วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กอ.รมน. จัดตั้งเครือข่ายข่าวภาคประชาชนสอดส่องภัยความมั่นคง


กอ.รมน.พระนครศรีอยุธยา สร้างเครือข่ายข่าวภาคประชาชน คอยดูแลสอดส่องปัญหาในพื้นที่ชุมชน สร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ ปลูกจิตสำนึกรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
 
31 ส.ค. 2557 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยารายงานว่า พันเอกนราธิปต์ ป้อมป้องกัน หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเครือข่ายข่าวภาคประชาชน เพื่อความมั่นคง ปี 2557 โดยมีตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน จำนวนกว่า 50 คนเข้าร่วม ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
 
พันเอกนราธิปต์ ป้อมป้องกัน หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การจัดโครงการฝึกอบรมเครือข่ายข่าวภาคประชาชนในครั้งนี้ เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและให้ประชาชนตระหนักถึงภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อความเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาไปในหลายรูปแบบ ทั้งปัญหายาเสพติด ปัญหาความรุนแรง ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาต่างๆ ในสังคม ที่ล้วนแล้วแต่จะส่งผลกระทบต่อความสงบสุขในบ้านเมือง ซึ่งในบางครั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจดูแลไม่ทั่วถึงหรือเข้าถึงได้ล่าช้า ดังนั้น หากมีประชาชนร่วมกันสอดส่องดูแลในพื้นที่ของตนเอง และแจ้งข่าวสารให้กับทางราชการ ก็จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ทำให้เกิดความสงบสุขและเกิดความมั่นคงต่อประเทศชาติได้
 
ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานด้านการข่าวเบื้องต้น ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ของของตนเอง การปลูกจิตสำนึกให้มวลชนเครือข่ายข่าว ได้มีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างความรัก สามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อสร้างความสุขให้กับคนในชาติ

รวบตัวกลุ่มญาติเหยื่อสลายชุมนุม ขณะจัดกิจกรรมทวงความเป็นธรรม

เจ้าหน้าที่รวบตัวกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมนัดจัดกิจกรรมทวงความเป็นธรรมบริเวณ MRT และ BTS จตุจักร  เบื้องต้นตั้งข้อหาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด ส่วนคดีหมิ่นประมาทรอเจ้าทุกข์ร้อง ขอความร่วมมืออย่าเคลื่อนไหวอีก
 


 
 
 




 
 
 
31 ส.ค. 2557 เมื่อเวลาประมาณ 9.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจควบคุมฝูงชนทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายทั่วบริเวณ MRT และ BTS จตุจักร หลังกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมนัดจัดกิจกรรมทวงความเป็นธรรม 10.00 น.วันนี้  เหตุไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินศาลอาญายกฟ้อง 'อภิสิทธิ์-สุเทพ' และโอนให้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นในเวลา 10.40 น. ตร.รวบตัว นางพะเยาว์และนายณัฐภัทร อัคฮาดแล้ว หลังปรากฏตัวบริเวณ BTS หมอชิต นำตัวไป สน.บางซื่อ และต่อมาในเวลา 10.50 น. ตร. ควบคุมตัวนายพันศักดิ์ ศรีเทพ เข้าไปยังสถานีตำรวจชุมชนตลาดนัดจตุจักร หลังโปรยใบปลิวเรียกร้องความเป็นธรรมกับศาลประชาชน
 
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน
 
เวลา 11.40 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการศึกษา (รอง ผบก.ศ.) ช่วยราชการกอง บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงที่ สน.บางซื่อ กรณีจับกุมตัว นางพะเยาว์ นายณัฐภัทร อัคฮาด และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ 3 ญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายชุมนุมเสื้อแดงปี 53 หลังจัดกิจกรรมและโปรยใบปลิวเรียกร้องความเป็นธรรม ระบุเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เนื่องจากใบปลิวดังกล่าวนอกจาก นายอภิสิทธ์และนายสุเทพ จำเลยที่ศาลอาญาเพิ่งจำหน่ายคดีแล้ว ยังมีการกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ซึ่งไม่ใช่จำเลยในคดีอีกด้วย
 
พล.ต.ต.อำนวย ชี้แจงด้วยว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่การยกฟ้อง แต่เป็นการจำหน่ายคดีไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแทน เป็นการฟ้องให้ถูกศาล เนื่องจากขณะเกิดเหตุ ทั้งอภิสิทธิ์และสุเทพถือเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งอัยการก็ยังสามารถอุทธรณ์คำสั่งศาลได้อีก
 
เวลา 13.50 น. นางพะเยาว์ นายณัฐภัทร อัคฮาด และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ 3 ญาติผู้เสียชีวิตจากการสลายชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ยังคงถูกควบคุมตัวที่ สน.บางซื่อ หลังจัดกิจกรรมและโปรยใบปลิวเรียกร้องความเป็นธรรม เพื่อรอนายทหารพระธรรมนูญพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. หรือไม่
 
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.45 น. กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
 
ส่วนข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ต้องรอว่าผู้เสียหายที่มีข้อความพาดพิงจะมีการร้องทุกข์ดำเนินคดีหรือไม่ ในวันนี้มีการปรับความเข้าใจและขอความร่วมมือกับบุคคลทั้งสามมิให้เคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้อีก และได้ปล่อยตัวไปโดยไม่มีการกักตัวหรือควบคุมใดๆ

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชายนครศรีฯ เครียดยางราคาตก จุดไฟเผาตัวเองดับสยอง


ชายนครศรีฯ เครียดยางราคาตก จุดไฟเผาตัวเองดับสยอง

            ชายนครศรีฯ จุดไฟเผาตัวเองดับสยอง ภรรยาเผย สามีเครียดยางราคาตก รายได้หดจาก 500 บาท เหลือ 200 บาทต่อวัน

            เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากแพทย์เวร โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ว่ามีผู้เสียชีวิตภายในตึกศัลยกรรมชาย หลังจากเข้ารักษาตัวด้วยอาการบาดเจ็บจากไฟลวกทั้งตัว เนื่องจากเครียดยางราคาตกต่อเนื่อง จึงได้จุดไฟเผาตัวเอง

            โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นายพิทักษ์ชัย คงทองคำ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ 3 ต.เขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แพทย์ระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากร่างกายสูญเสียน้ำจำนวนมากจากไฟลวก และมีความเสียหายของผิวหนังกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย เนื่องจากถูกไฟคลอกเป็นเวลานาน


            จากการสอบสวน น.ส.สุจิตรา ศรีสว่าง อายุ 28 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การว่า นายพิทักษ์ชัย มีอาชีพรับจ้างกรีดยางพาราในพื้นที่ราว 6 ไร่ เดิมมีรายได้ราววันละ 500-600 บาท แต่ภายหลังจากยางราคาตกต่ำรายได้หดหายเหลือเพียงวันละราว 200 บาทเศษเท่านั้น ช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 สิงหาคม หลังจากที่ไปกรีดยางกลับมาแล้ว สามีได้ให้ตนออกไปเก็บยางเพียงคนเดียว เมื่อกลับมาอีกทีก็พบว่า นายพิทักษ์ชัยได้จุดไฟเผาตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อนบ้านได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งสง และถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะเสียชีวิตในช่วงกลางดึก

            ขณะที่ทางด้าน พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ในฐานะรองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมามี 6 กลุ่มเข้าหารือ แต่ยังไม่รับปากในเรื่องใด คสช. มีมาตรการช่วยเหลือทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเเล้ว


คุยกับขุ่นแม่ ‘ลีน่า จัง’ ผู้ยังคงยืนเด่นโดยท้าทายคณะรัฐประหาร


‘ลีน่า จัง’ หรือลีนา จังจรรจา
ประชาไท สัมภาษณ์ ‘ลีน่า จัง’ หรือลีนา จังจรรจา เจ้าของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง Hot TV และผู้จัดรายการคุยข่าวฝีปากกล้า รวมถึงทนายความคนยาก หัวหน้าพรรคมหาประชาชน ที่พึ่งจดทะเบียนหมาดๆ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้เคยร่วม 'ม็อบมือถือ' สีลม ประท้วงรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อปี 2540 และอดีตผู้สมัคร สว. ปี 49 และ 57, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปี 47, 51 และ 52
ล่าสุดเธอเพิ่งถูก กกต.เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้ขาดคุณสมบัติในการสมัครเป็นสมาชิกสภาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เธอคาดหวังไว้ ปัจจุบันหากหาผู้ที่ตามจิก ตามวิจารณ์คณะรัฐประหาร คสช. ชื่อแรกๆ ที่คนนึกถึงน่าจะเป็นลีน่า จัง และวันที่ 22 พ.ค. เธอคือบุคคลที่บุกเข้าไปหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สโมสรกองทัพบก วิภาวดี ในช่วงบ่ายวันนั้น เพื่อทวงคืนสถานีของเธอที่ถูกสั่งปิด ก่อนที่จะมีประกาศยึดอำนาจโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในเย็นวันเดียวกันนั้น
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ประชาไท ได้คุยกับลีน่า จัง ถึงเรื่องราวในแง่มุมทั้งส่วนตัว ชีวิตการทำงาน มุมมองเกี่ยวกับการบ้านการเมือง มุมมองต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน และความรู้สึกต่อคนจำนวนหนึ่งที่มองเธอไปในทางเพี้ยนๆ
00000
ประชาไท : ทำไมถึงมาทำรายการทีวีและเปิดเป็นสถานีของตัวเอง?
ลีน่า จัง : คือจริงๆ อยากจะสอนกฎหมายเพราะว่าเป็นทนายความ จบกฎหมายมาและเป็นประธานมูลนิธิลีน่าจังช่วยเหลือประชาชน  ช่วยเหลือประชาชนทางด้านกฎหมาย แต่ทำรายการกฎหมายมันก็ไม่มีโฆษณาเข้า ตั้งแต่ สิงหาคม 2554 แม้เรทติ้งจะพุ่งกระฉูดแต่ก็ไม่มีโฆษณาเข้า เราก็ต้องมาหันทำรายการบันเทิงบ้าง เผื่อจะขายโฆษณาได้
ช่วงหลังการเมืองแรง และเราก็อยากได้เรทติ้ง บวกกับเราเป็นคนที่รักความยุติธรรมด้วย จึงต้องสนใจการเมืองเพราะการเมืองเป็นเรื่องของประชาชน ประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของอำนาจรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญก็เกี่ยวกับการเมืองเพราะเป็นกฎหมายแม่ ฉะนั้นจึงต้องเอาการเมืองเข้ามาอยู่ในสถานีเพื่อสอนกฎหมายนี้ เพราะกฎหมายทุกฉบับ ไม่ว่าจะการออกมาชุมนุม หรือกฎหมายคุ้มครองผู้ชุมนุมหรือว่าการปราบปรามผู้ชุมนุม มันก็คือกฎหมาย
หลังรัฐประหาร เนื้อหาในการนำเสนอเปลี่ยนไปหรือไม่?
ไม่เปลี่ยน  ดิฉันด่ามันทุกวัน คุณซ่อมรถได้อย่างไรรถบรรทุกคันละล้าน(บาท) ถ้าซ่อมคันละล้านคุณซื้อใหม่ดีกว่า อีกกรณีที่น่าสงสัยคือเงินเดือนของ คสช. สนช. สปช. หัวหน้าคสช. มีจำนวนเป็นแสนบาทต่อเดือน ควบทีหลายตำแหน่ง เงินเดือนเหล่านั้นเป็นภาษีของประชาชน  ดิฉันเป็นประชาชนเสียภาษี ดิฉันเหนื่อยเพราะเป็นงบประมาณของแผ่นดิน รวมทั้งบอกว่าจะปฎิรูปประเทศ แต่ใน สนช. กลับมีทหารจำนวนมาก รวมทั้งพวกที่คอยปกป้องการทำรัฐประหารก็ถูกให้เป็น สนช. ทั้งนั้น
คิดอย่างไรกับการทำรัฐประหาร?
ไม่เห็นด้วย ทำให้ประเทศชาติชิบหาย ตอนนี้ต้องยกเลิกกฎอัยการศึกได้แล้ว เพราะนักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยว ชาวต่างชาติกลัวเนื่องจากมีการทำรัฐประหาร ขนาดคนไทยมาชูนิ้ว กินแซนด์วิชก็ถูกจับกุมตัว และไล่จับอย่างน่าเกลียด มีผู้ชายเปิดเพลงชาติฝรั่งเศส หน้าลานน้ำพุห้างสยามพารากอน ก็ยังถูกจับและลากตัวไปอย่างกับสัตว์เลย ลากไปไหนไม่มีใครเห็น ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งต่างประเทศเขารับไม่ได้ ขนาดคนไทยยังถูกกระทำขนาดนี้แล้วต่างชาติจะกล้ามาเที่ยวได้อย่างไร ส่งผลให้โรงแรม ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดที่เป็นศูนย์การท่องเทียวได้รับผลกระทบกันหมด ขายยางไม่ได้ราคาก็ไม่ดี พวก กปปส. ไม่เห็นมีใครออกมาเรียกร้องชุมนุมอย่างที่เคยออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลที่แล้ว
เมื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบ เช่น การสร้างรถไฟ ใช้งบประมาณสูงกว่ารัฐบาลที่แล้ว ก็ไม่เห็นกลุ่ม กปปส. ที่เคยประท้วงออกมาประท้วงอีก เพราะกลัวถูกจับและเอาไปขังในค่าย
เขาอาจมองว่า คสช. เป็นคนดี ทำเพื่อชาติบ้านเมืองอยู่หรือเปล่า?
ไม่จริง ถามสิว่าเข้ามาแล้วเศรษฐกิจดีขึ้นไหม บอกว่าคืนความสุขอะไร ไม่เคยมีความสุขเลยตั้งแต่มีการรัฐประหารขึ้นมา ทำดิฉันเจ๊งหมดตัวไม่มีจะกิน ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่คนประตูน้ำทั้งหมดก็เช่นกัน
คิดว่าเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อเป็นเรื่องสำคัญหรือไม่?
สำคัญ เพราะเมื่อเขาเขียนไม่ถูกใจ ก็จับเขาไปขัง นักข่าวเนชั่นก็โดน นักข่าวประชาไทก็โดน แม้แต่สนธิ ลิ้มทองกุลยังโดน แล้วตอนนี้ลูกชายสนธิ เขาเริ่มไม่พอใจและออกมาเรียกร้องขอไม่ให้รังแกกันแล้ว  
จะเป็นผู้นำและนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะนั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ใครมาติก็จะจับไปขัง แบบนี้ไม่ถูกต้อง ทำเช่นนี้จะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะเป็นแล้วจะเหมือน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่มีประชาชนออกมาไล่ เพราะจะกลายเป็นการปฎิวัติเพื่อพวกตนเอง
ส่วน สนช. ดิฉันก็เป็นไม่ได้ เพราะร่างกฎหมายขวางไว้ โดยมีข้อห้ามคนที่สังกัดพรรคการเมือง และดิฉันก็เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอยู่จึงไม่สามารถเป็นได้  ส่วน สปช. ก็พวกพ้องของคุณอีก แม้มีคณะกรรมการองค์กรอิสระคอยคัดเลือก แต่ก็ต้องให้ คสช. ดูอีกทีว่าจะได้เป็นหรือไม่ แล้วจะให้มาปฏิรูปได้อย่างไร กล้าให้คนอย่างดิฉันเข้าไปหรือเปล่า แน่จริงให้ดิฉันเข้าไปเป็นสิ
มีคนด่าดิฉันเยอะว่าตกงานไม่มีอะไรทำจึงคลุ้มคลั่ง แต่ความจริงดิฉันไม่ได้ตกงาน ทำงานจนมือบวมเลย จะว่าดิฉันคุ้มคลั่ง ก็คลุ้มคลั่งเพื่อความถูกต้อง ไม่อยากให้ทหารเข้ามาโกงกิน การใช้เงินตอนนี้ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้ รธน.ชั่วคราว ก็เขียนให้ประยุทธมีอำนาจล้นฟ้า มีอำนาจเหนือตุลาการ
ที่วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐประหารทุกวันนี้เคยกลัวไหม?
ดิฉันไม่กลัว ทำคลิปลงยูทูปทุกวัน ยอดวิวก็เยอะ แต่หลังรัฐประหารบัญชีในยูทูปที่ทำมาหลายปีมีวิดีโอคลิป 2000 กว่าคลิปโดนปิด แต่มีบางคลิปที่มีผู้อื่นเอาไปอัพโหลดต่อก็ยังมียอดวิวจำนวนมาก และขณะนี้ดิฉันก็ได้มีการสร้างบัญชีใหม่ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ต่อแล้ว ต้องเริ่มต้นใหม่
ขณะนี้ช่องที่ที่จะติดตามรายการมีทางไหนบ้าง?
ทางยูทูป และดูสดทาง http://www.hottv.in.th  และทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ซึ่งสร้างไว้หลายเพจเพื่อป้องกันการถูกปิด เช่น HOTTVคลิปกูฟินลีนา จังจรรจา  เป็นต้น
ธุรกิจและงานที่ทำในตอนนี้มีอะไรบ้าง?
ตอนนี้ก็มีการจัดรายการทางออนไลน์ ธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจอาหารเสริม และทนายความด้วย
มูลนิธิลีน่า จัง ทำเกี่ยวกับอะไร?
มูลนิธินี้จดทะเบียนตั้งแต่ ปี 2544 จนมาถึงปัจจุบัน ให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จึงเช่าสัญญาณดาวเทียมเพื่อจัดรายการสอนกฎหมาย ช่วงที่การเมืองยังไม่แรงจะเปิดโทรศัพท์เพื่อให้ประชาชนโทรเข้ามาปรึกษาปัญหาแบบสดๆ แต่ภายหลังการเมืองแรงก็โทรมาคุยเรื่องการเมือง
ที่ให้คำปรึกษาเรื่องกฏหมายนั้น เป็นเรื่องอะไรบ้าง?
เรื่องที่มีมากที่สุดเป็นปัญหาครอบครัว และรองเป็นเรื่องเจ้าหน้ารัฐทำร้ายร่างกาย หรือการแจ้งความแล้วไม่มีการรับแจ้ง
การจัดรายการนั้น ที่ผ่านมามีถูกเตือนหรือไม่?
วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา ไม่ใช่การเตือน แต่ถูกปิดสัญญาณที่ไทยคมเลย ซึ่งมีคำสั่งปิด แต่ก่อนปิดได้ด่าทิ้งท้ายด้วย และก็รู้สึกสะใจที่พวกทหารไม่เคยมาดูการทำงานดิฉัน แต่กลับกล่าวหาว่าช่องดิฉันเสนอข่าวหลอกลวงประชาชนได้อย่างไร เพราะข่าวที่ดิฉันอ่านก็คัดมาจากเว็บไซต์สำนักข่าวดังๆ ทุกที่มาอ่าน เช่น มติชน ข่าวสด ประชาไท แนวหน้า ผู้จัดการ ไทยรัฐ เดลินิวส์ คมชัดลึก เป็นต้น อ่านหมดทุกฉบับ จะโกหกหลอกลวงได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ไม่พอใจที่เขาทำกับเรา เพราะรู้สึกว่าเราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ไม่ได้เหมือน บลูสกาย หรือเอเชียอัพเดท เหล่านั้นโอเค เขาเป็นคู่ขัดแย้ง เราเป็นแค่สถานีกฏหมายและอ่านข่าวบันเทิง และรายงานข่าวสถานการณ์ เช่น ช่วงหนึ่งก่อนถูกปิดมีการถ่ายทอดการชุมนุมของ เสื้อแดงและ กปปส. เราก็ถ่ายทอดสดทั้ง 2 แห่งโดยการดึงลิงค์สัญญาณเข้ามาในช่องเรา เพราะมันเป็นหน้าที่ของสื่อที่จะนำเสนอข่าวทุกด้าน เราก็นำเสนอหมด รายงานข้อเท็จจริงไม่ได้โกหก
ในแต่ละวันใช้เวลาไปกับการทำทีวี นานเท่าไหน ทำอย่างไรบ้าง?
อย่างเช่น เมื่อวานนี้นอนตี 3 ครึ่ง และทำรายการถึงตี 3 จึงขึ้นไปนอนและ 7 โมงครึ่งก็ตื่นแล้ว จากนั้นก็ลงมาทำงาน เตรียมสคลิป เตรียมข้อมูลต่างที่จะจัดรายการ จนกระทั่ง 10.00 น. พนักงานที่มีอยู่ 1 คน มาทำงาน ก็เริ่มอัดรายการ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็สามารถอัพโหลดคลิปได้ประมาณเกือบ 20 คลิปแล้ว โดยเป้า 1 วัน จะต้องทำคลิปวิดีโออัพขึ้นยูทูปให้ได้อย่างต่ำ 30 คลิป โพสต์ทั้งยูทูปและเฟซบุ๊ก รวมทั้งออกอากาศสดทางเว็บไซต์ หนึ่งคลิปจะทำไม่ยาวมากประมาณ 5-10 นาที โดยจะไม่เกิน 15 นาที
เขาตัดช่องดาวเทียมเรา แต่มีประชาชนที่อยากรู้ ในขณะที่ไม่มีใครกล้าพูด ทุกคนกลัวกันหมด เราก็ต้องให้ความรู้กับประชาชน
ดิฉันทำงานทุกวัน แม้ว่าพนักงานจะหยุดงานวันเสาร์-อาทิตย์ เช่น มีวิดีโอคลิปคุณกริชสุดา คุณะแสน ที่แถลงกรณีการถูกทหารควบคุมตัว โดยมีคุณจอม เพชรประดับ สัมภาษณ์ เราก็เอามาเปิดยาวหมดเลย และช่วงสำคัญๆก็รีรันให้เกือบ 30 รอบ ทางเว็บไซต์ที่ถ่ายทอดสด เพื่อให้เห็นว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนจะจริงเท็จอย่างไร ให้คนดูตัดสินใจเอาเอง
แล้วเอาเวลาที่ไหนไปทำธุรกิจ?
กิจการต่างๆ จะอยู่ที่ตึกนี้หมดทั้งวงจร ทั้งขายของ จัดรายการ แทบจะทำเองทุกอย่างเพราะไม่มีเงินทุนจ้างพนักงานเยอะ ตอนนี้เดือดร้อนมาก เพราะสถานีลงทุนสร้างไป 25 ล้านบาท สัญญาใบอนุญาตจาก กสทช. ยังเหลืออีก 2 ปี การถูกตัดสัญญาณก็เหมือนตายทั้งเป็น แต่เราถือเป็นการลงทุนที่มีคุณค่า เพราะช่วยให้ประชาชนได้รู้เรื่องกฎหมาย โดยใช้การอธิบายแบบชาวบ้าน
คิดว่ารายการของคุณต่างจากรายการคุยข่าวอื่นๆอย่างไร?
ต่างมากเลย เพราะเขาไม่กล้าด่าอย่างดิฉัน ดิฉันมีอิสระที่จะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะดิฉันเป็นเจ้าของสถานี รายการคุยข่าวอื่นอย่างมากก็แค่เสียสี แต่ดิฉันตรงไปตรงมา
นักธุรกิจบางคนมองว่าอย่าไปยุ่งเรื่องการเมือง อยู่แบบเป็นกลางเพื่อให้ธุรกิจสามารถขายได้ คุณคิดอย่างไร?
คิดต่างสิ ถ้าคิดเหมือนเขาประชาชนจะฉลาดเหรอ ต้องให้ความรู้ ประชาชนต้องคอยตรวจสอบพวกทหาร การอนุมติงบประมาณหลังจากรัฐประหารก็ตรวจสอบไม่ได้ เช่น การอนุมัติงบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมวงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท แต่ควรให้คณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้อนุมัติ เพราะทั่วโลกยังไม่ยอมรับ คสช.
ที่มาทำรายการทีวีนี่เพราะอยากดังหรือเปล่า เพราะรายการเล่าข่าว รายการให้ความรู้ด้านกฏหมายก็มีรายการอื่นอยู่แล้ว?
โอ้ย ดิฉันอยากดังสิ(หัวเราะ) อยากดังเพราะว่าอยากให้ความรู้กับประชาชน ถ้าช่องดิฉันดังคนก็จะได้ฟังดิฉันเยอะๆ ถ้าทำแล้วไม่ดังไม่มีคนดูก็ไม่รู้จะทำไปทำไม
อยากทำทีวีเพื่อให้ความรู้ประชาชน แม้จะขาดทุนก็ตามเหรอ?
ใช่ ขาดทุนจนหมดตัว มีคนต่อว่าดิฉันว่าขาดทุนแล้วจะไปทำทำไม ดิฉันต้องการให้ความรู้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนคอยตรวจสอบนักการเมือง ตรวจสอบทหาร อย่างน้อยๆก็มียายบ้าอย่างดิฉันขัดขวาง ทำได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น คนจะเชื่อถือหรือไม่ก็ตาม แต่ข่าวที่ดิฉันเอามาพูดก็มาจากสนักข่าวที่เชื่อถือได้
ที่ผ่านมาก็ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งทางการเมืองต่าง เพราะอะไร?
อยากเข้าไปทำงานในรัฐสภา เพราะมีคุณสมบัติพร้อม แต่คนไม่เห็นคุณค่าดิฉัน ล่าสุดลงสมัคร ส.ว.กทม. มันก็มีเรื่องสีเข้าเกี่ยวข้อง กปปส. ก็ไปเทคะแนนให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
แล้วคุณลีน่า จัง สีอะไร?
ไม่มีสี ดิฉันไม่ฝักฝ่ายสีใด ดิฉันเป็นคนของประชาชนทุกสี ยืนข้างความถูกต้อง ตรวจสอบนักการเมืองทุกคน ไม่ว่าทหารจะเข้ามาเป็นนักการเมือง หรือนักการเมืองพรรคต่างๆ หากทุจริต เราในฐานะประชาชนก็ย่อมมีหน้าที่ต้องป้องกันการทุจริต
ทำไมทำอะไรทุกอย่างจะต้องใช้ตัวเองเป็นแบรนด์?  
เป็นลีน่า จัง มันขายได้ แม้กระทั่งดารายังเลียนแบบลีน่า จัง ขนาดดังๆอย่างโก๊ะตี๋ทำคลิปเลียนแบบดิฉัน ได้ยอดวิวในยูทูปเป็นล้าน พวกโซเชียลเน็ตเวิร์กก็มาทำเลียนแบบ
คนได้ยินบ้างไหมว่ามีคนมองว่าลีน่า จัง บ้า และมองเขาเหล่านั้นว่าอย่างไร?
เยอะมากที่ว่าเราบ้า เป็นล้านเลย แล้วถามกลับว่าถ้ามองเราบ้า แล้วจะมาดูคลิปเราทำไม บางทีก็มีการเอาขี้มาโพสต์ในเฟซบุ๊กเราก็มี เพิ่งรู้ว่าในโซเชียลเน็ตเวิร์กมีพวกโรคจิตเยอะเหลือเกิน
แล้วทุกอย่างที่แสดออกมานี้เป็นตัวตนของคุณลีน่า จัง?
ใช่
ไม่ได้แกล้งเพี้ยนเหรอ?
ไม่ต้องแกล้งเพี้ยนเลย เพราะอยากด่าก็ด่าตรงๆ คลิปไหนถ้าด่ายอดวิวจะมาก ถ้าพูดดีเป็นวิชาการก็ไม่มีคนเข้าไปดู ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ในฐานที่เป็นสื่อและติดตามสื่อจำนวนมาก มองบทบาทสื่อขณะนี้อย่างไรบ้าง?
สื่อเมืองไทยตอนนี้ถูกปิดปากหมด เพื่อความอยู่รอด ก่อนรัฐประหารก็มีสื่อเชิญไปออกรายการ แต่หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ก็โดนแบนเทปที่อัดไว้หมด ทั้งๆที่เนื้อหาไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นการพูดเรื่องประวัติส่วนตัว แต่ก็ถูกสั่งแบน
สื่อเมืองไทยปิดปากตัวเองไปหมดเพราะกลัว เพราะมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ในขณะที่มีกฎอัยการศึกมันทำงานลำบาก ทำให้เราขาดรายได้ไปด้วย เพราะไม่มีใครกล้าเชิญดิฉันไปออกรายการด้วย
ทุกวันนี้ถูกคุกคามอะไรบ้างไหม?
ไม่มี ดิฉันอยากให้มา ดิฉันจะได้ดัง แต่ก็ไม่มาเลย มีแต่ดิฉันบุกไปคุกคามทหารที่ที่สโมสรกองทัพบก 2 ครั้ง หลังถูกปิดสถานี
บุกเดี่ยวสโมสรกองทัพบก ไม่กี่ชั่วโมงก่อนรัฐประหาร
อยากให้เล่าถึงเหตุการณ์ที่บุกไปสโมสรกองทัพบก เป็นอย่างไรบ้าง?
ไปครั้งที่ 2 วันที่ 22 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่มีรัฐประหาร ไปที่นั่นประมาณบ่ายโมงครึ่ง หน้าสโมสรกองทัพบกมีทหารประมาณ 100 นาย พร้อมรั้วเหล็กกั้น หลังจากดิฉันลงแท็กซี่ก็มีการ ว. บอกให้เจ้าหน้าที่สกัดไว้ ดิฉันก็เดินเข้าไปเพื่อที่จะมาตามเรื่องที่ยื่นหนังสือเรียกร้องกรณีถูกปิดสถานีไปเมื่อวาน(21 พ.ค.) ทหารแจ้งว่าไม่ให้เข้าไปและให้รอที่หน้าสโมสรทัพบก
สักพักมีรถของประยุทธ จันทร์โอชา กำลังเข้ามาที่สโมสรทัพบก มีรถนำขบวนมา ก็เลยพยายามเข้าไปขวางรถ จึงมีสารวัตรทหารหญิงมากันตัวดิฉันออกไป โดยไม่มีการทำร้ายร่างกาย
ตอนนี้จะมีการตั้งสภาปฎิรูป หรือ สปช. ในมุมมองของคุณลีน่า จัง คิดว่าควรปฏิรูปอะไรบ้าง?
ปฎิรูปนักการเมือง ปฎิรูปข้าราชการทุกองค์กร แต่ขณะนี้ไม่เชื่อว่าจะปฎิรูปได้เพราะเอาข้าราชการมาจัดการทุกอย่างเป็นพวกพ้องกันหมด อาศัยอำนาจปืนปิดปากประชาชน ปิดปากสื่อ นอกจากนี้ต้องปฎิรูปคนเพื่อที่จะเป็นประชาชนที่มีคุณค่า ปฏิรูปการศึกษา  
ส่วนใหญ่เวลามีความเห็นตรงกับฝ่ายเพื่อไทย หรือมีความเห็นขัดแย้งกับกลุ่มต่อต้านทุกษิณ จะมีข้อหาเรื่อง ‘รับเงินทักษิณ’ คุณลีน่า จัง รับเงินทักษิณมาวิพากษ์วิจารณ์ คสช. หรือเปล่า?
ดิฉันไม่มีสี ตรวจสอบนักการเมืองทุกพรรค ถ้าทำไม่ถูกก็ด่า ด่าหมดทั้ง ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ สุเทพ เพราะมันกระทบธุรกิจหมด สมัยปี 2553 ฝ่ายทักษิณ ก็มาปิดถนนร้านเสื้อผ้าก็เสียหายเจ๊งหมด พอมาปี 2557 สุเทพก็มาชัตดาวน์กรุงเทพ 49 วัน ดิฉันก็เจ๊งขาดทุนอีก ไม่ใช่ดิฉันคนเดียวผู้ค้าขายย่านนี้ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน
คิดว่าการเลือกตั้งกับประชาธิปไตยเหมาะกับประเทศไทยไหม?
มันเป็นที่นักการเมือง นักการเมืองไม่ดี ข้าราชการไม่ดี แล้วก็ประชาชนโง่ เพราะสื่อที่จะให้ความรู้ประชาชนก็อยู่ไม่ได้ เจ๊ง เพราะนายทุนที่จะให้โฆษณาไม่กล้ามาลงทุนด้วยเพราะกลัวกระทบธุรกิจเขา ดังนั้นก็จะอยู่ได้เฉพาะสถานีที่มีแต่รายการบรรเทิงบ้าๆบอๆ
แล้วทำไมคุณลีน่า จัง ยังลงรับสมัครเลือกตั้งอยู่อย่างต่อเนื่อง ถ้ามองว่านักการเมืองไม่ดีและประชาชนยังโง่อยู่?
ดิฉันต้องเข้าไปเป็นตัวเลือก เพื่อเข้าไปแก้ไขกฏหมายให้ประชาชนฉลาด เพราะนักการเมืองที่เข้าไปในสภาเป็นเพียงลูกจ้างของพรรคการเมือง ถ้าไม่ทำตามมติพรรคก็จะถูกขับออก จึงไม่ค่อยมีบทบาทอะไร ดิฉันอยากเข้าไปแก้กฏหมาย แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที ไม่ได้รับเลือก เพราะไม่ได้สังกัดพรรคไหน ไม่มีทุน ไม่มีคนสนับสนุน ขนาดป้ายหาเสียงที่ติดอยู่แถวสีลม ยังโดนทำลาย เพราะมีกลุ่มชุมนุม กปปส. ที่นั้น ตอนเลือกตั้ง ส.ว.ที่ผ่านมา

ทหารบกพร้อมอาวุธครบมือ เข้าไปจับ สห.ทอ. ใส่กุญแจมือแล้วรุมทำร้าย บาดเจ็บนำส่ง รพ.ภูมิพล


          ฝ่ายทหารบกได้นั่งรถยีเอ็มซี พร้อมอาวุธครบมือ เข้าไปจับ สห.ทอ. ใส่กุญแจมือแล้วรุมทำร้าย จนต้องนำส่งโรงพยาบาลภูมิพล จากการสอบสวนของตำรวจ พบว่า เหตุเกิดเนื่องจาก “ร้อยตรี” คนหนึ่ง สูบบุหรี่ในร้าน ฝ่าย “สห.ทอ.” นอกเครื่องแบบที่มาเป็น รปภ.ร้านจึงเข้าไปเตือน 2 ครั้ง จนฝ่ายพันตรีไม่พอใจ จึงกลับไปนำทหารบกที่เป็นลูกน้อง นั่งรถบรรทุกทหารมารุมทำร้าย สห.ทอ. ดังกล่าว



            ทอ.คนถูกทำร้าย มารอรับการเคลียร์ขอโทษ จาก ทบ. สภาพเหมือนมารายงานตัวเลยวุ้ย


        มีผู้โพสต์เฟซบุกส์ท้าทาย ทบ.จากฝ่ายที่บอกว่าเป็น ทอ.ประกาศเอาคืนไปทั่วแล้ว จนแม่ทัพ ทภ.1 และโฆษกวินธวยต้องออกมาพูดทำนองขอให้อย่าต่อความยาวสาวความยืดและผู้บังคับบัญชาจับร้อยโทกับพวกขังคุกทหารแล้ว ฯลฯ (อยู่ในเวบไซท์ไทยรัฐ)

        ดังนั้น เรื่องนี้ไม่น่าจะจบง่าย ๆ ต้องติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เห็นรูปสามคนที่โดนตื้บยืนระวังตรงหน้าบูดแบบนั้นแสดงว่าความแค้นยังไม่น่าจางหายแน่ ๆ ก็สมควรหรอก ยกพวกหลายสิบพร้อม M16 ครบมือใส่เสื้อเกราะไปเอาเขาใส่กุญแจมือลากมากระทืบแบบนี้มันไม่แน่จริง เพราะถ้าเดี่ยว ๆ ทหารหน่วยนี้มันไม่กล้าหรอก ขนาดยกไปทั้งกองพลยังแทบละลายมาแล้วที่สี่แยกคอกวัว คอยดูกันต่อไปก็แล้วกัน หมากัดกันคนก็แค่เอาน้ำไล่สาดตอนมันเจ็บหนักกันทั้งคู่ เรามีหน้าที่ผลักดันให้มันล้างแค้นกันเองนะ

'ธาริต'รอฎีกาชี้ขาดยกฟ้อง'อภิสิทธิ์-สุเทพ'





                29 ส.ค. 57 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีศาลอาญา ยกฟ้องคดีที่ดีเอสไอ และอัยการสูงสุด สั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล 

            สืบเนื่องจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อปี 2553 โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจไต่สวน และชี้มูลความผิด ก่อนยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า หากพิจารณาแล้วจะเห็นความแตกต่างในการวินิจฉัย ซึ่งแยกเป็น องค์คณะผู้พิพากษามีคำวินิจฉัยให้ยกฟ้อง ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก ไม่ได้วินิจฉัยว่าดีเอสไอทำผิด แต่วินิจฉัยว่า อำนาจการพิจารณาคดีเป็นของ ป.ป.ช. ขณะที่อธิบดีศาลอาญา มีความเห็นแย้งว่า เป็นอำนาจของดีเอสไอ ดังนั้นจะเห็นว่า มีความเห็นต่างหลายฝ่าย อย่างไรก็ตาม สุดท้ายต้องฟังคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ระบุ จะอุทธรณ์คดีที่ฟ้องตน และพนักงานสอบสวน ฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ กระบวนการยุติธรรมโดยศาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พ่อมึงดีอยู่คนเดียว....พ่อคนอื่นเลวหมด


พ่อมึงดีอยู่คนเดียว....พ่อคนอื่นเลวหมด

              จั่วหัวเรื่องไว้เช่นนั้น.... 
  • เพราะอยากทำและคิดว่าทำถูก
  • เพราะคิดว่าเรื่องมันยาวและเชื่อว่ามันยาวจริง
  • เพราะคิดว่าไม่ได้ก้าวล่วงผู้ใดและไม่เคยคิดก้าวล่วง
  • เพราะเชื่อว่ามันคือเสรีภาพของการพูดและการเขียนที่ชาวโลกเค้ายอมรับกัน

            เรียนท่านผู้อ่านทุกท่านกรุณาอ่านให้จบแม้ข้อเขียนจะยาว แล้วท่านจะทราบว่าการสร้างเครือข่ายของอำมาตย์และเผด็จการ มิได้มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในต่างประเทศก็ไม่เว้น ข้อเขียนนี้กล่าวถึงสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งเป็นเป้าหมาย ที่อำมาตย์และบริวารเอาเงินบริจาคนำทางสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนในสายตาชาวโลก


          ก่อนลงลึกไปสู่บทความตามท้องเรื่อง  ขอแนะนำตัวละครหลักของเรื่องอื้อฉาวที่ดังกระฉ่อนไปทั้งโลกอยู่ในขณะนี้ จากเรื่องที่ลงในเวป Harvard Crimson ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรัฐ Massachusetts  http://www.thecrimson.com/article/2014/8/18/harvard-thai-troubles/
ในหัวเรื่อง Troubles with Thai Studies ที่เขียนโดยอิเลีย การ์เกอร์ (ILYA GARGER) แต่ตัวละครหลักที่จะแนะนำในข้อเขียนนี้มีด้วยกัน 4 ท่านได้แก่

[​IMG]

           1. ธรรมศาสตราภิชาน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ  ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย Harvard อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ซึ่งมีวาระ 5 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดวาระเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 โดยนั่งทำงานที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

[​IMG]

             2. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย Harvard อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา อดีตที่ปรึกษานายกชาติชาย ชุณหะวัณ เคยถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ในนามของ 10 ประเทศอาเซียนโดยการสนับสนุนของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

[​IMG]
           3. พีร์ เหมะรัชตะ แพทย์บัณฑิตดีเด่นแห่งชาติปี 2549  นักเรียนทุนใน มูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระบรมชนก ปัจจุบันเป็นนักวิจัยจุลินทรีย์ชีวภาพ ควบคู่กับการศึกษาในระดับปริญญาเอก ที่ UCLA มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของโลก ตั้งอยู่ที่แอลเอ สหรัฐอเมริกา

            พีร์ เหมะรัชตะจบบัณฑิตแพทย์จากวิทยาลัยเบเลอร์เมื่อปี 2548 ได้รับการบรรจุเข้าเป็นอาจารย์ ประจำหน่วยแบคทีเรีย ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีเดียวกันด้วยวัยเพียง 24 ปี ได้รับคัดเลือกเป็น "แพทย์ดีเด่นแห่งชาติ" เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบธ อดุลยเดชวิกรม "บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน"

             4. Ilya Garger (อิเลีย การ์เกอร์) 
The founder of Capital Profile, a Hong Kong-based business research service. He is a former reporter for Time magazine, and a member of the Harvard Club of Thailand’s executive committee.

           เรื่องอื้อฉาวกระฉ่อนโลก  
เริ่มต้นจาก 2 ศิษย์เก่าคนดังของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สุรินทร์ พิศสุวรรณ และ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ร่วมกันรณรงค์หาทุนจำนวน 6 ล้านดอลล่าร์บริจาคให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อให้สถาบันการศึกษาแห่งนี้ สนับสนุนให้ "Thai Studies" เป็นหลักสูตรการศึกษาถาวรในมหาวิทยาลัย Harvard เพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย

           มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 
เคยเออออไปกลับการอวยสถาบันกษัตริย์ไทยมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ไม่ใช่ปีนี้ ไม่ใช่หลังจากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เนื่องจากทั้งสถาบันกษัตริย์และศิษย์เก่าคนดังทั้งสองไม่เคยอีนังขังขอบกับการทำรัฐประหาร ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับประชาชนที่ถูกย่ำยี่ ไม่แยแสกับการไล่ล่า จับกุมคุมขังและละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน นักการเมืองและนักวิชาการโดยคณะรัฐประหารและเผด็จการเบ็ดเสร็จ

            ทั้งสุรินทร์ พิศสุวรรณและสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ต่างให้ความร่วมมือกับ กปปส. ที่ป่วนเมืองนานกว่า 6 เดือน เปิดทางสร้างความชอบธรรมให้กับการทำรัฐประหาร และยังสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับประยุทธิ์ จันทร์โอชาและคณะรัฐประหารตลอดมาอย่างต่อเนื่อง



               Professor Michael Herzfeld  
หนึ่งในบรรดาคณาจารย์ที่ประสาทวิชา ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ออกหน้า ตั้งข้อสังเกตุและชี้ประเด็นที่ให้มหาวิทยาลัยคง "Thai Studies" เป็นหลักสูตรถาวรว่า หลักสูตรการเรียนการสอนของฮาร์วาดไม่ควรผูกพันกับผลประโยชน์ทางการเมืองของผู้บริจาค

            Thai Studies คือหลักสูตรการเรียนการสอนที่สถาบันกษัตริย์ไทยและบรรดาอำมาตย์ไทย โดยเฉพาะศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง ต้องการให้สถาบันการศึกษาเหล่านั้นบรรจุ "Thai Studies" เป็นหลักสูตรหนึงของมหาวิทยาลัย โดยให้มีการสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์ไทยและการอวยเจ้าแบบไทยๆ เป็นต้น

           ศาสตราจารย์ผู้ประสาทวิชาท่านนี้ได้อีเมล์รายละเอียดจุดยืนของตน ให้กับ Ilya Garger ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของชมรมศิษย์เก่าฮาร์วาร์ดในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของบทความ Troubles with Thai Studies ที่ อิเลีย การ์เกอร์เขียนในขณะที่ยังอยู่ในประเทศไทย และนำออกเผยแพร่ผ่านเวป Harvard Crimson ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

            Troubles with Thai Studies เป็นบทความค่อยข้างยาว เข้าถึงผู้อ่านจำนวนมากและได้รับการตอบสนองอย่างกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเวปนี้มาก่อน สาระของบทความ Troubles with Thai studies ที่ Harvard University ซึ่งเผยแพร่ผ่านเวป Harvard Crimson มิอาจนำมาแจกแจงเป็นตัวอักขระได้ ณ ที่นี้ นอกจากผู้อ่านต้องเปิดลิ้งค์หาอ่านกันเองเท่านั้น (ลิ้งค์ของบทความได้วางไว้แล้วในข้อเขียนนี้ และอย่าลืมอ่าน comments ด้วย บอกได้คำเดียวว่ามันมาก)

             อนิจจา....สาระของบทความนี้พวกคลั่งเจ้ารับไม่ได้ "พีร์ เหมะรัชตะ" บัณฑิตดีเด่นแห่งชาติของไทยได้ประกาศผ่านเฟสบุ๊ค  "ขู่ฆ่า" ผู้เขียนด้วยอารมณ์และคำหยาบว่า “I swear that if I saw this MF on the street I’d elbow his middle meningeal artery and leave him dead from epidural hematoma,” บทความ Troubles with Thai Studies จึงถูกถอดออกจากเวป Harvard Crimson ในทันที หลังคำ "ขู่ฆ่า" ของนักเรียนทุนในมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศอดุลยเดชวิกรม พระบรมชนกผู้นี้

ความหมายจากคำขู่ฆ่า
            MF เป็นคำย่อภาษาอังกฤษ เป็นคำสบถมีความหมายทางลามกไม่สุภาพ คำขู่ฆ่าของ "พีร์ เหมะรัชตะ" นักเรียนทุนใน "พระบรมชนก" จึง มีความหมายคร่าวๆว่า "กูขอสาบาน ถ้ากูเจอไอ้ MF นี่บนถนน กูจะเอาศอกสับแม่งกลางกระบาล ให้แม่งมันตายข้างถนนจากเลือดออกในสมอง"

           เนื่องจากผู้ "ขู่ฆ่า" เป็นแพทย์จึงใช้ภาษาแพทย์ในการขู่ฆ่า 
Meningeal Artery แปลว่า "หลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงเยื่อหุ้มสมอง" Epidural Hematoma แปลว่า "เลือดคลั่งในสมอง อาการเลือดออกของเนื้อเยื่อในสมอง"

            จากการเปิดเผยของ อิเลีย การ์เกอร์ 
การถอดบทความออกจากเวปมิได้ถูกกดดันจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่เป็นเพราะตนยังอยู่ในประเทศไทยเกรงว่านอกจากจะมีอันตรายถึงชีวิตจากพวกคลั่งเจ้าแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการถูกข้อหา "หมิ่นเจ้า" จึงจำเป็นต้องถอดบทความออกจากเวปชั่วคราว หลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยไปอยู่ฮ่องกงอย่างปลอดภัยแล้ว จึงอัพโหลดบทความขึ้นเวปอีกครั้ง

           แม้บทความจะถูกถอดออกจากเวป Harvard Crimson 
แต่ก็ยังมีไอ้เสือปืนไวอย่าง Andrew MacGregor Marshall อดีตนักข่าว นักสู้จากสำนักข่าว Reuters ได้นำเอาบทความนี้ไปขยายต่อ ในหนังพิมพ์ LA Weekly ทำให้บทความ Troubles with Thai Studies ฉาวกระฉ่อนโลกกว้างขวางขึ้นไปอีก

           LA Weekly เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ขนาด tabloid 
เป็นหนังสือพิมพ์แจกฟรีรูปเล่มหนาเตอะเนื่องจากมีโฆษณาเกือบจะหน้าเว้นหน้า มีผู้อ่านเป็นแสน เพราะได้รับแรงดึงดูดจากบทความดีๆ ที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้นำเสนอ โฆษณาจึงตามมา http://www.laweekly.com/informer/20...son-pulls-story-after-threat-from-ucla-fellow

            จาก LA Weekly ที่มีผู้อ่านนับแสน  เรื่องอื้อฉาว Troubles with Thai Studies ได้ยกระดับสู่สื่อทีวี สำนักข่าว CBS รับไม้ต่อ เอาเรื่อง Troubles with Thai Studies ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยแพร่ทั้งเรื่องและภาพออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 2 และช่อง 9 สู่ผู้ชมนับล้านคน ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2014 ที่ผ่านมา  
http://losangeles.cbslocal.com/2014...d-of-making-bizarre-death-threat-on-facebook/  ผู้ประกาศข่าวของ CBS บอกผู้ชมรายการว่าติดต่อขอความเห็นจาก "พีร์ เหมะรัชตะ" ไม่ได้ เนื่องจากบุคคลผู้นี้ได้ตัดขาดการสื่อสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คหรือการติดต่อสื่อสารอย่างอื่น

         พีร์ เหมะรัชตะ หลังจากจิตใต้สำนึก "ฆาตรกร" ปรากฎ จะอยู่ในสังคมอารยะเฉกเช่นสังคมของผู้รู้ในสถาบันการศึกษาได้อย่างไร UCLA ซึ่งมีประชากรใน campus หลายหมื่นคนคงไม่ต้องการมี "พีร์ เหมะรัชตะ" อยู่ร่วมสถาบันเป็นแน่

        สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา 
ซึ่งมีเสรีภาพอย่างสูงในการรายงานข่าวคงจิกไม่ปล่อยเพื่อตีแผ่เรื่องราวสู่การรับรู้ของสังคมต่อไป และจะมีใครเชื่อบ้างไหมว่าสหรัฐอเมริกา ประเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลกจะปล่อยให้ "พีร์ เหมะรัชตะ" ผู้ขู่ฆ่าคนอเมริกัน ประชาชนของตนเองถึงถิ่นให้ลอยนวลโดยไม่ทำอะไรเลย

       เสียงวิหกน้อยในราวป่า กระพึอปีกโผขึ้นสู่เวหา เป็นสัญญาณเตือนให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต้องตื่นตัวระวังภัย "คำขู่ฆ่าของพีร์ เหมะรัชตะ" จึงเป็นสัญญาณเตือนประชาคมโลก ให้ต้องหันมาระวังภัยจากอำมาตย์และเผด็จการไทยเฉกเช่นเดียวกัน นั่นคือเรื่องเลวๆหลายๆ เรื่องของอำมาตย์และเผด็จการไทย ที่นานาประเทศแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในอดีตจะถูกนำกลับมาสู่ความสนใจของประชาคมโลกอีกครั้งเช่น

  • 1. เรื่องการค้ายาเสพติดที่เป็นข่าวอื้อฉาวตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน จาก Seattle ในเที่ยวบินสุดท้ายกฐินวัดไทย ถึงสะใภ้เจ้าที่ London และจากสะใภ้อวบที่ Paris ถึงข้าทาสบริวารที่ Taiwan ทั้งนี้ยังไม่นับเหตุการณ์อัปยศ ที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะต้องลุกจากที่ประชุม ครม. กลางคันเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ส่งเสียงมาตามสายปลายทางครั้งแล้วครั้งเล่า
  • 2. เรื่องปริศนา Blue Diamond สู่การลดระดับความสัมพันธ์ทางการฑูตของซาอุดิอารเบีย ที่ปัจจุบันลดลงอยู่ในระดับเลขาธิการฑูตเท่านั้น

  • 3. เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษชนและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งนี้อาจให้ความสนใจในเรื่องของศพเด็กอีกนับพันศพที่วัดไผ่เงินด้วย
  • 4. เรื่องการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชนไทยและการตั้ง ครม.แบบคลุมถุงชนของประยุทธ์ จันทร์โอชา
  • 5. นานาประเทศคงไม่หลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับแผนการของคณะ คสช.ที่จะส่งรายชื่อคนไทยในต่างแดนให้กับ สถานกงสุล สถานฑูต และสถานเอกอัครราชฑูตไทยทั่วโลกให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของคนไทยที่มีรายชื่อเหล่านั้น
          หลังจาก "การขู่ฆ่า" ที่พีร์ เหมะรัชตะ ประกาศผ่านเฟสบุ๊คมาหยกๆ เป็นแน่โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา คงไม่ยอมให้รัฐบาลเผด็จการทหารไทยส่งคนมาละเมิดสิทธิมนุษยชนถึงถิ่นแม้บุคคลที่ถูกละเมิดจะเป็นคนไทยก็ตาม

         ข้อเขียนนี้อยากสื่อมายัง "พีร์" และตระกูล "เหมะรัชตะ" ทั้งตระกูลรวมทั้งเขยและสะไภ้ว่า 
อาการ "คลั่งเจ้า" ของ "พีร์ เหมะรัชตะ" ครั้งนี้ อาจไม่มีผู้ใดใส่ใจว่าเป็นการแสดง "ความจงรักภักดี" แต่จะถูกมองว่าเป็น "การบ่อนทำลายเจ้า" แทน

         พีร์ เหมะรัชตะ โปรดได้รับรู้ว่าการแสดง "ความจงรักภักดี" ของท่านครั้งนี้มีโทษถึงตาย 
เนื่องจากท่านทำให้แผนการใหญ่ของทหารและอำมาตย์ต้องสะดุดหรืออาจถึงขั้นล้มเหลวต้องยกเลิกไป นั่นคือแผนการโน้มน้าวนโยบายต่างประเทศของ หรัฐอเมริกาโดยทีมงานของ คสช.ที่ประกอบด้วย ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศระดับเอกอัครราชฑูตที่เกษียรอายุกับนักวิชาการที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี การทำงานของคณะทำงานชุดนี้กำลังรุกหน้า ผลงานเริ่มปรากฎ พวกเขากำลังปลาบปลื้มดีใจ ว่าการโน้มน้าวนโยบา่ยต่างประเทศของสหรัฐอเมริกากำลังเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ที่พวกเขาสามารถสามารถทำให้สหรัฐอเมริกามีท่าทีอ่อนลงได้ แต่การแสดงความจงรักภักดีด้วยคำขู่ฆ่าชาวอเมริกัน ผู้เขียนบทความ Troubles with Thai Studies ที่กำลังฉาวโฉ่ไปทั้งโลก
ชั่งมาผิดที่ผิดเวลาจริงๆ

          คำขู่ฆ่าที่ดังก้อง 
สถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกจากMassachusetts ถึง California และจากสื่อสิ่งพิมพ์ถึงเครือข่ายของสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ว่า "กูขอสาบาน ถ้ากูเจอไอ้ MF นี่บนถนน กูจะตีศอกแม่งกลางกระโหลก ให้แม่งมันตายข้างถนนจากเลือดออกในสมอง" ส่งผลให้ประชาคมโลกต้องหันมามองอย่างจริงจัง สหรัฐอเมริกาคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ และก็คงไม่ปล่อยให้ คสช.มาข่มขู่คนไทยถึงถิ่น ทั้งคนไทยที่ยังเป็นโรบินฮู้ด ทั้งผู้ที่ถือใบเขียวและทั้งผู้ที่เปลี่ยนโอนสัญชาติเป็นอเมริกันแล้ว  เพราะมันเป็นเรื่องของสิทธิมนุษนล้วนๆ ที่สหรัฐอเมริกาประกาศเป็นนโบายหลักมาครั้งแล้วครั้งเล่า

         ขอปิดท้ายข้อเขียนด้วยคำเตือนที่ไม่ใช้คำขู่ว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" เกิดขึ้นในประเทศไทยมาทุกยุคทุกสมัย "พีร์"และตระกูล "เหมะรัชตะ" จงเตรียมตัว แม้ท่านมิใช่โคถึก แม้พวกท่านมิใช่ขุนพลแต่ท่านอาจถูกฆ่าได้

         "พีร์ เหมะรัชตะ" คงคิดออกว่าว่าอะไรจะเกิดขึ้น 
ท่านเป็นคนฉลาดเรียนเก่ง ได้ที่ 1 ที่ 2 มาตลอดน่าจะรู้ดีว่าถ้าท่านทำให้อำมาตย์เสียเกียรติทำให้ทหารเสียศักดิ์ศรี และยิ่งต้องเสียผลประโยชน์รวมเข้าไปด้วย การเอาชีวิตของท่านมาสังเวย คงไม่สามารถทำให้อำมาตย์และเผด็จการทหารหายแค้นได้

RED USA