วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คสช.คุมเข้มการเสนอข่าว-เรียกข้าราชการระดับอธิบดีรายงานตัว



ประกาศ คสช. ฉบับที่ 18/2557 ให้สื่อทุกแขนงงดนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ-ข่าวสารที่เป็นภัยความมั่นคง-การวิพากษ์วิจารณ์ คสช.-ความลับของการปฏิบัติงานราชการ ฯลฯ และให้สื่อมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจาก คสช. และประกาศ คสช. ฉบับที่ 19/2557 ให้หัวหน้าส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่ระดับอธิบดีหรือเทียบเท่ามารายงานตัว
            คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศฉบับที่ 18/2557 เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการและบริการด้านสื่อมวลชนทุกประเภทงดนำเสนอข้อมูลข่าวสารตามที่ระบุในประกาศ
           โดยสื่อต่างๆ ที่ระบุในประกาศ ได้แก่ สถานีกระจายเสียงทุกสถานี ทั้งที่เป็นของราชการและเอกชน สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิตอลและโทรทัศน์อินเตอร์เน็ตทุกสถานี หนังสือพิมพ์ วารสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทอันรวมถึงการสื่อสารทางสังคมสื่อออนไลน์ งดนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะต่อไปนี้

  • 1. ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่อไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชัง ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
  • 2. ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
  • 3.  การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  • 4. ข้อมูลเสียง ภาพ วิดีทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ
  • 5. ข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร
  • 6. การชักชวน ซ่องสุม ให้เกิดการรวมกลุ่มอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
  • 7. การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน
                สื่อดังกล่าวข้างต้นมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 19/2557
เรื่อง ให้บุคคลสำคัญมารายงานตัวเพิ่มเติม
             เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่ระดับอธิบดีหรือเทียบเท่าขึ้นไปเข้ามารายงานตัวในวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 13.30 น. ณ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

จอห์น เคอร์รี่ กท.ต่างประเทศสหรัฐ แจงเตรียมลดความสัมพันธ์อเมริกา-ไทย



จอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ต่อการรัฐประหารในประเทศไทยว่า สหรัฐอเมริกาผิดหวังต่อการรัฐประหารของไทย และแสดงความกังวลต่อการควบคุมตัวของแกนนำกลุ่มการเมืองต่างๆ นอกจากนี้ยังแสดงความกังวลต่อการปิดสื่อต่างๆ 
 
“ผมผิดหวังในการตัดสินใจของกองทัพไทยที่ยุติการใช้รัฐธรรมนูญ และยึดอำนาจหลังจากที่มีสภาวะความวุ่นวายทางการเมือง การรัฐประหารครั้งนี้ไม่มีข้ออ้างที่จะให้ความชอบธรรมใดๆ” เคอร์รี่ระบุในแถลงการณ์
 
ทางการสหรัฐยังได้เรียกร้องให้นำอำนาจกลับคืนสู่รัฐบาลพลเรือนโดยทันที ให้กลับสู่ประชาธิปไตยและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐานเช่นเสรีภาพสื่อ 
 
“ทางออกสำหรับประเทศไทยต้องรวมถึงการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วซึ่งจะสะท้อนเจตน์จำนงของประชาชน” 
 
“ในขณะที่เราเห็นคุณค่ามิตรภาพกับประชาชนไทย การกระทำนี้จะมีนัยยะในทางลบต่อความสัมพันธ์สหรัฐอเมริกาและไทย โดยเฉพาะกับกองทัพไทย เรากำลังพิจารณาเรื่องความช่วยเหลือและกิจการอื่นๆ ในทางทหาร ที่จะเป็นไปตามกฎหมายสหรัฐอเมริกา” 
 



"ทูตคริสตี้" โต้ลือ-ยัน "นิวัฒน์ธำรง" ไม่ได้หลบอยู่ในสถานทูตสหรัฐ


           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหาร ในวันที่ 22 พ.ค. ปรากฎว่า  ในช่วงค่ำมีกระแสข่าวลือข่าวปล่อยแพร่สะพัดทั้งในกลุ่มไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ อ้างว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกฯ ได้ไปหลบอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา และยังลือไปถึงขั้น ว่าเตรียมใช้สถานทูตสหรัฐเป็นสถานที่ประกาศตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

          ล่าสุดเวลาประมาณ20.26น. นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงเทพฯ ให้ข้อมูลผ่าน ทวิตเตอร์ @KristieKenney ยืนยันว่า นายนิวัฒน์ธำรงไม่อยู่ที่สถานทูตสหรัฐ ข่าวดังกล่าวไม่มีข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง

[​IMG]