนกเอเชีย-แปซิฟิกของ RSF กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น