วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คำสั่งชันสูตร ‘สิบโทกิตติกร’ ศีรษะ-กระเพาะอาหารแตก ชี้ 4 ทหารร่วมกันทำร้าย


ศาลจังหวัดสุรินทร์อ่านผลคดีชันสูตรพลิกศพสิบโทกิตติกร เสียชีวิตระหว่างถูกคุมตัวในค่ายทหาร จ.สุรินทร์ เผยบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง-กระเพาะอาหารแตก หลักฐานชี้ 1พลอาสา 3 พลทหารร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
26 ก.ค. 2559 ศาลอาญาจังหวัดสุรินทร์ได้อ่านคำสั่งศาลในคดีชันสูตรพลิกศพสิบโทกิตติกร สุธีรพันธ์ ตามวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่งผู้ตายเสียชีวิตในระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำค่ายวีรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 จ.สุรินทร์เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา ว่าตามที่พนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ยื่นคำร้อง โดยบุญเรือง สุธีรพันธ์ มารดาของผู้ตายได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นผู้ร้องในคดี  ศาลอ่านคำสั่งว่า เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือมีการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงร่วมกับกระเพาะอาหารแตก เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย โดยพลอาสาสมัครชูเกียรติ นันทะพันธ์ พลทหารนลทวัช ใจมนต์ พลทหารยุทธพิชัย เสนพาท พลทหารจีระศักดิ์ สิทธิษร ร่วมกันทำร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
การไต่สวนคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้ระบุพยาน 5 ปาก ได้แก่ นายแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พนักงานสอบสวน มารดาของผู้ตาย ผู้ต้องขังที่อยู่ภายในค่ายวรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 และประจักษ์พยานผู้อยู่ในเหตุการ ส่วนทนายของมารดาผู้ตายได้นำพยานเข้าไต่สวน 2 ปาก ได้แก่ นายทหารผู้เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของสิบโทกิตติกร และรักษาราชการแทนผู้บังคับเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 25 ซึ่งในการสอบพยานครั้งนี้ทนายมารดาผู้ตายได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏภาพผู้ตายกำลังถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำเข้าประกอบการซักพยานด้วย
ปรีดา นาคผิว ทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวว่า เนื่องจากสิบโทกิตติกรได้เสียชีวิตภายใต้การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่และอยู่ในหน่วยงานของรัฐอย่างชัดเจน ทางทีมทนายและมารดาของผู้เสียชีวิตอาจจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายแก่หน่วยงานต้นสังกัด โดยยังไม่มีการฟ้องดำเนินคดีแพ่ง ทั้งนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการปรึกษาหารือเรื่องค่าเสียหาย
อีกทั้งปรีดายังกล่าวว่า ในส่วนของคดีอาญาเพื่อเอาผิดแก่ผู้กระทำความผิดนั้น พนักงานสอบสวนได้ยื่นเรื่องไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อรวบรวมหลักฐานไต่สวนและชี้มูลความผิดตามขั้นตอนของรัฐ ก่อนจะส่งให้อัยการในท้องที่ดำเนินการต่อไป
ก่อนหน้านี้มารดาของผู้ตายเคยเล่าเหตุการณ์ไว้ว่า ลูกชายของตนทำหน้าที่รับราชการอยู่ในมณฑลทหารบก 25 จ.สุรินทร์ หน่วยงานทหารราบ ร.23 เขาถูกจับกุมในวันที่ 1 ก.พ. ด้วยข้อหาให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา หลังจากนั้นตนได้พยายามยื่นประกันตัว แต่ถูกศาลทหารปฏิเสธด้วยเหตุผลว่ากลัวผู้ต้องหาหลบหนี
มารดาผู้ตายกล่าวด้วยว่า จากนั้นได้พยายามที่จะเข้าเยี่ยมลูกชายตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. แต่ถูกปฏิเสธ ทางผู้คุมกล่าวว่ายังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนไม่สามารถให้เข้าเยี่ยมได้ ต่อมาตนได้ขอเข้าเยี่ยมในทุกวันเสาร์ แต่ยังถูกปฏิเสธการให้เยี่ยมด้วยเหตุผลเดิม โดยครั้งสุดท้ายที่ขอเข้าเยี่ยมคือ 20 ก.พ.ซึ่งก็ถูกปฏิเสธเช่นเดิม หลังจากนั้นเพียง 1 วันก็ได้รับโทรศัพท์ว่าลูกชายตนเองเสียชีวิต
"เขาไม่เคยบอกอะไรแม่เลย ไม่เคยบอกว่าลูกเจ็บหรือป่วย บอกแค่เยี่ยมไม่ได้เพราะอยู่ในชั้นสืบสวน ขนาดแม่ไปก่อนวันที่เขาโทรมาแค่วันเดียวเขายังไม่เคยบอก" นางบุญเรืองกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น