วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รมว.ยุติธรรมเผยออกใบมรณบัตร 'ปรากรม' เรียบร้อย-ส่วนหมอหยองสั่งโจ๊กเป็นอาหารเช้า

ที่มาของภาพ: มติชนออนไลน์

        พล.อ.ไพบูลย์ ยืนยันหมอหยองยังรับประทานโจ๊กเป็นอาหารเช้า ส่วนศพ พ.ต.ต.ปรากรม ญาติติดต่อขอรับศพจากกรมราชทัณฑ์แล้ว โดยออกใบมรณบัตรเรียบร้อย ไม่ต้องไปนิติเวช ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะชี้แจงเรื่องคดีในวันพุธนี้
       26 ต.ค. 58 - มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีการเคลื่อนย้ายศพ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา สารวัตรกองกำกับการ 1 บก.ปอท. ที่พบว่าแขวนคอเสียชีวิตภายในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ม.ทบ.11 ว่า ล่าสุดทางญาติได้มาดำเนินการติดต่อขอรับศพจากทางกรมราชทัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
        พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้เข้าพบและอธิบายชี้แจงกับทางญาติของ พ.ต.ต.ปรากรม และออกใบมรณบัตรเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ไม่ต้องดำเนินการนำศพไปที่สถาบันนิติเวชแต่อย่างใด โดยญาติสามารถนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาได้หลังจากนี้
        นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงอาการป่วยเป็นโรคความดันของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง หมอดูชื่อดัง อีกหนึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้นั้น ล่าสุดได้รับรายงานว่า นายสุริยัน ยังสามารถทานอาหารได้ โดยได้ขอกับทางเจ้าหน้าที่รับประทานโจ๊กเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
          ส่วนมาตรการของเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้ถูกคุมขังภายในเรือนจำชั่วคราวนั้นมองว่าระบบการดูแลดังกล่าวถูกใช้มานานแล้วมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างทั่วถึงไม่มีความจำเป็นต้องสั่งการอะไรเพิ่มเติมโดยมอบหมายให้เป็นการทำงานของทางกรมราชทัณฑ์ว่าจะดูแลหรือเพิ่มมาตรการดังกล่าวอย่างไร
        ขณะเดียวกัน รายงานในไทยรัฐระบุว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาออกหมายจับเพิ่มเติม จะมีการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดในวันพุธ 28 ตุลาคม นี้

'ผบ.ตร.' เปลี่ยน 'โฆษกตร.' เป็น 'เดชณรงค์' แทน 'ประวุฒิ' ที่ลาพักร้อนไปต่างปท.


       พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกคำสั่งตั้งพล.ต.อ.เดชณรงค์ เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทน พล.ต.อ.ประวุฒิ มีรายงานลาพักร้อนเดินทางไปต่างประเทศ และตั้งรองโฆษกฯ อีก 5 นาย
       27 ต.ค.2558  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 595/2558 ลงวันที่ 26 ต.ค. 2558 เรื่องแต่งตั้งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้
  • 1. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • 2. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • 3. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • 4. พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • 5. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • 6. พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยมีอำนาจหน้าที่ 
  • 1.ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ แถลงข่าว และชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจเฉพาะเรื่องตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย
  • 2. ปฏิบัติตามกฏหมาย ระเบียบ และคำสั่งเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 
  • 3. การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ สามารถเชิญผู้แทนหน่วย หรือข้าราชการตำรวจจากทุกหน่วยงานมาให้ถ้อยคำหรือชี้แจงข้อเท็จจริงตามเอกสารหลักฐาน หรือให้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณา ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
  • 4. การขอใช้กำลังพล งบประมาณ เครื่องมือเครื่องใช้ เพื่อให้การปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่สัมฤทธิ์ผล ให้พิจารณาเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามเหตุผลความจำเป็น 5.ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ และถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะรับผิดชอบร่วมกัน ในอันที่จะให้การดำเนินการสัมฤทธิ์ผล ตามความมุ่งหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขัดแย้งกับคำสั่งนี้ และให้ใช้คำสั่งนี้แทน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

        โดยเดลินิวส์และไทยพีบีเอส รายงานตรงกันด้วยว่า ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.คนก่อนหน้า ได้ลาพักร้อนเดินทางไปต่างประเทศ

ทหารเรียก ‘แกนนำแดงพะเยา’ เข้าค่ายคุย ขอความร่วมมือไม่ใส่แดง 1 พ.ย.


27 ต.ค.2558 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วานนี้ (26 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 34 ได้เชิญตัวนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงาน นปช.แดงพะเยา ไปยังค่ายขุนเจืองธรรมิกราช เพื่อพูดคุยกับผู้บัญชาการ มทบ.34 โดยมีการขอความร่วมมือไม่ให้ใส่เสื้อแดง ตามที่มีการนัดหมายกันวันที่ 1 พ.ย.นี้
นายศิริวัฒน์ระบุว่าตั้งแต่ในช่วงเช้าราว 8.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบสองนายมารออยู่ที่คอนโดมิเนียม ซึ่งตนทำงานเป็นผู้ดูแลอยู่ โดยที่ตนได้เดินทางไปถึงที่ทำงานในเวลาราว 9.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งว่าทางผู้บังคับบัญชาอยากเชิญตนไปพูดคุยกินกาแฟที่ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ตนจึงได้นำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปที่ค่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนั่งไปด้วยหนึ่งนาย เมื่อไปถึงที่ค่าย จึงได้ถูกเชิญไปยังห้องทำงานของ พล.ต.วิรัช ปัญจานนท์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 34
นายศิริวัฒน์เล่าว่าทางพล.ต.วิรัชได้พูดคุยกับตนเพียงลำพัง โดยประเด็นหลักที่มีการพูดคุยคือเรื่องการนัดหมายใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อให้กำลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีโครงการรับจำนำข้าว และเรื่องการโพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นทางการเมือง
ผบ.มทบ.34 ได้ขอความร่วมมือไม่ให้ใส่เสื้อสีแดงในวันดังกล่าว โดยให้ใส่เสื้อสีอื่นๆ แทน เพราะไม่อยากให้ประเทศไทยแบ่งเป็นสี ทั้งการโพสต์เชิญชวนเรื่องนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และจะทำให้คนในชาติขัดแย้งกัน นอกจากนั้นยังขอให้นายศิริวัฒน์งดโพสต์แสดงความเห็นเรื่องการเมืองในช่วงนี้ด้วย
นายศิริวัฒน์ระบุว่าไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ริเริ่มให้มีการร่วมกันใส่เสื้อแดงวันที่ 1 พ.ย.นี้ แต่ตนก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากเห็นว่าปกติก็มีการใส่เสื้อแดงอยู่แล้ว ขณะที่ผ่านมาได้มีการปิดกั้นพื้นที่ในการแสดงออกต่างๆ ไปหมด จึงเห็นว่าการใส่เสื้อแดงเฉยๆ ไม่ได้เป็นการนัดไปชุมนุม หรือกระทำความผิดตรงไหน เป็นแค่การใส่ไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ และยังไม่เข้าใจว่าจะส่งผลต่อความมั่นคงได้อย่างไร
การพูดคุยกับผบ.มทบ.34 ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้มีการให้เซ็นเอกสารข้อตกลงใดๆ แต่มีการขอความร่วมมือในเรื่องการไปแสดงความคิดเห็นออกสื่อ อยากให้ขออนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่ทหารก่อน
สำหรับนายศิริวัฒน์ มีบทบาทในการเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงในจังหวัดพะเยาช่วงก่อนการรัฐประหาร เคยเป็นดีเจในสถานีวิทยุชุมชนภายในท้องถิ่น ก่อนต้องหยุดงานดังกล่าวลงภายหลังเกิดการรัฐประหาร

ทหารเชิญนักข่าวประชาไทคุย เตือนภาพประกอบข่าวกำกวม



27 ต.ค.2558 รายงานข่าวแจ้งว่า ทวีพร คุ้มเมธา ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ประชาไท พร้อมด้วยทีมงาน 2 คนและตัวแทนจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมพูดคุยหารือกับเจ้าหน้าที่ทหารที่โรงเรียนทหารสื่อสาร สะพานแดง หลังได้รับการติดต่อให้ผู้สื่อข่าวเข้าพบตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ในเรื่องข่าวและภาพประกอบเรื่อง ‘สาระ+ภาพ: ทำอะไรแล้วผิด ม.112 ได้บ้าง’ โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางไปเชิญถึงบ้านด้วยแต่ผู้สื่อข่าวไม่อยู่บ้าน

เนื้อหาการพูดคุยตลอด 1 ชั่วโมงเป็นการท้วงติงเกี่ยวกับภาพประกอบข่าวดังกล่าวที่ลดทอนรายละเอียดและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดำเนินคดีตามมาตรา 112
ในการพูดคุยครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้เชิญตัวแทนจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเข้าร่วมการพูดคุยด้วย เจ้าหน้าที่ย้ำว่าได้รับเรื่องร้องเรียนในกรณีนี้จึงต้องทำการตรวจสอบตามหน้าที่ และการเรียกพบครั้งนี้เป็นเพียงการพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกัน

ประยุทธ์ ขออย่าตระหนกปม Single Gateway ยันเป็นเพียงแนวทางที่อยู่ระหว่างศึกษา


ชี้หาระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศมีความปลอดภัยป้องกันการเจาะข้อมูล ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ระบุตั้งกองสงครามไซเบอร์ ไม่ใช่เรื่องทั่วไป ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งในกองทัพ เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์
27 ต.ค. 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการตั้ง Single Gateway ว่าเป็นเพียงแนวทางที่อยู่ระหว่างศึกษา รวมถึงการหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโดยหลักคือการศึกษาว่าจะทำอย่างไร ให้การค้าการลงทุนมีความปลอดภัย ทั้งนี้ขออย่าให้เกิดความตระหนก หรือการวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดความเสียหาย โดยยืนยันว่าตนไม่ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการ แต่ให้แนวทางไปศึกษาหาวิธีการที่ เหมาะสมให้ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศมีความปลอดภัยป้องกันการเจาะข้อมูล เพราะโลกไซเบอร์ในปัจจุบันอันตราย
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงประเด็น Single Gateway ว่า ทำให้ตนเองไม่สบายใจในระหว่างการประชุม ยูเอ็น ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งยืนยันว่าการจะดำเนินการเรื่องของ Single Gateway หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการศึกษา ที่ต้องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. และต้องถามความคิดเห็นของประชาชน
รมว.กลาโหม ชี้ ตั้ง ‘กองสงครามไซเบอร์’ ขึ้นตรงทัพบก กันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยขึ้นตรงของกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ว่า ยืนยันประชุมสภากลาโหมเป็นการประชุมตามวาระปกติ และเป็นการชี้แจงการทำงานในรอบ 1 เดือน ของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ส่วนการตั้งกองสงครามไซเบอร์ ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องทั่วไป ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งในกองทัพที่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหมและกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์
ส่วนการตั้งกองสงครามไซเบอร์ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องทั่วไป ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งในกองทัพที่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหมและกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ สำหรับการประชุมในวันนี้ ตนไม่มีความจำเป็นต้องฝากอะไรเป็นพิเศษกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพราะมีการพูดคุยร่วมกันทุกวัน ซึ่งทุกอย่างมีความเรียบร้อยดี
ทั้งนี้ อย่ามาสร้างให้เป็นประเด็นหรือเป็นเรื่อง เมื่อเจอหน้ากันก็มีการทักทายกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องร้อนที่ต้องพูดคุยเป็นพิเศษ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เกิดความสงบสุข เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น รวมทั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
สำหรับการประชุมในวันนี้ ตนไม่มีความจำเป็นต้องฝากอะไรเป็นพิเศษกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพราะมีการพูดคุยร่วมกันทุกวัน ซึ่งทุกอย่างมีความเรียบร้อยดี ทั้งนี้ อย่ามาสร้างให้เป็นประเด็น หรือเป็นเรื่อง เมื่อเจอหน้ากันก็มีการทักทายกัน ยืนยันว่า ไม่ได้มีเรื่องร้อนที่ต้องพูดคุยเป็นพิเศษ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เกิดความสงบสุข เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น รวมทั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิช โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า ในที่ประชุมได้พูดถึงการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attack) เนื่องจากปัญหาสถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความ มั่นคง และผลประโยชน์ของประเทศในปัจจุบัน โดยมีการเจาะระบบข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งการรบกวนไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของรัฐ ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นอย่างยิ่ง และอาจขยายตัวนำมาซึ่งความเสียหายในระบบเศรษฐกิจ สถาบันการเงิน และ การบิน ความมั่นคง และผลประโยชน์ของชาติในอนาคต โดยมีการหยิบยกผลเสียหายดังกล่าวไปพูดในเวทีหลายประเทศ โดยผู้แทน 10 ประเทศอาเซียน รวมถึงจีน ก็เห็นว่าเรื่องดังกล่าวกระทบต่อภัยความมั่นคง เชื่อมโยงไปยังปัญหาอื่น ๆ เช่น ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และก่อการร้าย
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ เพิ่มความเข้มข้นในระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลทางราชการ พร้อมกับกำหนดมาตรการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อเว็บไซต์ในส่วนที่หน่วยรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับข้อมูลที่สำคัญต่อการปฏิบัติของหน่วย รวมถึงข้อมูลที่เป็นการบริการประชาชนด้วย ตั้งแต่รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ยังให้บรรจุเรื่องนี้อยู่ในแผนปฏิรูปกระทรวงกลาโหม และกองทัพ ซึ่งเดิมก็มีหน่วยงานในกองทัพดำเนินการอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันให้เข้มข้น และบูรณาการร่วมกันในหน่วยงานภายในและภายนอกมากขึ้น โดยการพัฒนาและจัดทำแผนท่านต้องการให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ และจริงจังมากขึ้น แต่ยืนยันว่า เราไม่ได้ทำสงครามกับใคร และไม่ได้ไปรุกรานใคร เป็นมาตรการป้องกัน และระมัดระวัง ไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังผู้ไม่หวังดี ทั้งนี้ ต้องการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้ระมัดระวัง และใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูล ช่วยกันตรวจสอบการกระทำของผู้ไม่หวังดี ช่วยโต้กลับ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐให้ทราบด้วย
พล.ต.คงชีพ ยังกล่าวว่า รมว.กลาโหม เน้นย้ ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในเรื่องความรุนแรงและความขัดแย้งในสังคมโลก โดยเฉพาะทางด้านศาสนาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงให้ติดตามข่าวสาร วิเคราะห์ สร้างความเข้าใจ เพราะเรื่องดังกล่าวเชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศ พร้อมทำความเข้าใจให้กับกำลังพล ในฐานะที่เป็นหน่วยงานความมั่นคง
พล.ต.คงชีพ ยังกล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เตรียมแผนรับมือภัยแล้ง เนื่องจากคาดการณ์ว่า ในปี 2559 ประเทศไทยจะประสบปัญหาภัยแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา เกรงจะส่งผลกระทบ การบริหารจัดการน้ำในการบริโภค อุปโภค และเกษตร จึงให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพไทย และเหล่าทัพ เตรียมพร้อมรับมือ ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาภัยหนาวในปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที