วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

'พวงทอง'ชี้ ยิ่ง คสช. ห้ามรณรงค์โหวตโน ยิ่งทำลายความชอบธรรม


สัมภาษณ์นักวิชาการ และนักกิจกรรม ต่อท่าทีการห้ามรณรงค์รับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของพลเอกประวิตร 'พวงทอง ภวัครพันธุ์' ชี้ หากปิดกั้นฝ่ายที่เห็นต่าง แล้วร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ก็ไร้ความชอบธรรมในการปกครอง ด้าน'ฟอร์ด เส้นทางสีแดง' ระบุชัด เดินหน้าทำกิจกรรมต่อ ย้ำท่าทีประวิตรไม่ใช่กฎหมาย
ต่อกรณีการออกมาแสดงท่าทีของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงการออกมารณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่าน พลเอกประวิตร ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2559 ว่า นักวิชาการที่ออกมาต่อต้าน และรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้นคงรณรงค์ไม่ได้ ห้ามรณรงค์ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ชอบก็ชอบ รวมถึงการใส่เสื้อโหวตโน หรือโหวตเยส ก็ไม่ได้ จะไม่มีการเชียร์ หากเจอต้องถอดออก อย่างไรก็ตาม เราทำตามรัฐธรรมนูญทุกอย่างเพราะเป็นกฎข้อบังคับและเป็นกฎหมายที่ใหญ่ที่สุด
ล่าสุด ประชาไท สัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในอาจารย์กลุ่มเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ซึ่งออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมา รวมทั้ง ฟอร์ด เส้นทางสีแดง หรือ อนุรักษ์ เจนตวนิช นักกิจกรรมซึ่งออกมารณรงค์เรื่องการทำประชาติเป็นกลุ่มแรกๆ
พวงทองระบุว่า เห็นได้ว่าท่าทีของพลเอกประวิตร เป็นการตีความโดย คสช. ว่า การทำประชามติอะไรบ้างที่ทำได้ ทำไม่ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดแล้วว่า แม้กระทั่งปัจเจกชนเองก็ไม่สามารถแสดงออกได้ว่า ไม่เอา ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
“ดิฉันคิดว่าเขาไม่กลัวหรอก กับการที่คนจะออกมาประกาศรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เขากลัวคนที่ประกาศว่าจะไม่รับร่างต่างหาก” พวงทอง กล่าว
พวงทองกล่าวต่อว่า สาเหตุที่พลเอกประวิตร ออกมาแสดงท่าทีอย่างนั้น เป็นเพราะตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะกลายเป็นตัวสร้างความชอบธรรมให้กับ คสช. ในระยะยาว หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการออกเสียงประชามติ ท่าทีที่เกิดขึ้นคือ ความกังวลว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ผ่านการลงประชามติ เพราะตอนนี้มีคนหลายกลุ่มหลายองค์กรออกมาแสดงความเห็นว่าไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
พวงทอง มองว่า การใช้วิธีการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในลักษณะที่ คสช. พยายามทำอยู่ ก็จะทำให้ประชาชนเห็นเองว่าต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติ ก็ยังไร้ซึ่งความชอบธรรมอยู่ดี เพราะประชาชนไม่แม้กระทั่งที่จะแสดงความคิดเห็นได้ อีกทั้งยังไม่ได้มีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เลย
“ฉะนั้นที่เขาหวังว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน แล้วเขาจะมีความชอบธรรม อ้างว่ามีกฎหมายสูงสุดรองรับอำนาจเขา มันก็ไม่เกิดขึ้นจริง แต่จะเห็นว่าเขาก็จะไม่แคร์เท่าไหร่ เพราะก็จะอ้างว่าตัวเองมีกฎหมายสูงสุดอยู่ในมือแล้ว แต่เอาเข้าจริงสังคมมันไม่สามารถปกครองได้ด้วยกฎหมายโดยลำพัง หากผู้ปกครองขาดความชอบธรรมในด้านอื่นๆ ความชอบธรรมในทางการเมือง ในทางศีลธรรม ที่จะทำให้ประชาชนยอมรับได้” พวงทองกล่าว
เมื่อถามว่า การออกมาแสดงท่าทีของพลเอกประวิตร ในครั้งนี้ จะส่งผลอย่างไรกับการทำกิจกรรมของทางกลุ่มฯ พวงทอง กล่าวว่า ไม่คิดว่าถึงที่สุดแล้ว ทหารจะสามารถห้ามการแสดงออกของประชาชน ทุกกลุ่มได้ ยังเชื่อว่าจะมีการแสดงออกโดยใช้สัญลักษณ์อื่นๆ อีก
“เขาก็คงตามปราบกันไป สร้างความกลัวในหมู่ประชาชนไปเรื่อยๆ แต่ปัญหาคือ ในขณะนี้กระแสคัดค้านมันออกไปกว้างขวางมาก จะปราบกันแค่ไหน จะจับกันแค่ไหน แล้วยิ่งทำก็ยิ่งกลายเป็นการทำลายความชอบธรรมของพวกเขาเอง เสื้อโหวตโน มันเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์หนึ่งเท่านั้นเอง มีวิธีสัญลักษณ์ออกมาได้อีกร้อยพันประการ ตราบใดที่ประชาชนไม่ยอมรับ” พวงทองกล่าว
เมื่อมองดูจากสถานการณ์ที่มีคนจำนวนมากออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ และความพยายามในการออกมาปราบปรามของรัฐบาลทหารในขณะนี้ พวงทอง เห็นว่า วิธีการดังกล่าวไม่ใช่วิธีการที่ดี ทางที่ดี คสช. ควรเปิดพื้นที่ให้มีการแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
“มีคนเสนอเยอะแล้ว และนี่เป็นสิ่งที่เป็นการประนีประนอมของประชาชนแล้ว เพราะเราเห็นกันอยู่แล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้มีส่วนไหนที่มาจากประชาชนเลย แต่ไหนๆ จะมีการทำประชามติแล้ว ก็ต้องทำให้การประชามติมันเปิดกว้างมากที่สุด ยอมให้มีการแสดงความคิดเห็นของทุกฝ่าย ถ้า คสช. กล้า คุณเปิดทีวีของรัฐมาเลยวันละ 1 ชั่วโมง ให้แต่ละฝ่ายมาโต้แย้งกันเป็นรายมาตราไปเลยก็ได้ จะได้ไม่มีคนมาบอกว่าเราไม่อ่านทุกมาตรา ว่ากันรายมาตราไปเลย ทำทุกวันเลย สุดท้ายแล้วการทำประชามติมันต้องเป็นประชาธิปไตย เราขอแค่นี้เอง แล้วมาวัดใจกันว่าสุดท้ายแล้วประชาชนจะเลือกอะไร อย่าใช้วิธีกดปราบอีกฝ่ายหนึ่งไม่ให้แสดงความคิดเห็น”
ด้าน ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ระบุว่า รู้สึกเฉยๆ ต่อท่าทีของพลเอกประวิตร เพราะทราบดีอยู่แล้วว่าทหารทำได้ทุกอย่าง แม้ พรบ. ประชามติจะชัดเจนแล้วว่าประชาชนสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้ เผยแพร่ได้ คำว่าเผยแพร่ก็คือ การรณรงค์ ฉะนั้นการที่จะใส่เสื้อโหวตโนเพื่อจะไปทำกิจกรรม หรืออะไรยังไงก็ถือเป็นสิทธิภาย พรบ.ดังกล่าว
เมื่อถามว่ายังจะทำกิจกรรมโดยที่ใส่โหวตโน ต่อไปหรือไม่ ฟอร์ดกล่าวว่า
“ก็ดูกันอีกทีว่าจะใส่หรือไม่ใส่ อาจจะใส่ก็ได้ ทหารมาให้ถอด ก็ถอดเปลี่ยนเสื้อเอา อย่างไรก็จะรณรงค์ต่อไป ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่  เพราะกลุ่มเส้นทางสีแดงจะพิจารณาจากกฏหมายเป็นหลัก ในกรณีนี้ก็จะพิจารณาจาก พรบ. ประชามติเป็นหลัก ความเห็นของพลเอกประวิตรเป็นเรื่องของพลเอกประวิตรไม่ใช่กฏหมาย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น