วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ทูตสหรัฐยันจุดยืนกังวลการจับกุมนักเคลื่อนไหวไทย ชี้ขัดต่อพันธกรณีตามหลักสากล

ดอน และกลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ ให้สัมภาษณ์สื่อ หลังการพูดคุยระหว่างกัน (ที่มาภาพ เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ) ดูวิดีโอคลิปที่ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

ทูตสหรัฐเข้าหารือ รมว.ต่างประเทศไทย สัมภาษณ์สื่อหลังคุยย้ำจุดยืนกังวลการจับกุมนักเคลื่อนไหวไทย ชี้ขัดต่อพันธกรณีของไทยตามหลักสากล ยันการแถลงกังวลก่อนหน้าทำโฆษกกต.สหรัฐจริง ซึ่งขัดกับการชี้แจงของกต.ไทยก่อนหน้านี้ ดอนเผยสหรัฐขอพบมานานแล้วแต่เพิ่งมีเวลาว่าง
12 พ.ค. 2559 จากกรณีสื่อรายงานข่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามประเทศไทย กรณีการจับกุมผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ นั้น ซึ่งต่อมาวานนี้ (11 พ.ค.59) กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาชี้แจงว่า 1. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มิได้ออกแถลงการณ์ใด ๆ ในประเด็นดังกล่าว 2. ข้อความที่สื่อบางสำนักรายงานเป็นเพียงการตอบคำถามโดยเจ้าหน้าที่เวรข่าวของกรมเอเชียตะวันออกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มิใช่การตอบคำถามโดยโฆษกระดับกรมอย่างที่มีการรายงาน อีกทั้ง มิได้ใช้ถ้อยคำว่า “ประณาม” (condemn) ตามที่สื่อบางสำนักรายงานแต่อย่างใด (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค.59) เวลา 16.00 น. กลิน ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
โดย มติชนออนไลน์ รายงานว่า ดอน ได้หารือกับ กลิน เดวีส์ โดยหลังการหารือราว 1.30 ชั่วโมง ทั้งคู่ได้แถลงข่าวร่วมกัน ซึ่ง ดอนได้เปิดโอกาสให้ เดวีส์ ให้สัมภาษณ์และตอบคำถามของสื่อมวลชนก่อน ในช่วงต้นเดวีส์ได้พูดถึงประเด็นที่มีการหารือกับดอนคือเรื่องทะเลจีนใต้และเรื่องสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย พร้อมกับขอบคุณดอนที่ได้มีการพูดคุยหารือกันอย่างตรงไปตรงมา
ต่อกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่เอเอฟพีได้เสนอข่าวว่าสหรัฐได้ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยดังกล่าวว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ เดวีส์ กล่าวว่าสหรัฐห่วงกังวลอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น และย้ำจุดยืนที่ได้พูดไปโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแล้วว่าสหรัฐห่วงกังวลกับการจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและเห็นว่าควรต้องมีการเปิดพื้นที่ทางการเมือง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นขัดต่อพันธกรณีของไทยตามหลักสากล
ผู้สื่อข่าวถามว่าความสัมพันธ์สหรัฐ-ไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เดวีส์กล่าวว่า ความสัมพันธ์สองประเทศยังแข็งแกร่ง เพราะไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ของสหรัฐและยังมีความร่วมมือระหว่างกันในหลายมิติ

ทูตสหรัฐ ยันแถลงโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ

มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า หลัง เดวีส์ ให้สัมภาษณ์เช่นนั้น ดอน ได้เรียกเอกสารจากเจ้าหน้าที่มาดูก่อนที่จะสอบถาม เดวีส์ อีกครั้ง ซึ่งเดวีส์ ยืนยันว่า แคทรีนา อดัมส์ คือโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งขัดกับการชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศไทยก่อนหน้านี้ จากนั้น เดวีส์ ได้หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อหน้าสื่อมวลชนและให้เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐแปลให้สื่อมวลชนฟังเป็นภาษาไทยว่า สหรัฐรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์จับกุมเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโพสต์ข้อความออนไลน์ รวมถึงการจับกุมมารดาของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งขัดแย้งกับพันธกิจของไทยต่อนานาชาติ ซึ่งไม่เป็นการเคารพเสรีภาพในการแสดงออกและสร้างบรรยากาศของการข่มขู่ และทำให้เกิดการเซนเซอร์ตัวเอง
เดวีส์กล่าวต่อว่า การข่มขู่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและครอบครัว ทำให้เกิดความวิตกกังวลและห่วงใยอย่างยิ่งต่อพันธกรณีของไทยที่ต้องเคารพเสรีภาพในการแสดงความเห็น สหรัฐยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น การจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การจำกัดสิทธิในการแสดงความเห็น สิทธิในการชุมนุม รวมถึงการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร
“สหรัฐเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยินยอมให้มีพูดคุยกันอย่างเปิดเผย และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในอนาคตทางการเมืองของประเทศ ซึ่งรวมถึงการร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติในเดือนสิงหาคม เราขอเรียกร้องและกระตุ้นให้ไทยยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ เหล่านี้” เดวีส์กล่าว และว่า นี่คือจุดยืนและท่าทีของสหรัฐในขณะนี้ พร้อมกับขอบคุณรัฐบาลไทยอีกครั้งที่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนควาเห็นในเรื่องต่างๆ ซึ่งรวมถึงสิทธิมนุษยชนในไทย ทั้งยังขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำงานเพื่อประชาชนและย้ำว่าสื่อมวลชนมีหน้าที่ในการสื่อความจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งสหรัฐให้ความเคารพกับการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน

ไม่ได้หยิบเรื่องแถลงกังวลมาหารือ

หลัง เดวีส์ อ่านเอกสารที่เตรียมมาจบ ดอนได้ย้ำว่า เดวีส์ไม่ได้หยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพูดคุยกับตนระหว่างการหารือกันแต่อย่างใด เดวีส์จึงพูดอีกครั้งว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพูดกับดอน แต่พูดกับสื่อเพื่อแสดงจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่ในการหารือกับดอนก็ได้พูดคุยกันในหลายเรื่องรวมถึงเรื่องสิทธิพลเมือง และรับว่าสหรัฐไม่ได้ใช้คำว่าประณามไทย

ดอนย้ำสหรัฐห่วงใยไม่ได้ประณาม

ดอนให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังส่งเดวีส์และคณะแล้วว่า สิ่งที่เดวีส์ย้ำเป็นการแสดงความห่วงใยแต่ไม่มีการประณามไทยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ระหว่างการหารือไม่มีการพูดถึงประเด็นเหล่านี้ ตรงกันข้ามสหรัฐเป็นฝ่ายรับฟังด้วยซ้ำว่าเรื่องที่เป็นประเด็นในขณะนี้คืออะไรบ้าง ซึ่งตนก็ได้พูดถึงเรื่องการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยต่อคณะทำงานยูพีอาร์ที่เจนีวา ซึ่งก็มีเสียงชื่นชมไทยในหลายประเด็น
ดอนกล่าวต่อว่า ในเรื่องสิทธิพลเมืองก็พูดให้สหรัฐฟังว่าไทยก็เหมือนสหรัฐที่เมื่อมีเรื่องที่สร้างความวุ่นวายในสังคมก็ต้องหารทางไม่ให้เกิดความปั่นป่วน สังคมก็ต้องหาทางดูแลปัญหาเหล่านั้นเช่นกัน ที่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดเพราะเป็นที่เข้าใจว่าทุกประเทศก็มีปัญหาเหล่านี้เช่นกัน ขณะที่ในรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั้งที่สหรัฐและอังกฤษเพิ่งเผยแพร่ออกมา ประเทศไทยก็ไม่ได้เป็นเป้า ซึ่งไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญหา ถ้าจะมีก็เหมือนประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นเป้าเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกับสหรัฐอีกครั้งหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าไทยและสหรัฐจะเข้าใจเรื่องไม่ตรงกัน ดอนกล่าวว่า คงมีโอกาสพบกันอีกแต่จะพูดคุยเรื่องเดิมคงใช่ที่ แต่อย่าถือเป็นเรื่องใหญ่โต มันเป็นเรื่องการเลือกใช้คำของสื่อแล้วคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่เข้าใจเจตนาก็เอาไปใช้ต่อ
เมื่อถามว่าแสดงว่าสหรัฐไม่เข้าใจกระบวนการจัดการภายในของไทยหรือ ดอนกล่าว่า เข้าใจไม่เข้าใจคงต้องเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะเราพูดกันมาพอควร และสหรัฐก็รู้ว่ามันเป็นปัญหาในหลักการอันหนึ่งเช่นเดียวกับบ้านเมืองเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าการเดินทางมาหารือกันครั้งนี้เป็นการเรียกทูตสหรัฐมาพบหรือสหรัฐขอพบ ดอนกล่าวว่า สหรัฐขอพบมานานแล้วแต่เพิ่งมีเวลาว่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น