วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ผบ.ตร.แถลง บึ้มราชประสงค์ เป็นระเบิดแสวงเครื่อง เผย ตร.ไม่ตัดประเด็นก่อการร้าย


18 ส.ค.2558 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงถึงกรณีเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ ระบุผู้ก่อเหตุมีเจตนามุ่งหวังต่อชีวิต มากกว่าที่จะสร้างสถานการณ์ เผยเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นสาเหตุการวางระเบิดอันใดอันหนึ่งทิ้ง รวมถึงประเด็นการก่อการร้าย
มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 22.20 น.ของวันที่ 17 ส.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงถึงเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ว่า เป็นการกระทำที่มุ่งต่อชีวิต มากกว่าที่จะเป็นการสร้างสถานการณ์ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเหตุระเบิดในลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง 1 ลูก ทำจากท่อแป๊ปห่อด้วยผ้าสีขาว น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม มีรัศมีทำลายล้าง 100 เมตร และถูกนำมาวางไว้ โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นระเบิดชนิดเดียวกันกับเหตุระเบิดที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่
สำหรับสาเหตุของการวางระเบิด พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตำรวจตั้งไว้หลายประเด็น รวมถึงประเด็นการก่อการร้าย โดยยังไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง และจากกระแสข่าวว่ามีระเบิดซ่อนอยู่อีก 2 ลูก หลังการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า เป็นเพียงถุงขยะธรรมดา และขอให้ประชาชนมั่นใจในการข่าวของเจ้าหน้า โดยหลังจากนี้จะมีการตรวจตราตามสถานที่ต่างๆ มากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์แถลงเสียใจต่อเหตุระเบิด-เชื่อเป็นฝีมือบุคคลมุ่งประสงค์ร้าย


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุระเบิด เชื่อเหตุเกิดจากบุคคลมุ่งประสงค์ร้ายตอประเทศชาติ ขอความร่วมมือสื่อรายงานสร้างสรรค์ทั้งภาพ คลิป วิดีโอ เตือนให้ระวังการชี้นำคดี ด้านทีมโฆษกเผยกระทรวงยุติธรรม-กระทรวงการท่องเที่ยว จะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งชาวไทย-ต่างประเทศ
18 ส.ค. 2558 - เมื่อเวลา 14.55 น. สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ "สารจากนายกรัฐมนตรี" โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า เขาและรัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย โดยจะขอใช้มาตรการเยียวยาทางกฎหมายต่อผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ให้ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังมีบุคคลมุ่งประสงค์ร้ายต่อประเทศชาติ อาจเป็นการหวังผลทางการเมืองเพื่อทำลายเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือเหตุผลอื่นใด ทั้งนี้รัฐบาลจะดำเนินการนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
"ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่สภาวะปกติได้ในไม่ช้า ขอความร่วมมือสื่อ โซเชียลมีเดีย รายงานอย่างสร้างสรรค์ ทั้งภาพ และวิดีโอ" พล.อ.ประยุทธ์ เตือนด้วยว่า การวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีการสอบสวนสืบสวน อาจเป็นการชี้นำคดี
สำหรับชาวต่างประเทศ สถานทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รัฐบาลจะดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน อย่างเต็มขีดความสามารถ ในช่วงเวลานี้ขอให้ทุกคนทุกภาคส่วน ร่วมแรงร่วมใจกันสอดส่องสิ่งผิดปกติ สร้างความเข้าใจกับต่างประเทศในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศชาติและสถาบันที่รักของเรามีความมั่นคง
พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า คสช. กล่าวด้วยว่า ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาอันเลวร้าย ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้ประเทศมั่นคง ปลอดภัย ติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว
ต่อมาทีมโฆษกรัฐบาลได้แถลงข่าว 3 ภาษา คือไทย อังกฤษ และจีน โดย พ.อ.สุวินธัย สุวารี ได้แถลงเป็นภาษาไทยว่าจากเหตุระเบิดเมื่อวานนี้ เมื่อเวลา 08.35 น. ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 20 คน และได้รับบาดเจ็บ 108 ราย ในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ได้รับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลแล้ว 41 ราย ทั้งนี้ หัวหน้า คสช. ห่วงใยผู้ได้รับการกระทบ ดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด และในส่วนของการประชุมติดตามสถานการณ์โดยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ในวันนี้ ได้ให้ส่วนราชการชี้แจงความคืบหน้าแล้ว
ในเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลให้ความสำคัญ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจะเยียวยาตามหลักการที่กำหนด สำหรับคนไทยสามารถประสานได้ที่ กรุงเทพมหานคร สำหรับชาวต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะประสานผ่านสถานทูต หรือจะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศโดยรงก็ได้
ทั้งนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาท ค่าฟื้นฟูจิตใจไม่เกิน 20,000 บาท ค่าขาดประโยชน์จากการทำมาหากิน วันละ 200 บาท ค่าห้องพักรักษาพยาบาล วันละ 600 บาท ในกรณีที่เสียชีวิต ทายาทได้ค่าตอบแทน 100,000 บาท
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากกองทุนประกันภัยนักท่องเที่ยว ผู้ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับการเยียวยาไม่เกิน 100,000 บาท ครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้รับไม่เกิน 300,000 บาท
ทั้งนี้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ตั้ง บก.ติดตามสถานการณ์ ณ กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 ที่ผ่านมาชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจากหน่วยได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ และกันผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าพื้นที่ใกล้เคียง
ขณะเดียวกัน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่สำคัญ 88 จุด ใช้กำลัง 1,162 นาย รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่แนะนำผู้ประกอบการเอกชน เพื่อช่วยตรวจสอบ เฝ้าระวังวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ เช่นเดียวกับในพื้นที่ต่างจังหวัดได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ชุมชน สถานท่องเที่ยวสำคัญ
ขณะเดียวกันคณะทำงานพิเศษทางคดี โดยรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้รวบรวมหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ พยานหลักฐาน พยานบุคคล โดยรัฐบาลขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลในทางคดีอย่างดีที่สุด ขอให้ช่วยกันดูแลผู้บาดเจ็บเมื่อคืน สำหรับประชาชนหากพบสิ่งผิดปกติ เหตุต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ขอความร่วมมือกรณีที่ท่านถูกตรวจค้น เพื่อความปลอดภัยของท่านและสังคม ขอให้สื่อระมัดระวังการเผยแพร่ภาพ ข้อความที่ไม่เหมาะสม หรือมีผลกระทบกับญาติผู้ได้รับบาดเจ็บ และขอประชาชนรับฟังข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ

โยนระเบิดลงน้ำท่าเรือสาทร ไร้คนเจ็บ-ตาย


18 ส.ค. 2558 จส. 100 รายงานว่า ได้รับแจ้งให้ตรวจสอบเหตุระเบิด ที่ท่าเรือสาทร เบื้องต้นเป็นเหตุมีคนปาระเบิดลงมาจากสะพานตากสิน ลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่มีผู้บาดเจ็บ
นายสิงห์ชัย เศวตมาร ผู้จัดการเรือข้ามฟากท่าเรือสาทร เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อ 13.30 มีเสียงระเบิดที่บริเวณใกล้ท่าเรือสาทร ฝั่งพระนคร โดยระเบิดลงมาระหว่างช่องสะพาน ระหว่างสะพานตากสิน และรางรถไฟฟ้าบีทีเอส และตกลงไปในแม่น้ำ ทำให้เรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียงถูกสะเก็ดระเบิดเล็กน้อย (เรือจอดอยู่ห่าง 50-60 ม.) เบื้องต้นยังไม่ทราบชนิดระเบิด แต่เท่าที่เห็น พบว่า มีลักษณะเป็นท่อแปบและมีลูกปืนเล็กๆ อยู่ข้างใน (ลูกปืนกระเด็นขึ้นมาบนฝั่ง) คาดว่าจะต้องโยนลงมาจากสะพานตากสิน (ไม่เห็นคนโยน)  ขณะนี้ กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนสะพาน ท่าเรือสาทรปิดชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงาน
ขณะที่ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ  ส่วนพื้นที่บริเวณใกล้เคียงพื้นราบ มีการกันพื้นที่เพื่อตรวจสอบ
มีรายงานความคืบหน้าจากไทยรัฐออนไลน์ว่า เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะเข้าตรวจสอบจุดที่เกิดระเบิด นักประดาน้ำมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งงมหาหลักฐานเพิ่มเติมเป็นเศษท่อแป๊ปเหล็ก จำนวน 5-6 ชิ้น
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่อีโอดี พบว่าระเบิดที่ใช้ในจุดใต้สะพานตากสินเป็นไปป์บอมบ์ มีการจุดชนวนด้วยฝักแคหน่วงเวลา หรือจุดไฟโยนลงมาให้เกิดระเบิด ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณแยกราชประสงค์ช่วงหัวค่ำวานนี้ โดยแรงระเบิดของทั้งสองแห่งพอประมาณได้ว่า เป็นระเบิดที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน ต่างเพียงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เป็นมุมอับคับแคบ จึงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพทั้งแรงอัดและแรงดันมากกว่าบริเวณใต้สะพานตากสิน ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้งและตกลงไปในน้ำ สันนิษฐานว่าทั้งสองจุดเกิดจากการกระทำของผู้ก่อเหตุกลุ่มเดียวกัน ขณะนี้มีพยานหลักฐานเพิ่มขึ้นหลายอย่าง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า ระเบิดทั้ง 2 ครั้ง ไม่ใช่การก่อการร้าย แต่เป็นการสร้างสถานการณ์ มีเป้าหมายให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต และสร้างความหวาดกลัว ความสับสนวุ่นวาย มีเจตนาให้รัฐบาลเสียหน้าและสร้างปัญหาเรื่องการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเบาะแสหรือสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งแจ้งข้อมูลข่าวสารมายังเจ้าหน้าที่

ศาลรับฟ้องอีกแล้วครับทั่น ‘ทักษิณ’ หมิ่นกองทัพ กรณีให้สัมภาษณ์ คสช.ยึดอำนาจยิ่งลักษณ์



18 ส.ค.2558 ศาลอาญามีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีกองทัพบกยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีให้สัมภาษณ์วิจารณ์การยึดอำนาจของ คสช.ผ่านทางยูทูบเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจากระหว่างวันที่ 19 -22 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีและมีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ดังกล่าวทางยูทูบ เนื้อหามีการกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองและการทำรัฐประหารของ คสช. ต่อมาในวันที่ 26 พ.ค.2558 พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ได้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใส่ความกองทัพบก ว่าเป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งไม่เป็นความจริง และการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ผ่านยูทูบและสื่อออนไลน์ ส่งผลให้ให้กองทัพบกได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง
ต่อมาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานเห็นว่า ข้อความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ อาจทำให้บุคคลทั่วไปที่รับฟังเข้าใจได้ว่ากองทัพบก ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทำให้เข้าใจว่าองคมนตรีมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลซึ่งนำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งเปรียบเทียบทหารกับการปกครองในบางประเทศซึ่งเป็นที่รับรู้ของนานาชาติว่าประเทศนั้นเคยปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหาร จึงอาจก่อให้เกิดความเข้าใจได้ว่า การยึดอำนาจปกครองประเทศนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวไม่ใช่เพื่อการรักษาความสงบของประเทศ ซึ่งน่าจะทำให้กองทัพบกได้รับความเสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง คดีจึงมีมูล ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไปโดยศาล กำหนดนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย และนัดตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ทางด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศ ในฐานะทนายความจะต้องแถลงขอให้ศาลเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไรต่อไป