วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

คลิปมัด! การ์ด กปปส. โยน 2 ศพลงจากสะพานพระราม 8 ใส่นกหวีดอำพรางศพ


คลิปมัด! การ์ด กปปส. โยน 2 ศพลงจากสะพานพระราม 8 ใส่นกหวีดอำพรางศพ




         เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ รองผบกน.7 พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.สส.บก.น.7 ฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีชายนิรนามถูกยิงเสียชีวิตและทิ้งศพไว้บริเวณ ถนนกำแพงเพชร 6 ท้องที่สน.ประชาชื่น และคดีศพชายนิรนามถูกทำร้ายยัดศพใส่กระสอบป่านโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้โรงเเรมริเวอร์ไซด์ ท้องที่สน.บวรมงคล ซึ่ง 2 คดี แต่งกายคล้ายกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. รวมถึงคดีของนายยืม นิลหล้า รปภ.ซึ่งถูกการ์ดกปปส.ทำร้ายร่างกายและนำศพไปโยนทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง แต่รอดชีวิตมาได้ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

          พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้น 3 คดี ขณะนี้คืบหน้าไปพอสมควร ฝ่ายสืบสวนมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงคนร้ายได้ ทั้งภาพวงจรปิดและข้อมูลจากพลเมืองดีที่นำมามอบให้ตำรวจ ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีแผนประทุษกรรมที่คล้ายกัน แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด และเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองขณะนี้หรือไม่ ต้องขอเวลาให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน รวมถึงให้ภาพที่ฝ่ายสืบสวนได้ข้อมูลมาเป็นตัวเดินเรื่องและสาวไปถึงตัวกลุ่มคนร้าย

          ด้านพ.ต.อ.เมธี กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของนครบาล คดีแรก เป็นคดีพบศพชายนิรนามถูกยิงเสียชีวิตและนำศพมาทิ้งไว้ที่ริมถนนกำแพงเพชร6 สวมเสื้อสัญลักษณ์คล้ายผู้ชุมนุม กปปส. ต่อมาฝ่ายสืบสวนได้ข้อมูลว่าชายคนดังกล่าวคือ นายบุญเที่ยง คำอิ่ม อายุ 41 ปี เป็นชาว จ.ชัยภูมิ คดีที่ 2 คดีชายนิรนามถูกฆ่ายัดกระสอบและนำศพมาโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยศพลอยไปติดใกล้โรงเเรมริเวอร์ไซด์ พบว่าสวมเสื้อสัญลักษณ์คล้ายกับผู้ชุมนุมกปปส.เช่นกัน แต่ขณะนี้ยังไม่พิสูจน์ทราบไม่ได้ว่าเป็นใคร มีเพียงบุคคลที่หน้าตาคล้าย เมื่อตรวจสอบไปพบว่ายังมีชีวิตอยู่ และคดีที่ 3 เป็นคดี รปภ.ถูกทำร้ายร่างกายและยัดใส่กระสอบไปโยนทิ้งแม่น้ำบางปะกง โชคดีมีพลเมืองดีผ่านมาเห็น จึงรอดชีวิต

          พ.ต.อ.เมธี กล่าวอีกว่า ทั้ง 3 คดีมีความคล้ายคลึงกันหลายประการ 1.ถูกทำร้ายร่างกายเหมือนกัน 2.ถูกมัดมือมัดเท้า 3.เสื้อที่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บใส่ ไม่ใช่เสื้อของผู้ตาย แต่เป็นเสื้อที่คนร้ายนำมาใส่ให้ ซึ่งนายยืม รปภ.ที่รอดชีวิต เป็นคนให้ปากคำกับตำรวจว่าหลังจากถูกทำร้ายก็ถูกถอดเสื้อออกไปและมีการนำเสื้ออีกตัวมาใส่ให้ 4.มีสายข้อมือลายธงชาติสวมอยู่ที่ข้อมือ และสายนกหวีดคล้องที่คอ 5.จากการตรวจสอบประวัติของนายบุญเที่ยงและนายยืมพบว่าเคยเป็นการ์ดของนปช.6.อำพรางศพโดยการนำไปโยนทิ้งน้ำในช่วงกลางดึกและสุดท้ายเหยื่อทั้งสามรายเป็นเพศชายเหมือนกันซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อมโยงกันของ 3 คดี

           “นอกจากนี้ยังมีภาพสำคัญที่จะนำมาเป็นเบาะแส เป็นภาพชายกลุ่มหนึ่งขับรถต้องสงสัย นำศพไปโยนทิ้งบนสะพานพระราม 8 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมีการปิดสะพานพระราม 8 ทั้งหัวและท้าย ไม่ให้รถยนต์ขึ้นไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครทำความสะอาด ก่อนจะเปิดให้ใช้สะพาน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปปิดถนนบนสะพานพระราม 8 สำหรับรถคันดังกล่าวเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ สีฟ้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีชายสวมไอ้โม่ง 4 คนนั่งอยู่ในรถ โดยนั่งด้านหน้า 2 คน และหลัง 2 คน ขับมุ่งหน้ามาจากแยก จปร. จากนั้นได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ กทม. ก่อนจะขับรถยนต์ขึ้นไปบนสะพานมุ่งหน้าฝั่งธนบุรี แต่เมื่อถึงกลางสะพานได้กลับรถคล้ายจะลงสะพาน แต่ปรากฏว่าคนขับได้จอดรถพร้อมกับโยนวัตถุบางอย่างลงมาบนขอบสะพานซึ่งเป็นทางเดิน จากนั้นมีชาย 2 คนลงมาช่วยกันยกวัตถุดังกล่าวโยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะขับรถลงสะพานและยิงปืนขึ้นฟ้า 3 นัด แล้วหลบหนีไปทางแยกจปร.

          พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้เป็นการรวบรวมแผนประทุษกรรมของคนร้าย เพื่อใช้ประกอบเป็นแนวทางการสืบสวน ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นจุดทิ้งอำพรางศพ ไม่ใช่จุดที่ทำร้ายร่างกาย และมีการเคลื่อนย้ายศพ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างพิสูจน์ทราบ เพราะจุดเกิดเหตุจะเป็นตัวที่บอกรายละเอียดได้ ผู้เสียชีวิตถูกทำลายหลักฐานความเป็นตัวตนเดิมและนำเอาเสื้อผ้าอุปกรณ์ต่างๆ มาสวมให้ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากลุ่มคนร้ายมีวัตถุประสงค์อะไรที่ทำแบบนี้ ต้องขอเวลาตำรวจทำงานสักระยะ ส่วนรถกระบะคันดังกล่าว ตำรวจพอมีเบาะแสบ้างแล้วแต่ยังเปิดเผยไม่ได้

        เมื่อถามว่าผู้ตายและผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชุมนุมและเกี่ยวกับกลุ่มของนายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส.หรือไม่ พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอให้มีหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ ให้ภาพและหลักฐานเป็นตัวเดินเรื่องไปสู่การจับกุมดีกว่า

       เมื่อถามว่าขณะนี้ได้เบาะแสหลักฐานดีเอ็นเอผู้ที่ทำร้ายทั้ง 3 รายแล้วหรือไม่ พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล ต่อข้อว่าถามว่าได้มีการตรวจสอบรถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีฟ้า ว่าติดสัญลักษณ์ใดหรือไม่ พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวว่า อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ โดยต้องการให้พี่น้องประชาชนที่มีข้อมูลเบาะแสช่วยส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนต่อไปด้วย

ซวยแล้วเมิง! "หญิงบริการ" ในม็อบสารภาพเป็น "เอดส์" โดนตบตี-ไม่ใส่ถุงยาง แต่ขายบริการให้การ์ด กปปส.เพื่อความสะใจ


ซวยแล้วเมิง! "หญิงบริการ" ในม็อบสารภาพเป็น "เอดส์" โดนตบตี-ไม่ใส่ถุงยาง แต่ขายบริการให้การ์ด กปปส.เพื่อความสะใจ




           มูลนิธิอิสรชนร่วมกับบ้านมิตร ไมตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แถลงสรุปสถานการณ์ผู้ใช้ ชีวิตในที่สาธารณะปี 2556 และผลกระทบทางการเมืองที่ส่งผลต่อผู้ใช้ชีวิตในที่ สาธารณะ โดยนายนที สรวารีเลขาธิการมูลนิธิอิสรชน เปิดเผยว่าจากการสำรวจผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในปี 56 พื้นที่กรุงเทพมหานครมี ทั้งหมด3,140 รายเป็นเพศชาย 1,944 รายเพศหญิง 1,196 รายแบ่งเป็น
  • 1.คนเร่รอน 900 คน
  • 2.คนที่ใช้ที่สาธารณะหลับนอนชั่วคราว 824 คน
  • 3.ผู้ติดสุรา 806 คน
  • 4.ผู้ป่วยข้างถนน 683 คน
  • 5.คนจนเมือง 597 คน
  • 6.คนไร้บ้าน 461 คน
  • 7.พนักงานบริการ อิสระ 398 คน
  • 8.คนเร่รอนไร้บ้าน 323 คน
  • 9.ผู้พ้นโทษ 56 คน
  • 10.ครอบครัวแรงงานเพื่อน บ้าน 34 คน
  • 11.ชาวต่างชาติเร่ร่อน 22 คน
  • 12.ผู้มีความหลากหลายทางเพศ 15 คน

           โดยมีแนว โน้มที่จะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี เขตที่พบคนใช้ชีวิตในที่สาธารณะมากที่สุดคือเขตพระนคร 559 คนเขตบางซื่อ275 คนเขตจตุจักร 228 คน และในช่วงที่มีสถานการณ์ทางการเมืองมีการชุมนุมต่างๆ เกิดขึ้นจะส่งผลให้มี กลุ่มคนใช้ชีวิตในที่สาธารณะเพิ่มขึ้นตลอดซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีบุคคลตก ค้างจากการชุมนุมตั้งแต่ พ.ศ.2516 - ปัจจุบันรวมกว่า140 คนและการชุมนุมแต่ละครั้งส่งผลกระทบต่อความเครียดและการป่วยทางจิต

       นายนทีกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในช่วงการชุมนุมพบว่ามีกลุ่มผู้ขายบริการทางเพศมากขึ้น เนื่องจากช่วงเวลาการชุมนุมบุคคลเหล่านี้ถือเป็นที่ต้องการอย่างมากโดยผู้ขายบริการจะเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่มีการชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งจากการลงพื้นที่ พูดคุยกับผู้ขายบริการพบว่าบางส่วนเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์แต่ก็ยังมาขายบริการ ในช่วงการชุมนุมซึ่งคาดว่ามีกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวน 398 คนบางครั้งหญิงขายบริการก็ถูกข่มขู่ใช้บริการฟรีโดยไม่สวมถุงยางอนามัยถึง ขั้นลงไม้ลงมือก็มีทำให้ผู้ขายบริการที่รู้ทั้งรู้ว่าตนเองเป็นเอดส์ก็ยังไป ขายบริการให้การ์ด กปปส.เพื่อความสะใจ

          อย่างไรก็ตามปัญหาผู้ที่ใช้ชีวิตในที่สาธารณะถือเป็นส่วนที่ทุกคนต้องช่วย กันดูแลและแก้ปัญหาโดยกทม.ในฐานะการผู้ดูแลเมืองถือเป็นส่วนสำคัญมากในการ เข้าไปทำความเข้าใจและดูแลกับบุคคลเหล่านี้แต่กทม.ยังไม่มีการจัดการปัญหาคน เร่รอนอย่างเป็นระบบมีเพียงการตั้งบ้านอุ่นใจเพื่อเป็นที่พักพิงแก่คนเร่ ร่อนแต่ก็เป็นเพียงที่หลับนอนเท่านั้นไม่มีการติดตามประสานงานเพื่อช่วยแก้ ปัญหาซึ่งตนเห็นว่าส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัญหาทางการเมืองที่ทำให้กทม.และ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ไม่ร่วมมือกันดำเนินการซึ่ง กทม.ควรปรับทัศนะเห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาดังกล่าวให้มากขึ้น


ที่มา : news center/dailynews

ขอบคุณภาพจาก : www.prachatai.com

“ชูวิทย์” แนะ “สุเทพ-ประชาธิปัตย์” เลิกวิธีนอกระบบ ชี้ก่อม็อบมา 4 เดือนไร้ประโยชน์


“ชูวิทย์” แนะ “สุเทพ-ประชาธิปัตย์” เลิกวิธีนอกระบบ ชี้ก่อม็อบมา 4 เดือนไร้ประโยชน์


              วันที่ 13 มีนาคม 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557 (วานนี้) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 (https://www.facebook.com/ChuvitOnline) โดยมีเนื้อหาดังนี้




ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

          เมื่อ ป.ป.ช. และ ศาลรัฐธรรมนูญ ลงดาบอาญาสิทธิ์ ทั้งเรื่องจำนำข้าว และ พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน รัฐบาลล้มหน้าคะมำ อาการเก่ายังไม่ฟื้น อาการใหม่เข้าแทรกซ้อน เพราะคำวินิจฉัยไปในทิศทางเป็นโทษกับรัฐบาลทั้งสิ้น อีกไม่ช้าคงเห็นคำวินิจฉัยการเลือกตั้งเป็นโมฆะ

         องค์กรกลางต้องตัดสินไปตามพยานหลักฐาน หรือคิดว่าตัดสินไปตามธงของคุณสุเทพ คงไม่ใช่กระมัง

        นี่เป็นสิ่งพิสูจน์แล้วว่า สี่เดือนที่ผ่านมาคุณสุเทพก่อม็อบปิดถนน ชัตดาวน์แบงค็อก รีสตาร์ทไทยแลนด์ ขวางการเลือกตั้ง ปลุกปั่นให้ผู้คนแตกแยก ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เศรษฐกิจพังพินาศป่นปี้ ประเทศไทยถูกจัดอันดับความมั่นคงทางการเมือง ใกล้เคียงกับ ปากีสถาน และ เกาหลีเหนือ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

        ความเป็นจริงแล้ว คุณสุเทพไม่ต้องทำอะไรเสียด้วยซ้ำ ความเหนื่อยยากของคุณสุเทพเป็นหมัน เพราะท้ายสุด องค์กรกลางเป็น "อัศวินม้าข้าว" ที่จะพิชิตรัฐบาล ประเทศชาติไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวิธีการนอกระบบที่คุณสุเทพปราศรัยเรียกร้องหาทหารให้มาเป็นตัวช่วย แล้วอ้างว่าทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์

       เพราะแม้แต่เมื่อวานคุณสุเทพยังรำพึงรำพันเกี่ยวกับ ผู้ว่าฯกทม. ที่ถูก กกต. ตัดสินให้ใบเหลืองว่า

       "เรา" (คุณสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์) มีจุดยืนที่ชัดเจน วันนี้ กกต.ตัดสินให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. "เรา" ไม่เคยว่า และพร้อมสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าเป็นฝ่ายคุณ (พรรคเพื่อไทย) คงร้องกันลั่นบ้าน ยิ่งลักษณ์ไม่มีหัวใจเป็นนักประชาธิปไตย

         แสดงให้เห็น คุณสุเทพคิดอยู่เสมอว่าตัวเองคือประชาธิปัตย์ เผลอหลุดปากพูดจาปกป้อง แบ่งเขาแบ่งเราทางการเมือง ลาออกแต่ชื่อ จิตวิญญาณและหัวใจยังเป็นประชาธิปัตย์เต็มตัว มวลมหาประชาชนในขณะนี้ที่เหลืออยู่ คือม็อบของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง

         พวกที่มากระแนะกระแหนผมว่า หากม็อบนกหวีดชนะผมจะไปเข้าข้างคุณสุเทพ คงคิดผิด คุณสุเทพไม่มีวันชนะ ล้มรัฐบาลด้วยม็อบ แต่รัฐบาลไปด้วยองค์กรกลางอย่าง ป.ป.ช. หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ

        หมากการเมืองแบบที่คุณสุเทพทำมันไม่ได้อ่านกันง่ายๆ มีเด็กเมื่อวานซืนอยู่จำนวนมากหลงเข้าใจผิด แต่ผมไม่โทษ เพราะพวกนั้นเป็นผู้หลงผิดโดยสุจริตใจ อยากเห็นบ้านเมืองก้าวหน้า ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ

         ทำไมเราจะไม่อยากได้ผู้ที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง หากมีอยู่จริงอย่างที่ประชาชนใฝ่ฝันทุกวันทุกคืน? แต่เป็นเพราะนักการเมืองชั้นเซียนอย่างคุณสุเทพ ที่การเมืองฝังอยู่ในเส้น สร้างคำพูดสวยหรูแล้วมีผู้คนไปหลงเชื่อ เดินตากแดดตากลม เสี่ยงชีวิต ท้ายสุดแล้วกลับกลายเป็นเรื่องการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์

        เป็นผลประโยชน์ของพรรคล้วนๆ เพียงแต่หยิบยกเอาผลประโยชน์ของประชาชนมาบังหน้า

         เวลาคนพูดจริงบ้าง โกหกบ้าง ผสมปนเปกันไป แยกผิดแยกถูกไม่ได้ เขาเรียกว่าโรค "ไบ โพลาร์" หรือ "คนสองขั้ว" เมื่อเวลาผ่านไปถึงจะเริ่มเผยให้เห็นธาตุแท้ออกมา

ผมเกรงว่าคุณสุเทพจะเป็นโรคนี้เสียแล้ว

บ้านอยู่ "นครศรีธรรมราช" นั่งรถไฟมาขัดขวางการเลือกตั้งถึง "ราชเทวี" โดนหมายจับซะ!


บ้านอยู่ "นครศรีธรรมราช" นั่งรถไฟมาขัดขวางการเลือกตั้งถึง "ราชเทวี" โดนหมายจับซะ!




ผู้ต้องหาขัดขวางการเลือกตั้ง 3 ราย เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามหมายจับศาล

  • 1.ที่ สน.บางโพงพาง  นายชัยชนะ เดชเดโช ได้เดินทางมอบตัวต่อ พนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 81/2557 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ด้วยเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ผู้ต้องหา ได้เข้าทำการขัดขวางการเลือกตั้งที่ สำนักงานเขตยานนาวา แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. เป็นเหตุให้ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ ต่อมาวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
  • 2.ที่ สน.พญาไท
  •       1.นายทินกร ปลอดภัย อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 44/2557 ลง 6 ก.พ.2557
  •       2.นายปรีติ เชาวลิต อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 45/2557 ลง 6 ก.พ.2557
ได้เข้ามอบตัวต่อ ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท

          ด้วยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วไป ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ทำการปิดล้อมที่สำนักงานเขตราชเทวี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. เป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ต่อมาวันที่ 6 ก.พ. 57 ศาลอาญา ได้อนุมัติออกหมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน

ขัดรัฐธรรมนูญ 8 : 0


ประวัติศาสตร์จารึก! องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 8:0 รถไฟฟ้าความเร็วสูงขัด รัฐธรรมนูญ



           เลขาฯศาล รธน.เผย ศาลมีมติเอกฉันท์ 8-0 ร่าง พรบ.2 ล้านล้านมีเนื้อหาขัด รธน. และมีมติเสียงข้างมาก 6-2 กระบวนการร่างขัด รธน. ทั้งยังมีมติรับคำร้อง กกต-และ คำร้องให้เลือกตั้ง 2 กพ.เป็นโมฆะ ของผู้ตรวจฯ

          เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 12 มีนาคม นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน8ต่อ0 วินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญในส่วนของเนื้อหา ตาม มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 ส่วนในเรื่องของกระบวนการร่างกฎหมายดังกล่าวนั้น คณะตุลาการมีมติเสียงข้างมาก 6ต่อ2 ให้กระบวนการในการร่าง ขัดต่อบทบัญญัติขอรัฐธรรมนูญ