วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เตรียมยุบธนาคารอิสลาม หนี้เสีย 4 หมื่นล้าน คลังเลิกอุ้ม



          "สมหมาย ภาษี" เร่งตัดสินใจอนาคตธนาคารอิสลาม หรือ "ไอแบงก์" หลังมีข้อเสนอให้ยุบทิ้งเพราะปัญหาบริหารไม่โปร่งใส-หนี้เสียจำนวนมาก ส่วน เอสเอ็มอีแบงก์ยืนยันคลังต้องอุ้มต่อเพราะต้องช่วย ผู้ประกอบการขนาดเล็ก

          นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า ได้หารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางการแก้ปัญหาฐานะของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ง ประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เนื่องจากการดำเนินการที่ผ่านมาพบข้อมูลไม่โปร่งใส มีหนี้เสียจำนวนมาก และขาดทุนสะสมสูง

         แนวทางแก้ปัญหาในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์จะ ไม่มีการไปควบรวมกับธนาคารออมสิน เพราะเอสเอ็มอีแบงก์มีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ จะต้องช่วยให้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของประเทศเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งประเทศไหนๆ ก็มีธนาคารเพื่อช่วยเอสเอ็มอีกันทั้งนั้น ดังนั้น รัฐบาลจะต้องช่วยให้เอสเอ็มอีแบงก์เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        "ส่วนของไอแบงก์จะยุบหรือไม่ยุบกำลังพิจารณาอยู่ เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมามีการบริหารงานไม่โปร่งใส จนธนาคารมีความเสียหายเกิดขึ้นจำนวนมาก ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกข้อมูลได้ คลังจะไม่ยุบเอสเอ็มอีแบงก์ เพราะเป็นธนาคารที่มีความสำคัญ แต่เรื่องฐานะของไอแบงก์ยังไม่อยากพูดมากตอนนี้ ซึ่งได้ให้นโยบายกับประธาน เอสเอ็มอีแบงก์คนใหม่ไปแล้วว่าแบงก์จะดีไม่ดีอยู่ที่การหาคนมาเป็นซีอีโอ ต้องเป็นคนดี มีฝีมือ และซื่อสัตย์"

         รายงานข่าวกระทรวงการ คลังกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ต้องการให้นาย สมหมายเห็นชอบแผนการควบรวมเอสเอ็มอีแบงก์ และไอแบงก์ เข้ากับธนาคารออมสิน เพราะการดำเนินงานที่ผ่านมาพบปัญหามาก ถึงตอนนี้จะแต่งตั้งประธานใหม่ทั้ง 2 แบงก์เข้ามาแก้ไข แต่เกรงว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาอาจเปลี่ยนแปลงผู้บริหารแบงก์ จนเกิดปัญหารอบใหม่ขึ้นอีก

        ด้านรายงานข่าวจากไอแบงก์เปิด เผยว่า เตรียมพิจารณาขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล 4 หมื่น ล้านบาท ภายในเดือนธ.ค.นี้ หากการตรวจสอบฐานะทางการเงิน (ดิวดิลิเจนต์) ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เดือนพ.ย. พบว่ามีหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจนถึง 5 หมื่นล้านบาทในสิ้นปี

        เบื้องต้นหารือกับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือแซม ถึงเรื่องการขายหนี้ โดยจะพิจารณาขายในส่วนของลูกหนี้ทั่วไปที่ไม่ใช่มุสลิมออกไปทั้งหมด และลูกหนี้ที่เป็นมุสลิมแต่ไม่มีศักยภาพ ขาดความสามารถในการชำระหนี้ หรือไม่ได้ประกอบธุรกิจแล้ว อย่างไรก็ตาม การขายหนี้ครั้งนี้ต้องดำเนินการตามพ.ร.บ.ไอแบงก์ ไม่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม
 

มึงไม่เสียจัยไช่มั้ย ........กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ณ เกาหลีเหนือ


สำนักข่าวต่างประเทศเปิดเผยรายงานว่า แหล่งข่าวในเกาหลีเหนือ ระบุว่า ทางการของเกาหลีเหนือเตรียมลงโทษต่อประชาชนที่ไม่ร้องไห้ ในพิธีศพท่านผู้นำ คิม จอง อิล
โดยทางการระบุว่า จะลงโทษคนที่ไม่ร้องไห้ ร้องไห้ไม่จริงจัง รวมทั้งคนที่ไม่เข้าร่วมชุมนุมแสดงไว้อาลัย โดยการส่งตัวไปยังค่ายฝึกแรงงาน อย่างน้อยเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ทางการเกาหลีเหนือยังจะมีการลงโทษขั้นรุนแรง ต่อคนที่พยายามจะหนีออกนอกประเทศ หรือใช้โทรศัพท์ ด้วย
ทั้งนี้แหล่งข่าวยังระบุว่า ในเวลา 07.00 น.-19.00 น. ของทุกวัน ทางการจะมีการออกประกาศโฆษณาชวนเชื่อ ถึงความยิ่งใหญ่ของนายคิม จอง อึน เพื่อให้ประชาชนจงรักภักดีต่อผู้นำคนใหม่ ไปตามท้องถนน และแหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ตลาด โรงงาน โรงเรียน เป็นต้น





"บิ๊กต๊อก"ฮึ่ม!!กลางห้องประชุม"ไม่ใช่ลูกผู้ชาย" หลังมือดีราดน้ำมันเบรกรถผบ.สำนักคดี"ดีเอสไอ"





เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่าง งานปาฐกถางาน 12ปี กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อวานนี้( 3ตุลาคม) ที่ห้องประชุม โรงแรม เซนทรา-ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ไม่ได้ดูกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ แต่อยู่ปลายน้ำ กระทรวงยุติธรรมมีงานไม่ชัดเจนเหมือนกระทรวงมหาดไทย ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างระบบ แม้แต่งานยาเสพติด เลขาธิการ ป.ป.ส. ก็ทำได้ คือสร้างระบบ งานปราบก็ทำเองไม่ได้ งานเกี่ยวกับเด็กก็ต้องประสานกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนดีเอสไอถ้าเป็นคนยุติธรรมก็ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมตามที่สังคมคาดหวัง


"วันนี้ดีเอสไอไม่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมอยากให้ยอมรับความจริงและพิสูจน์ตัวเอง หากคนดีเอสไอผูกพันและอยากเห็นดีเอสไอเป็นที่เชื่อถือขอให้ทำให้เกิดความยุติธรรม หลังยึดอำนาจ คำถามแรก คือ เมื่อไรจะย้าอธิบดีดีเอสไอ ทำไมดีเอสไอมีปัญหามากจริงๆในสายตาสังคมภายนอก"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว


พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า เมืองไทยมีปัญหาจริง เรื่องการออกกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐมักออก กฏหมายเพิ่มอำนาจหน้าที่ของตัวเอง ทำให้การคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นจากการให้อำนาจหน้าที่ จึงต้องระมัดระวัง ซึ่งย้อนมาถึงดีเอสไอ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจทั่วประเทศ ได้ใช้อำนาจเพื่อตัวเองหรือกลุ่มหรือไม่ ถ้าทำเช่นนั้น ก็เลว อย่างไรก็ตาม เมื่อตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ต้องร่วมกับปลัดกระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ปกป้องดีเอสไอ หากวันนี้ คนดีเอสไอ ยอมรับ ว่าไม่ได้รับความเชื่อถือ ก็ต้องปรับปรุง แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องกลัว ดังนั้นให้ไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมีกระแสข่าว จะให้ยุบบ้าง ปรับโครงสร้างดีเอสไอ บ้าง ดีเอสไอถูกแทรกแซงบ้าง จึงต้องปรับปรุงปฏิรูปได้ เมื่อตนเป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบดีเอสไอ ก็ต้องเข้ามาเคลียร์ ให้ดีเอสไอ เป็นที่ยอมรับ 

  



พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าเกิดเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นในดีเอสไอ เรื่องนี้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก เหมือนควบคุมพวกท่านไม่ได้ หากพบผู้กระทำผิดตนจะสอบสวนเอาผิดด้วยตัวเอง การกระทำครั้งนี้กำลังฟ้องกับสาธารณะว่าดีเอสไอถูกแทรกแซงจริง พวกท่านกำลังฆ่าดีเอสไอ พฤติกรรมเช่นไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายทำก็ต้องเรียกว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ดีเอสไอเป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายทำงานภายใต้ความคาดหวังของประชาชนแต่กลับมาเกิดเหตุลักษณะนี้ ตนไม่พอใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันพฤหัสบดี(2ตุลาคม)ที่ผ่านมา มีผู้ไม่หวังดีนำน้ำมันเบรกรถยนต์ไปราดใส่รถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อนิสัน รุ่นจูค สีแดง ทะเบียน ษม 51ของ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ซึ่งจอดไว้ในอาคารจอดรถของศูนย์ราชการอาคาร บี ได้รับความเสียหายทั้งคัน เบื้องต้นสันนิษฐานอาจเกิดจากปัญหาความขัดแย้งภายใน เนื่องจากมีการปรับย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งตั้งแต่ระดับผอ.ศูนย์ไปจนถึงเจ้าหน้าที่คดีพิเศษหลายตำแหน่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรในบริเวณดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่พอใจอย่างมาก

สำนักพระราชวังแถลงฉบับที่ 1 ในหลวง เสด็จฯ ประทับ ณ ร.พ. ศิริราช

            สำนักพระราชวังแถลง พระโลหิตมีอาการติดเชื้อ คณะแพทย์ถวายการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ พระปรอทและความดันพระโลหิตคงที่ ความดันพระโลหิตคงที่ จะถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อเพื่อถวายการรักษาต่อไป
            4 ตุลาคม 2557  สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ระบุว่าเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา ทรงมีพระปรอท (ไข้) สูง 38.2 องศาเซลเซียส ผลการตรวจพบว่าพระโลหิตมีอาการติดเชื้อ มีการเปลี่ยนแปลงในความดันพระโลหิต และอัตราการเต้นของพระหทัยเร็วขึ้น จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ถวายการตรวจพระโลหิตด้วยวิธีพิเศษเพิ่มเติม และถวายการรักษาต่อไป
            โดยเช้าวันนี้ (4 ต.ค.) คณะแพทย์ฯ ได้รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิต ความดันพระโลหิตคงที่ พระปรอท (ไข้) ลดลง สภาวะทางโภชนาการดีขึ้นเป็นลำดับ คณะแพทย์จะได้ถวายการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อและถวายการรักษาต่อไป