วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

"พิเชษฐ" รับสารภาพ "พรรคประชาธิปัตย์" หลังชนฝาจริงๆ กลัดกระดุมผิดแต่เม็ดแรก ยกพรรคลาออกจนเขามีความชอบธรรมยุบสภา


"พิเชษฐ" รับสารภาพ "พรรคประชาธิปัตย์" หลังชนฝาจริงๆ กลัดกระดุมผิดแต่เม็ดแรก ยกพรรคลาออกจนเขามีความชอบธรรมยุบสภา



            กกต. มีมติเอกฉันท์ส่งเรื่องให้รัฐบาลออก พรฎ. เลื่อนการเลือกตั้งไปเป็นวันที่ ๔ พ.ค.๕๗
เท่ากับเลื่อนไป ๓ เดือน ๒ วัน  ซึ่งผมก็ได้คาดการณไว้แต่ต้นแล้วว่า หากรัฐบาลจะต้องเลื่อนจริง ก็คงเลื่อนสัก ๒-๓ เดือน ไม่ใช่เลื่อนไปเป็นปีๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

           การเลื่อน ๓ เดือนเช่นนี้  เป็นเรื่องลูกบอลมาเข้าเท้าตรงหน้าประตูตรงๆ อาจอ้างว่าเป็นการเลื่อนตามที่ กปปส.เรียกร้องแล้ว จะเอาอะไรอีก แต่ในเวลา ๓ เดือน ไม่ใช่วิสัยที่จะปฎิรูปฯก่อนเลือกตั้งได้ตามเงื่อนไขของ กปปส. แน่นอนว่า กปปส. จะต้องไม่ยอมรับ และต้องเสียความชอบธรรมในสายตาของประชาชนและต่างประเทศ จะถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวหาโดยชาวเสื้อแดงในคราบเสื้อขาว ที่ก่อตั้งขึ้นมาแล้ว และกำลังขยายกลุ่มอย่างรวดเร็ว

           แน่นอนความวุ่นวายเช่นขณะนี้จะยังไม่ยุติ แต่การออก พรฎ.เลือนการเลือกตั้งออกไป น่าจะเป็นปัญหาแก่ พรรค ปชป.โดยตรง ปชป.จะต้องลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่  หากไม่ลงอีก จะเข้ากรณีไม่ลงเลือกตั้งเป็นครั้งที่สองติดต่อกันหรือไม่ หากถือว่าเป็นการไม่ลงเลือกตั้งเป็นครั้งที่สอง ผลตาม กฎหมายจะเป็นอย่างไร ว่ากันว่าอาจจะต้องถึงกับ ถูกยุบพรรค

          ปชป.ต้องลงเลือกตั้งเพราะความจำเป็น หรือยอมรับกรรมพบจุดจบตามกฎหมาย หรือหากจำเป็นต้องลงรับเลือกตั้ง จะเหลือสมาชิกเดิม เพียงกี่คน อย่างน้อย สส.พิษณุโลกคนหนึ่งก็หาย ไปเสียแล้ว

         ประการสำคัญคือ แนวร่วมฐานเสียงจำนวนมหาศาลของ ปชป.จากภาคใต้ และ กทม. ก็ไปอยู่ใน ราชดำเนินเสียแล้ว ม็อบเมื่อ จุดติดแล้วดับยากจริงๆ  หาก ปชป. ทั้งใน กทม. และ ภาคใต้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ปฎิกริยาต่อต้านจากฐานเสียงเดิมจะรุนแรงแค่ไหน และจะต้องศูนย์เสียไปสักกี่ล้านเสียง

           กกต.มีแนวทางว่า จะเรียกพรรคการเมืองทั้งหมดมาหารืออีกที  แต่คำตอบจาก ปชป. ก็บอกได้ตั้งแต่บัดนี้ว่า "ไม่สำเร็จ" ปชป.หลังชนฝาแล้วจริงๆ

           ด้วยกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก เพราะไปยกพรรคลาออกจนเป็นเหตุให้เขามีความชอบธรรมที่จะยุบสภา  อนิจจา พระแม่ธรณี

พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล

10 มค 57

ภาพชุดพิเศษ "ม็อบกบฏ กปปส." ปิดแยกแจ้งวัฒนะ ทั้งถุงทราย แท่งปูน ยางรถยนต์พร้อม


ภาพชุดพิเศษ "ม็อบกบฏ กปปส." ปิดแยกแจ้งวัฒนะ ทั้งถุงทราย แท่งปูน ยางรถยนต์พร้อม




























เมือกจับคนบ้า หาว่าเป็นเขมรรับจ้างเผา

ญาติชายสติไม่ดีแจ้งกองปราบหลัง ‘สุเทพ’ กักตัวกล่าวหาเป็นเขมรเผาม็อบ

หลัง‘สุเทพ’โพสต์จับกุม 5 ชาวกัมพูชาเตรียมเผาม็อบ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดญาติชายในรูปเข้าแจ้งกองปราบ เลขากปปส.กักขังหน่วงเหนี่ยว ยืนยันเป็นคนไทย แต่สติไม่ดีชอบเร่ร่อน หาของกินฟรีตามงานและที่ชุมนุม
ภาพญาตินายสมภพเข้าแจ้งความต่อกองปราบ (ภาพโดย สุดชาย บุญไชย )
7 ธ.ค.2556 หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า “เวทีที่ราชดำเนินจับชาวกัมพูชาได้ 5 คน พร้อมแผนที่ชี้จุดตำแหน่งตรงราชดำเนินที่จะให้ก่อเหตุเผาก่อความวุ่นวายในงานวันที่ 5 ธันวาคม 2556 โดยทั้ง 5 คน บอกว่ามีผู้ใหญ่บ้าน ที่จังหวัดปทุมธานีจ้างให้มาเผาและก่อกวนเวทีที่ราชดำเนิน”
ในแฟนเพจของนายสุเทพยังโพสต์ภาพผู้ถูกจับกุม 1 ใน 5 คน และมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก(เมื่อเวลา 14.00 น. 7 ธ.ค.56) กดไลค์กว่า 80,000 ไลค์ และแชร์ไปกว่า 18,000 ครั้ง นอกจากนี้สื่อหลักอย่าง ไทยรัฐออนไลน์ASTVผู้จัดการออนไลน์โพสต์ทูเดย์ดอทคอมแนวหน้าVoice TVTnewsกระปุกดอทคอม และสนุกออนไลน์ ยังได้นำข้อควมดังกล่าวของนายสุเทพไปรายงานต่อด้วย สร้างกระแสชาตินิยมและวิพากษ์วิจารณ์ชาวเขมรผู้ถูกจับกุมอย่างรุนแรง 
ภาพที่นายสุเทพอ้างเป็นชาวกัมพูชา 5 คนเตรียมเผาที่ชุมนุมแต่ถูกการ์ด กปปส.จับได้ที่ราชดำเนิน โพสต์เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพียงคนเดียวจากจำนวนที่อ้างทั้งหมด 5 คน (ที่มาเฟซบุ๊กแฟนเพจ Suthep Thaugsuban )

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวประชาไทตรวจสอบพบผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สุดชาย บุญไชย” โพสต์ภาพและข้อความโต้แย้งสิ่งที่นายสุเทพและสื่อนำเสนอว่า ชายคนที่ปรากฏการณ์ในรูปนั้นไม่ใช่คนกัมพูชา แต่เป็นคนไทยชื่อ “สมภพ ขันทอง” มีหลักฐานทะเบียนบ้านชัดเจน เพียงแต่สติไม่สมประกอบ มีแหล่งพักพิงแถวท่าเรือบางกะเจ้า กับท่าเรือวัดคลองเตย
นายสุดชาย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเขาพานางระพิน ขันทอง น้าสาวและผู้ปกครองนายสมภพ ขันทอง เข้าแจ้งความกับกองปรากล่าวหานายสุเทพ เลขา กปปส. ในข้อหากังขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมระบุด้วยว่ากองปราบรับปากจะประสานกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เพื่อดำเนินการนำตัวนายสมภพออกมาจากที่ชุมนุมของ กปปส.
นายสุดชาย กล่าวว่า ทราบข่าวดังกว่าจากไทยรัฐออนไลน์และเฟซบุ๊กแฟนเพจของนายสุเทพ จึงตรวจสอบกับเพื่อนที่เป็นคนดูแลท่าเรือบางกระเจ้าซึ่งเคยพบเห็นชายที่ถูกระบุว่าเป็นชาวกัมพูชาในรูปจึงได้ทราบว่าเป็นคนไทย มีที่อยู่ที่ ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งบริเวณนั้นเป็นท่าเรือข้ามฟากระหว่างบางกระเจ้ากับคลองเตย เมื่อทราบข้อมูลแล้วเขาจึงไปตรวจสอบกับครอบครัวของนายสมภพ หรือ “แอน” ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เนื่องจากนางระพิน น้าสาวผู้ปกครองนายสมภพไม่อยู่ จึงได้นัดกันในวันนี้เพื่อไปแจ้งความกับกองปราบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายสุดชาย กล่าวว่า การที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของนายสุเทพจับนายสมภพไปแล้วอ้างว่าถูกว่าจ้างมาเพื่อวางเพลิง นั้นเป็นความเท็จ เพราะว่านายสมภพใช้เงินไม่เป็น ดังนั้นการอ้างว่าถูกว่างจ้างเพื่อไปวางเพลิงนั้นน่าจะเป็นการแต่งเรื่อง นายสุดชายยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการนำประเด็นความเป็นคนกัมพูชามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นไปเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมให้กับฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ เพราะประชาชนทั่วไปทราบว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลกัมพูชา
นางระพิน น้าสาวของนายสมภพ ให้สัมภาษณ์ว่า บิดาและมารดานายสมภพเสียชีวิตมา 20 กว่าปีแล้ว และนายนายสมภพเป็นคนสติไม่ดี เป็นมาตั้งแต่กำเนิด พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนมากจะใช้การพยักหน้าแทน เออๆ ออๆ ไปกับทุกคน และมักชอบเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งที่ชุมนุมต่างๆ เพื่อไปรับประทานอาหารฟรี และคาดว่าวันดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระชนพรรษาที่สนามหลวงนายสมภพก็อาจไปที่นั่นและมาที่ราชดำเนินจนถูกจับกุม
"เพื่อนบ้านเห็นในโทรทัศน์แล้ววิ่งมาเรียกว่านั่นไอ้แอนนี่หว่า ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ตัวกลับมาเลย ไม่รู้ว่าจะมีคนให้ข้าวให้น้ำหรือเปล่า จะโดนอีกแค่ไหนไม่รู้ เพราะวันที่ออกข่าวทีวีก็เห็นหน้าบวม มันสติไม่สมประกอบ ถ้าถามมันว่าจะมาทำโน่นทำนี่ไหมมันก็พยักหน้าหมดแหละ" นางระพินกล่าว 

ม๊อบเรียกแขก กปปส. ปะทะกันมั่งแล้ว

?ม็อบกปปส.ปะทะเสื้อแดงเดือด?

?ม็อบกปปส.ปะทะเสื้อแดงเดือด?

              เมื่อเวลา15.00 น. วันที่10ม.ค. พ.ต.ท.กมลรัตน์ พาน้อย สวส.สภ.คูคต จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มกปปส.กับกลุ่มนปช. ที่บริเวณหน้าตลาดนานาเจริญ ถนนสายเสมาฟ้าคราม ลำลูกกา-ธัญบุรี ต.คูคต อ.ลำลูกกา รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.สมิทธิมุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจจันทร์เจริญรอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานีและกำลังจำนวนหนึ่งที่เกิดเหตุหน้าปากซอยศรีสมโภชน์เยื้องตลาดนานาเจริญ พบเพียงกองเลือด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นกลุ่มนปช.และกลุ่มกปปส. หน่วยกู้ภัยนำส่ง รพ.ใกล้เคียงไปก่อนหน้านี้ทราบชื่อต่อมานายสุธิวัติธิดา อายุ 45 ปี ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดยิงเฉียดที่ศรีษะกระสุนฝัง (นปช.) นายประหยัดนาคตรง อายุ 36 ปี ถูกยิงที่สะโพกขวา (นปช.) นายเอ(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยปทุมธานี โดนลูกหลงถูกสะเก็ดระเบิดที่ข้อเท้าซ้าย และนายวิชาญชันมณี อายุ 24 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ข้อเท้าทั้งสองข้างเป็นแผลฉกรรจ์ (กปปส.)

?ม็อบกปปส.ปะทะเสื้อแดงเดือด?

            นอกจากนี้ในจุดเกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีบรอนด์เงิน ทะเบียนฮท-8958 กทม. ถูกกระสุนที่กันชนด้านหน้ารถกระสุนทะลุหม้อน้ำจนได้รับความเสียหาย กระจกหน้าแตก พร้อมกับควบคุมตัวนายเจตน์กลายสุข อายุ 49 ปี โชเฟอร์และกลุ่มชายฉกรรจ์ไว้ได้จำนวน 6 คน ที่โดยสารมาภายในรถ จากการตรวจค้นภายในรถยนต์ตู้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์แบบลูกซองสั้นวางอยู่ที่เบาะหลังจำนวน 1 กระบอก ระเบิดไทยประดิษฐ์จำนวน 2 ลูก โดยไม่มีผู้รับเป็นเจ้าของเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบสวน โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายสิปภาส ศิรินัฐภานุรักษ์ อายุ 42 ปีมาจากจ.อุทัยธานี ในราคาวันละ1600บาท

             ต่อมาเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ รับแจ้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิงได้รับบาดเจ็บรักษาตัวที่ร.พ.เอกปทุม ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถตู้โดยสารประจำทาง สายรังสิต-คลองแปด ทะเบียนฉท-8059 กทม. มีร่องรอยถูกกระสุนปืนยิงที่บริเวณกระจกข้างด้านขวาจนเป็นรูโหว่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อต่อมานายถนอมปัญญาดี อายุ 62 ปี ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่กลางหน้าอกกระสุนฝังในก่อนจะย้ายไปรักษาตัวที่ร.พ.ปทุมธานี สวบสวนทราบว่าขณะรถวิ่งมาถึงถนนรังสิต-นครนายก ขาออกใกล้เคียงสะพานคลองสองฝั่งตรงข้าม มีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มขับรถผ่านและเกิดการยิงใส่กันจนกระสุนลูกหลงยิงใส่กลางอกผู้โดยสารรถตู้ประจำทาง

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงเช้ากลุ่มกปปส. ได้รวมตัวกันที่บริเวณแยกบางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี ก่อนจะเคลื่อนพลด้วยรถยนต์ 50 คัน จยย. 50 คัน พร้อมรถเครื่องขยายเสียงออกไปตามเส้นทางเพื่อเรียกร้องให้ประชาชนไปร่วมกันชัตดาวส์กรุงเทพในวันที่ 13 ม.ค.นี้ โดยตลอดเส้นทางที่รถยนต์เคลื่อนไปไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุร้ายแต่อย่างใด จนกระทั่งกลุ่มกปปส.บางส่วนขับรถเรียกแขกมาในเส้นทางถนนสายเสมาฟ้าคราม ต.คูคตอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงใช้จยย.และรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงขับตามหลังกลุ่มกปปส.มา จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างวิ่งไล่ทำร้ายกัน

จับม็อบ กปปส. จากสุราษฏร์ฯ ขนใบกระท่อมขึ้น กทม. อ้าง "ไว้กินระหว่างร่วมชุมนุม"



         จับพืชกระท่อม กว่า 200 ใบ!! สารภาพนำติดตัวมาจากสุราษฎร์ธานี เพื่อมาเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ..  วันนี้ 11 มกราคม 2557 เวลาประมาณ 01.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพรงมะเดื่อ จว.นครปฐม ขณะที่ตั้งจุดตรวจ บนถนนเพชรเกษม หน้าห้างแม็คโคร ได้ตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังต่อไปนี้

  • 1.นายสุเวท ปิ่นทอง อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 15 ม.5 ต.ท่าชี อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมของกลาง ใบกระท่อม จำนวน 42 ใบ
  • 2.นายนันทพล มีแต้ม อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 316 ม.13 ต.พ่วงพรหมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมของกลาง ใบกระท่อม จำนวน 169 ใบ

         โดยกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า "มียาเสพติดใหโทษประเภท5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย"  จากการสอบถามทั้งสองนายรับว่าได้เดินทางมาพร้อมเพื่อนบ้านชาว จว.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 10 กว่าคัน เพื่อจะเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพ โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนได้เก็บใบกระท่อมมาจากบ้านเพื่อไว้กินระหว่างเดินทางและขณะร่วมชุมนุม  หนุ่มใหญ่การไฟฟ้าวัดเลียบ "ขนปืน-กระสุน" ซ่อนในที่ครอบถังแก๊สท้ายรถเข้าม็อบกบฏสุเทพ





นายสุวัฒน์ กล่ำคำ อายุ 49 ปี
บ้านเลขที่ 84/1 หมู่ 2 ต.บางขุนทอง อ.บางกรวย จว.นนทบุรี

ประกอบอาชีพพนักงานไฟฟ้านครหลวงสำนักงานวัดเลียบ

พร้อมด้วยของกลาง
  • 1. อาวุธปืนออโตเมติกยี่ห้อ CZ ขนาด 9 มม.
  • 2. แม็กกาซีน 2 อัน
  • 3. กระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 20 นัด
  • 4. อาวุธมีดสปาต้า 1 เล่ม

           พฤติการณ์ในการจับกุม คือ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจความมั่นคงอยู่พบผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์ jeep หมายเลขทะเบียน ชณ 6664 กรุงเทพมหานคร ผ่านเข้ามามีพฤติกรรมน่าสงสัยจึงเรียกทำการตรวจค้น พบอาวุธมีดอยู่บริเวณข้างเบาะคนขับ และพบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนของกลางอยู่บริเวณอยู่บริเวณที่ครอบถังแก๊สท้ายรถ  โดยภายในรถพบเสื้อผ้าหลายชุดพร้อมวิกผม หมวก และสายนกหวีด

          จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบและจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป