วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

‘ประยุทธ์’ ลงนามประกาศตั้ง ‘ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ’ นั่งประธานบอร์ดไทยพีบีเอส


13 พ.ค.2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงวันที่ 2 พ.ค.258 เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 25/2556 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2556 มีมติเลือกนายศิริชัย สาครรัตนกุล เป็นประธานกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย และบุคคลดังกล่าวได้พ้นจากตําแหน่งตามมาตรา 24 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 เนื่องจากครบกําหนดตามวาระนั้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 20 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียง และแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 7/2558 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 จึงให้รองศาสตราจารย์ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ เป็นประธานกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
       
เว็บไทยพีบีเอส Thai PBS รายงานก่อนหน้านี้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย ครั้งที่ 7/2558 มีมติเลือก รศ.ดร.ณรงค์ เป็นประธานกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป
รศ.ดร.ณรงค์ ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการนโยบาย ด้านส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และการศึกษาการคุ้มครองและพัฒนาเด็กเยาวชนหรือครอบครัวหรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคมคนใหม่ แทนศาตราจารย์วิริยะ นามศิริพงษ์พันธุ์ โดยได้รับการประกาศจากสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย แทนตําแหน่งที่ว่างมีผลตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดยกรรมการสรรหาทั้ง 15 องค์กร ตามพระราชบัญญัติองค์กรการกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย มาตรา 18 และมาตรา 24 (2) หลังได้แสดงวิสัยทัศน์ตรงกับความรู้ความสามารถ โดยเน้นการบริหารงานตามกระแสสังคมที่สอดคล้องกับการทำงานในยุคทีวีดิจิทัลประกอบกับพิจารณาผลงานและประวัติการทำงานที่ผ่านมา ปัจจุบัน รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ เป็นนักวิชาการและอาจารย์ประจำสอนหลักสูตรพิเศษ สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เอกอัครราชทูตอิสราเอลโต้ มล. รุ่งคุณชี้ไม่มีวิจารณญาณแยกแยะเรื่องจริง-โฆษณาชวนเชื่อ

เอกอัครราชทูตตอบโต้ มล.รุ่งคุณ กิตติยากร กรณีเหยียดยิวชูฮิตเลอร์ ระบุเป็นข้อความที่บ่งชัดถึงความเขลาและเหยียดเชื้อชาติของคนๆ เดียวแต่นำมาสู่ความน่าอับอายของชาติ
จากกรณีที่ มล. รุ่งคุณ กิตติยากร โพสต์เกี่ยวกับบทบาทของฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย มล. รุ่งคุณระบุว่า ฮิตเลอร์นั้นถูกใส่ร้ายป้ายสีจากนายทุนยิวสร้างภาพให้เป็นปีศาจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ฮิตเลอร์เป็นวีรบุรุษของเยอรมันและเป็นที่รักของชาวเยอรมัน ข้อความดังกล่าวได้รับความสนใจ เผยแพร่ต่อและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ของไทยเมื่อวานนี้
วันนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. เฟซบุ๊กเพจ Israel in Thailand ได้โพสต์ข้อความจากเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย, ชีมอน โรเด็ด ตอบโต้ข้อเขียนของ มล. รุ่งคุณ โดยระบุว่า เป็นข้อเขียนที่มาไม่ได้มีการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ และบ่งชัดถึงความเขลาในเรื่องการเหยียดเชื้อชาติของบุคคลเพียงคนเดียว ที่นำความอับอายมาสู่ประเทศไทย
ประชาไทได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับฝ่ายสื่อสารของสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ยืนยันว่าเพจดังกล่าวเป็นเพจของสถานเอกอัครราชทูตฯ จริง และข้อความตอบโต้ดังกล่าวเป็นข้อความจากเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยจริง
รายละเอียดของข้อความตอบโต้มีดังนี้
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ยังมีคนที่น่าจะได้รับการอบรมที่ดี คนที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ คนที่ได้รับการศึกษาสูง และมีช่องทางที่จะค้นคว้าหาความรู้เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา แต่กลับไม่มีวิจารณญาณที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรคือเรื่องจริงอะไรคือโฆษณาชวนเชื่อ ทั้งยังไม่ค้นคว้าเพิ่มเติมในเรื่องที่เป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏชัดเจนไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษร พยานวัตถุและพยานบุคคล การที่จะเขียนเรื่องในประวัติศาสตร์สำคัญที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบต่อคนหลายเชื้อชาติจำนวนมากอย่างเรื่องนี้ ให้ผิดไปจากข้อเท็จจริงด้วยอัตวิสัยส่วนตัว แทนที่จะแสดงว่าเป็นผู้รู้มากกว่าคนอื่น ในทางกลับกันกลับบ่งชี้ว่าต้องการนำความเคราะห์ร้ายของชนชาติหนึ่งมาบิดเบือน เพียงเพื่อต้องการจะผลักดันให้ตนเองได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น ข้อความนี้บ่งชัดถึงความเขลาในเรื่องการเหยียดเชื้อชาติของบุคคลเพียงคนเดียว ที่นำความอับอายมาสู่ประเทศนี้เป็นอย่างยิ่ง

ชีมอน โรเด็ด
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย

‘ประยุทธ์’ ระบุทำ ‘ประชามติ’ ควรพิจารณาทีละขั้นตอน ชี้คุ้มค่าหากช่วยลดความขัดแย้ง



Thu, 2015-05-14 15:30


14 พ.ค.2558 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่ชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ กรณีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีมติเสนอให้รัฐบาลทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากกรรมาธิการยกร่างฯ ส่วนตัวไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่า ควรจะต้องทำประชามติหรือไม่ เกรงว่าจะเป็นการชี้นำ แต่หากทำ ก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว ด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอดีต

“ผมเห็นว่า การทำประชามติควรพิจารณาทีละขั้นตอน ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ที่ต้องพิจารณาว่าจะทำประชามติหรือไม่ ต้องรอให้ สปช. ลงมติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญให้เรียบร้อยก่อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจะทำประชามติหรือไม่ ควรได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 6 สิงหาคม 2558 เพื่อจะได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อม และหัวข้อที่สอบถามประชาชน ซึ่งได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาแล้ว และเรื่องดังกล่าวต้องหารือร่วมกันกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ครม. คสช. และ กกต.

ส่วนงบประมาณที่ต้องใช้ทำประชามติ 3,000 ล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บอกไม่ได้ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ แต่ถ้าทุกฝ่ายเห็นถึงความจำเป็น และความคุ้มค่า ว่าสามารถจะช่วยลดความขัดแย้งได้ก็ต้องทำ

เดลินิวส์ รายงานด้วยว่า ต่อประเด็นคำถามหากมีการทำประชามติ ต้องขยายระยะเวลาตามโรดแม็พออกไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ว่าการร่างรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาเท่าไหร่

เมื่อถามย้ำว่า จริงๆแล้วส่วนตัวนายกฯ ไม่ได้อยากอยู่ในอำนาจต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "พูดประหลาด อยากหรือไม่อยากมาถามผมได้อย่างไร ไม่อยากสักอย่าง ผมไม่อยากมายืนตรงนี้ตั้งแต่แรก อำนาจ ทำไมสนใจกันนักหนา วันนี้ผมใช้อำนาจอะไรอยากจะรู้นัก"