วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

การ์ด กปปส. สุดเหี้ย(ม)! ใช้ขวานฟันคอ ตำรวจจราจร สน.ราษฏร์บูรณะตายคาที่


การ์ด กปปส. สุดเหี้ย(ม)! ใช้ขวานฟันคอ ตำรวจจราจร สน.ราษฏร์บูรณะตายคาที่




         เมื่อเวลา 01.30 น.ของวันที่ 30 มีนาคม 2557 พ.ต.อ.เสรี ภูษาชีวะ ผกก.สภ.สาขลา อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย ร.ต.ท.วิภพ แช่มเรือง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกันจับกุม นายวิทัต เติมบุญ อายุ 23 ปี มีอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างวินปากซอยเข้าหมู่บ้านพีเค ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

          จากการสอบสวนทราบว่า นายวิทัต เป็นผู้ต้องหา ใช้อาวุธขวานจามเข้าใส่ลำคอทั้งซ้ายและขวาของ ด.ต.รักเกียรติ อินทกูล อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจร สน.ราษฏร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร จนเสียชีวิต ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักภายในหมู่บ้านพีเค เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2557 เวลาประมาณ 20.50 น. ที่ผ่านมา จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีไป ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมมาได้

        เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำผู้ต้องหารายนี้ยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจเผยว่า ผู้ต้องหามีนิสัยเกเรเคยต้องโทษมาก่อนจนพ้นโทษมายึดอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่บริเวณหมู่บ้านดังกล่าว แต่เนื่องจากมีพยานหลายคนยืนยันว่าเป็นผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามจับกุมตัวมาได้

          ทีมงานได้โทรศัพท์สอบถามยัง สน.สาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายวิทัต เติมบุญนั้น เคยต้องโทษคดีทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น โดยการใช้ดาบฟันแขนผู้อื่นจนขาด และรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ พอพ้นโทษออกมา ก็มาไม่มีอะไรทำ ก็ไปร่วมม็อบ เป็นการ์ด กปปส.ให้กับม็อบสุเทพ และ ไม่ใช่เพียงแค่นายวิทัตเท่านั้น บิดาของนายวิทัต ที่ขับวินมอเตอร์ไซต์ที่หมู่บ้านพีเคกาเด้นท์ ก็เป็นการ์ดให้ม็อบ กปปส. เช่นกัน ในวันเกิดเหตุ ทราบว่าทั้งนายวิทัตและบิดา ได้ไปร่วมขบวนม็อบ กปปส.ทั้งวัน จนค่ำ ค่อยกลับมาวินมอเตอร์ไซต์หน้าปากซอย และมีปากเสียงกันกับเพื่อนในวิน ทะเลาะกับเพื่อนในวินเรื่องพระเครื่อง และ ดต.รักเกียรติ ซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยดังกล่าว ผ่านมาพอดี จึงเข้ามาดู และช่วยไกล่เกลี่ย แต่นายวิทัตไม่พอใจ เดินหายเข้าไปที่รถจักรยานยนต์ เปิดเบาะและหยิบขวานเอามาฟันคอนายดาบตำรวจ ที่กำลังยืนในวินโดยไม่ทันระวังตัวตายคาที่ทันที

จับสาว กปปส. เอเยนต์ค้ายาบ้า-ยาไอซ์ 800 เม็ด สารภาพพ้นคุกมาขายยาบ้า และชุมนุม กปปส.เป็นประจำ


จับสาว กปปส. เอเยนต์ค้ายาบ้า-ยาไอซ์ 800 เม็ด สารภาพพ้นคุกมาขายยาบ้า และชุมนุม กปปส.เป็นประจำ

วันที่ 30 มี.ค. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.(191) พร้อมด้วยพ.ต.ต.พัดธงทิว ดามาพงศ์ สว.งานสายตรวจ 3 กก. สายตรวจ บก.สปพ. คุมตัวน.ส.ชลลดา ใบภักดี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ซอยอ่อนนุช53 แขวงและเขตประเวศ กทม. ผู้ต้องหาคดียาบ้า เข้าตรวจค้นที่ห้องพักเลขที่ 305 อาคารสุปราณี เพลส ซ.รามคำแหง 76 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. พบยาบ้า 800 เม็ด ยาไอซ์ 50 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ จากนั้นตรวจค้นรถเก๋งของน.ส.ชลลดา ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า ทะเบียน กฐ 1639 กทม. พบธงชาติ นกหวีด และสัญลักษณ์ ผู้ร่วมชุมนุม กปปส. จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.ต.พัดธงทิวกล่าวว่า ตำรวจเคยจับกุมคนร้ายคดียาบ้าได้หลายราย ซัดทอดว่าซื้อของมาจากน.ส.ชลลดา จึงส่งสายติดต่อล่อซื้อยาบ้าจำนวน 60 เม็ด ยาไอซ์ 15 กรัม กระทั่งคนร้ายติดกับเดินทางมาส่งของที่แคทลีนแมนชั่น ซ.เสรีไทย 71 แขวงและเขตคันนายาว กทม. จึงจับกุมและพาไปตรวจค้นที่ห้องพักซึ่งเป็นแหล่งพักยา จากประวัติพบว่าเคยถูกจับคดียาเสพติดเมื่อปี 2545 ส่วนสามีที่เป็นหัวหน้าแก๊งถูกจับตาย โดยน.ส.ชลลดาพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน

ด้านน.ส.ชลลดาสารภาพว่า พ้นโทษคดียาเสพติดออกมา 2 ปีเศษ ก็ไม่ได้ทำงานอะไรจนต่อมาได้เจอกับเพื่อนๆ ในวงการยาเสพติดชักชวนให้เป็นเอเยนต์ โดยจะปล่อยให้วัยรุ่นในชุมชนต่างๆ ในย่านประเวศและหัวหมาก ส่วนสัญลักษณ์ของกลุ่ม กปปส.ที่พบในรถนั้น เพราะเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม กปปส.ประจำอยู่แล้ว

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

พกระเบิด ตูมดับสยอง-ค้นบ้านที่มีนบุรี เจออุปกรณ์ทำระเบิดเพียบ

พกระเบิด ตูมดับสยอง-ค้นบ้านที่มีนบุรี เจออุปกรณ์ทำระเบิดเพียบ




เมื่อเวลา 20.00 วันที่ 29 มีนาคม พ.ต.ท.วิเชียร เอี่ยมสอาด พงส.ผนพ.สน.มีนบุรี รับเเจ้งมีเหตุระเบิด บริเวณถนนราษฎร์อุทิศ ซอย 25 เเขวงเเสนเเสบ เขตมีนบุรี กทม. จึงรายงานพล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 เเละเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เเละเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เนื่องจากที่เกิดเหตุพบระเบิดที่ยังไม่ทำงานตกค้างอยู่

ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถซึ่งติดกับงานเเต่งชาวบ้านละเเวกดังกล่าว พบชิ้นส่วนมนุษย์เป็นชายกระจัดกระจายทั่วบริเวณลาน ใกล้กัน พบรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูู๊ปปี้ไอ สีดำ ไม่ทราบทะเบียนจอดล้มคว่ำอยู่ จากการตรวจสอบพบวัตถุคล้ายระเบิดอยู่ใต้รถจยย.คันดังกล่าว เป็นระเบิดชนิดไปป์บอม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อีโอดีอยู่ระหว่างเก็บกู้

จากการสอบถามพยานเเวดล้อม สถานที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถงานเเต่งชาวบ้าน ระหว่างนั้นพยานเห็นว่ารถจยย.ซึ่งมีชายทั้ง2 คน ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตนั้น ขับขี่มาในลักษณะย้อนศร ในเลนส์ถนนฝั่งขาออก ขณะเดียวกันก็มีรถตู้สีขาว ทะเบียน 744 เเต่จำรายละเอียดตัวอักษรหน้าเลขทะเบียนไม่ได้ ขับตามมาในเลนถนนขาเข้า พอมาถึงที่เกิดเหตุ จยย.คันดังกล่าวเลี้ยวเข้ามาตรงลานจอดรถ ขณะที่รถตู้ไล่มาทัน จากนั้นก็มีชาย2 คนวิ่งลงมาจากรถตู้ รถจยย.พยายามขับหลบหนี กระทั่งเสียหลักล้ม เเละเกิดระเบิดขึ้น 1 ลูก เเต่อีกลูกหนึ่งไม่ทำงาน

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ตายทั้ง 2 คน เช่าบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา อยู่ติดกับลานจอดรถที่เกิดเหตุ ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวนั้น ถูกเช่าตั้งเเต่เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 6-7 คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่ารถตู้คันที่ขับไล่ล่ามานั้นเป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ตาย โดยน่าจะมีเหตุขัดเเย้งกันมาก่อน


ด้านเว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นคนภาคใต้และมาเช่าบ้านพักอยู่ในละแวกดังกล่าวกับเพื่อนรวม 7 คนตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทั้ง 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก จากนั้นไม่นานเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น แรงระเบิดทำให้ผู้ตายเสียชีวิตคาที่และฉีกร่างเละกระจายทั่วบริเวณ ต่อมาเพื่อนของผู้ตายที่อยู่ในบ้านได้เก็บของในบ้านพักแล้วขับรถตู้ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มาดูเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ


ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในบ้านพักพบระเบิด 2 ลูก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนหนึ่ง จึงคาดว่าผู้ตายและเพื่อนน่าจะเช่าบ้านหลังดังกล่าวประกอบระเบิด เพื่อใช้ก่อเหตุวุ่นวาย โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดหลายครั้งในกรุงเทพฯหรือไม่ พร้อมเร่งติดตามตัวกลุ่มเพื่อนผู้ตายมาสอบสวนต่อไป









กำนันสุเทพ สวนลุมพินีในวันนัดชุมนุมใหญ่ 29 มีนาคม คึกคักจริงหรือ?


ภาพชุดม็อบกำนันสุเทพ สวนลุมพินีในวันนัดชุมนุมใหญ่ 29 มีนาคม คึกคักจริงหรือ?




เห็นลุงกำนันบอกคนเยอะ เลยคึก นั่งรถไฟฟ้าไปลงศาลาแดง เยี่ยมดูสักหน่อย ไปถึงประมาณ 5.00 น.


เดินบนรถไฟฟ้าด้านบน มาสะพานลอยเพื่อมองดูด้านล่างว่าคนเยอะล้นจริงไหม พบว่ามีการ์ดยืนกั้นตรงหัวถนนสีลม รถทุกคนที่ออกจากสีลม ให้เลี้ยวซ้าย-ขวาได้นะ วิ่งผ่านได้


รถทุกคันที่มาถึง "รัฐอิสระเทือก" ต้องจอดให้การ์ดสอบถามก่อนวิ่งผ่าน แต่เริ่มกั้นถนนแล้ว บอกว่า ขบวนใหญ่กำลังมา


รถยังวิ่งได้เป็นปกติ ดังนั้นที่บอกว่าคนเยอะล้นไปถึงสีลม จึงโกหกจ้าาาาา


การ์ดทำหน้าที่แทนตำรวจจราจรซะเลย




รถคันแรกเริ่มกลับมาแล้ว เบอร์อะไรไม่รู้ครับ แต่โหนกันยังกะลิงเลย ถ่ายจากสะพานลอยลงไป


โหย..ร้องเพลงเปิดซะดัง ต้อนรับยังกะไปออกศึกสงครามชนะกลับมา แต่ละคนหน้าคล้ำแดดหมดเลย


คันถัดมาเริ่มทยอยกลับมาแล้วครับ แต่ละขบวน มันก็มีแค่นี้จริงๆ ขบวนละคันสองคัน ที่เดินๆ หายไปไหนหมดไม่รู้


กำลังลงเดินจากสะพานลอยเข้าสวนลุมฯ สักหน่อยจ้า



ลุงกำนันมาพอดี คนมาห้อมล้อมรอลุงกำนันกันใหญ่ ลุงเดินลงมาแร้ววววววว 


ตามไม่ทันแล้วครับ หายเข้าไปในสวนลุมพินี การ์ดกั้นสามสี่ชั้นเดินพาเข้าไปในสวนลุมพินี


ขี้เกียจเดินเข้าไปข้างใน การ์ดน่ากล้วมาก ตรงหน้าประตูเค้าตรวจทีละคน คนด้านขวายืนเจ้าคิวรอเข้า เราเลยหันหลังกลับดีกว่า


รถทยอยกลับเข้ามา คันไหนมีแกนนำ จะมีการ์ดใส่เสื้อเกราะอย่างดี


หน้าตาน่ากลัวมาก คันนี้ รู้สึกดร.เสรี มากับคันนี้ป่าว จำไม่ได้ เพราะเสียงเธอเจื้อยแจ้วมาจนไม่รู้มาจากคันไหน


คันนี้ ไม่มีแกนนำสำคัญ การ์ดเลยไม่มีเสื้อเกราะ หน้าตาบ้านๆๆ 


มีรถเบนซ์ด้วย ทะเบียนเก๋สุดๆ


ติดฟิล์มซะหนามองไม่เห็นคนนั่งหลัง เออ แต่แปลกดี เพราะคันนี้วิ่งออกจากโรงแรมดุสิตธานี และเลี้ยวขวาเข้าสวนลุมฯ


สวนลุมฯ กับ โรงแรมดุสิตธานี ห่างกันสิบเมตร ทำไมเค้าไม่เดินข้ามถนนเอาฟระๆๆๆ


มาแล้วจ้าาาา....คลิปชาญวิทย์-ปวิน In LA...

มาแล้วจ้าาาา....คลิปชาญวิทย์-ปวิน In LA...














ของร้อน ๆ ต้องรอให้เย็นจึงส่งมอบได้
แม้มาล่า แต่เนื้อหายังพลุ่งพล่านร้อนแรงเข้ากับสถานการณ์จริง ๆ

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

“เพื่อไทย” ยื่นหนังสือแจง “โอบาม่า–บันคีมุน” เหตุขัดขวางลต. และขบวนการกำจัดปชต.ในไทย


“เพื่อไทย” ยื่นหนังสือแจง “โอบาม่า–บันคีมุน” เหตุขัดขวางลต. และขบวนการกำจัดปชต.ในไทย





            วันที่ 27 มีนาคม 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ ว่าที่รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “เมื่อช่วงเช้าตนพร้อมด้วยนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ผอ.ศูนย์ติดตามผลกระทบจากการชุมนุมพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐผ่านทางสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และยื่นถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย รวมทั้งส่งถึงนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ที่สำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวต้องการแสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความไม่เป็นประชาธิปไตยในประเทศ มีกระบวนการขัดขวางการเลือกตั้งและต้องการแช่แข็งประเทศไทย ขณะที่การเลือกตั้งที่ผ่านมาซึ่งมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปแล้ว 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่มีการขัดขวางและละเมิดสิทธิของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 20 ล้านคน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวต้องการกำจัดฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งพรรคเพื่อไทยเผชิญอยู่ เป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ปี 49”

           น.ส.อนุตตมา กล่าวอีกว่า “นอกจากนี้เราได้ขอบคุณท่าทีของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนความเป็นประชาธิปไตยในประเทศไทย ยืนยันว่าเราไม่ได้ต้องการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมไทย แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่ากระบวนการประชาธิปไตยถูกขัดขวางอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นขอให้นานาชาติช่วยกันจับตาดูสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และชี้ให้เห็นว่าเราต้องการเลือกตั้งที่เป็นธรรม เสรี ต้องการให้คนไทยทั้ง 65 ล้านคนได้กำหนดชะตาชีวิตด้วยตัวเอง”

ชาวศรีสะเกษรวมตัวกันแจ้งความให้ดำเนินคดี ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีตัดสินล้มการเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจ


ชาวศรีสะเกษรวมตัวกันแจ้งความให้ดำเนินคดี ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีตัดสินล้มการเลือกตั้งโดยไม่มีอำนาจ







วันที่ 27 มี.ค.2557 Go6TV เวลาประมาณ 11.45 น. กลุ่ม นปช. ประมาณ 70 คน แต่งกายชุดดำ นำโดย นางปัทมกานต์ ธรรมศิริ และ นายระวี สัมฤทธิ์ ได้เดินทางมารวมตัวกันที่หน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการคัดค้าน ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ตัดสินให้การเลือกตั้ง สส.เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะ จากนั้นได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ คณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง พ.ต.ต. ศิลประสิทธิ์ ศรีเกียรติ พงส.สบ.2 ร้อยเวรสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์และลง ปจว.ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินต่อไป

ครูสลิ่มโรงเรียนพาณิชย์เมืองพัทยา ให้เด็กเล่นละครล้อเลียน ใส่ร้ายนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และ ศรส.

ครูสลิ่มโรงเรียนพาณิชย์เมืองพัทยา ให้เด็กเล่นละครล้อเลียน ใส่ร้ายนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และ ศรส.


ที่เว็บไซต์ยูทรูป ของไอดีชื่อ พิชญ์สินี กุลเอกสรยา ซึ่งอ้างว่าเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาระดับพาณิชยการแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้เผยแพร่คลิปล้อเลียน รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี โดยจัดเป็นละครเก็บคะแนน ในห้องเรียน โดยจำลองฉากเป็นเวที Shut Down Bangkok

ในละครดังกล่าว ได้มีข้อความบทพูดล้อเลียนใส่ร้ายนายกรัฐมนตรี รัฐบาล ศรส. ว่ารัฐบาลและ ศรส. เป็นผู้สั่งการให้ทำร้ายผู้ชุมนุมด้วย


จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น นางสาวพิชญ์สินี กุลเอกสรยา ได้เขียนข้อความ อวดอ้างว่าตนเองนั้นกำลังศึกษาระดับดอกเตอร์ เป็นอาจารย์สอนวิศวกร และดูถูกคนรากหญ้า ด่าว่าเนรคุณแผ่นดิน เหมือนทาส ซื้อได้ ชี้นำได้

ประวัติเบื้องต้น พบว่านางสาวพิชญ์สินี กุลเอกสรยา เป็นพนักงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัด เมืองพัทยา เคยมีคดีความฟ้องร้องกับนายกฯเมืองพัทยาต่อศาลปกครองแต่แพ้คดี อีกทั้งยังเป็นอาจารย์สอนวิชาจิตวิทยาการจัดการ สถาบันเทคโนโลยีพาณิชยการแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา มีทรรศนคติทางการเมืองโน้มเอียงฝักไฝ่พรรคประชาธิปัตย์ และเข้าร่วมการชุมนุมม็อบ กปปส. ด้วย

“เอก Respect My Vote” บุกที่ประชุมวิสามัญปชป. ชูป้าย “We are the people” ก่อนโดนต่อยแว่นกระเด็น (มีคลิป)

“เอก Respect My Vote” บุกที่ประชุมวิสามัญปชป. ชูป้าย “We are the people” ก่อนโดนต่อยแว่นกระเด็น (มีคลิป)

วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. บริเวณชั้น 4 ภายในโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายเอก อัตถากร หนุ่มแว่นดำเจ้าของฉายา “Respect My Vote” หรือผู้ใช้นามแฝงว่า Ake Auttagornพร้อมสมาชิกอีก 2 คน แต่งชุดดำบุกสถานที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมชูป้าย “We are the people” และป้ายข้อความ “ปฏิรูปตัวเองเถอะ” ที่ด้านหน้าห้องประชุม ทำให้สื่อมวลชนต่างกรูเข้าไปถ่ายภาพระหว่างที่นายเอก กำลังตะโกนว่า “ปฏิรูปประเทศอย่างไร เมื่อคุณยังไม่ยอมเลือกตั้ง ยังขัดขวางการเลือกตั้ง เราไม่ยอม”


โดยระหว่างนั้นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กำลังแบ่งกลุ่มประชุมสมัชชาปฏิรูป 7 กลุ่มใหญ่เสนอความเห็น ซึ่งนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กำลังเป็นพิธีกรดำเนินงานได้กล่าวว่า “แสดงให้เต็มที่”ทำให้นายเอกตะโกนสวนกลับว่า “มันไม่ใช่การแสดง เราคือประชาชน อย่าดูถูกประชาชน ประชาชนกำลังรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร”


ทำให้นายบุญยอด ตอบโต้ว่า “เราไม่เคยดูถูกประชาชน เจ้าเดิมคนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม” จากนั้น นายเอกยังตะโกนต่อไปว่า “ทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะประขาชนไม่ชนะ”


เหตุการณ์เกิดความวุ่นวายและตึงเครียดขึ้น เมื่อสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่างกรูเข้าล้อมและประชิดตัวนายเอก พร้อมระดมเป่านกหวีดเพื่อขับไล่นายเอกออกจากสถานที่ประชุม แต่นายเอกได้หยิบนกหวีดขึ้นมาเป่า และถูกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กรูมาผลักดันลงไปบริเวณล็อบบี้ ชั้นล่างของโรงแรม แต่นายเอกยังคงตะโกนโต้เถียงไปมากับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นระยะ ทันใดนั้นมีชายใส่เสื้อสีขาวคนหนึ่ง เดินเข้ามาปรี่หมัดใส่หน้านายเอก จนแว่นตากันแดดสีดำของนายเอกร่วงกระเด็นตกพื้น โดยนายเอกพยายามป้องกันตัวเองแต่ไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด


ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้ามาป้องกันและเชิญให้นายเอกออกจากโรงแรมท่ามกลางความชุลมุนขณะที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตะโกนขับไล่ และผู้มาใช้บริการในโรงแรมอยู่ในความแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต่างเรียกให้สมาชิกกลับเข้าประชุมตามปกติ













“ยิ่งลักษณ์” ตั้ง 3 ข้อสังเกต ชี้ พฤติกรรมเอนเอียง-ไม่ยุติธรรมของ ป.ป.ช.


“ยิ่งลักษณ์” ตั้ง 3 ข้อสังเกต ชี้ พฤติกรรมเอนเอียง-ไม่ยุติธรรมของ ป.ป.ช.



             วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV – นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีคดีโครงการรับจำนำข้าวผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra (https://www.facebook.com/Y.Shinawatra) มีเนื้อหาดังนี้


กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ


            กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ดิฉันถูกกล่าวหาโดยการยื่นคำร้องถอดถอนจากพรรคฝ่ายค้านส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเป็นการกล่าวหาโดยตรงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งที่โดยกระบวนการปกติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจะเป็นคนกลางในการพิจารณาคดีคำร้องถอดถอน

          และเมื่อคดีนี้มีความพิเศษกว่าปกติ คือ การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับมาเป็นคู่กรณีเสียเองเช่นนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมิใช่คนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรม ดังนั้น ในเบื้องต้นดิฉันขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้


  • 1. มาตรฐานของการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้ไต่สวนคดีโดยเร็ว
  • และยึดหลักนิติธรรมนั้น ใช้กับบุคคลทุกกลุ่มในบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ในระดับบริหารด้วยกันอย่างเท่าเทียม หรือมีเงื่อนไขที่จะใช้กับบุคคลหรือคณะบุคคลบางกลุ่มอย่างไม่เท่าเทียมกัน เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากหลายเรื่อง เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกกล่าวหา จะมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนก่อน ซึ่งปัจจุบันแต่ละคดีไม่มีความคืบหน้า แต่ประการใด เช่น คดีสลายการชุมนุมที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อปี พ.ศ.2553หรือคดีทุจริตอื่น ในปี พ.ศ.2553 ก็ไม่ปรากฏว่า มีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนคดีของดิฉัน
  • 2. ตามบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่มีต่อดิฉัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 21 วัน ในการจัดเตรียมข้อกล่าวซึ่ง มีมากมายหลายประเด็นที่อ้างว่า มีการทุจริตและมีความเสียหาย ซึ่งหากคำนึงถึงความเป็นธรรมแล้ว จำเป็นที่ดิฉันจะได้ใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อตรวจสอบว่า มีพยานหลักฐานใดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ในการกล่าวหา หรือมีข้อสงสัยที่ไม่ชัดเจน เพื่อดิฉันจะได้ชี้แจงได้ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ ทำให้สรุปได้ชัดเจนว่า “การตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ ดิฉันไม่ได้รับการอำนวยความยุติธรรม” ตามสมควร
  • 3. การขอเลื่อนคดีของดิฉัน มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ให้ดิฉันเลื่อนคดีมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด ในเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “โครงการรับจำนำข้าว” เกิดความเสียหาย โดยดิฉันรับรู้ รับทราบแล้วทำไมไม่ระงับ ยับยั้ง เพื่อยุติโครงการรับจำนำเสีย

           เรื่องที่ดิฉันถูกกล่าวหานี้ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพยานเอกสาร และพยานบุคคลจำนวนมากที่ดิฉันต้องรวบรวม บางรายการต้องสืบค้นจากหลายหน่วยงาน เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา แต่หน่วยงานต่างๆมีระยะเวลาไม่เพียงพอ จึงแจ้งเหตุขัดข้องมาหลายหน่วยงาน ซึ่งดิฉัน ได้ให้ทนายความนำไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบถึงเหตุขัดข้อง เพื่อขอเลื่อนคดีสักระยะหนึ่ง ซึ่งจากที่ให้แล้ว 15 วัน และดิฉันขอขยายอีก 45 วันตามที่ได้ร้องขอไป

           แต่คำขออำนวยความยุติธรรมดังกล่าว แม้สักวันเดียวยังไม่ได้รับ ทั้งๆที่ฝ่ายกรรมการ ป.ป.ช. ที่ถือเป็นคู่กรณีอ้างว่า ได้ใช้เวลาตรวจสอบเรื่องของดิฉันมาปีเศษแล้ว ทั้งๆ ที่คณะกรรมการ ปปช. ชุดใหญ่ มีมติภายใน 21 วันเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แต่เมื่อดิฉันจะใช้เวลาตามสมควรบ้าง กลับถูกปฏิเสธความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวน

          ดิฉันเห็นว่า คดีนี้เมื่อตัวดิฉันมีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรี การถูกดำเนินคดีเป็นเรื่องที่สาธารณะชนทั่วไปควรต้องการรับรู้และถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะที่จะรับรู้ทั้งฝ่ายดิฉัน และเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเสมือนมิใช่คนกลางไต่สวนพิจารณาคดี หากแต่ถือเป็นคู่กรณีที่กล่าวหาดิฉันด้วยว่า ระหว่างการไต่สวนพิจารณาคดีของกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวนกับดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีการปฏิบัติต่อกันในการดำเนินคดีโดยถูกต้อง เที่ยงธรรมหรือไม่ มิใช่มีเจตนามากล่าวหาต่อกันว่าใครผิดใครถูก ซึ่งไม่ถูกต้อง และกรณีของดิฉันคงเป็นบทเรียนของการใช้อำนาจของแต่ละฝ่ายว่า เป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่

          แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับชี้แจงโดยกล่าวหาดิฉันว่า เป็นเพราะดิฉันไม่มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เพราะการรับทราบข้อกล่าวหา ดิฉันตรวจสอบจากบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้อยู่แล้ว

           เอกสารหลายรายการที่นำไปใช้กล่าวอ้าง และพาดพิงดิฉันรวมถึงบทสัมภาษณ์ ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจของ นายวิชา มหาคุณ ที่อ้างว่าดิฉันต้องรับผิดนั้น ทำไมไม่ให้ดิฉันตรวจพยานหลักฐานก่อน เพื่อให้ดิฉันได้มีโอกาสชี้แจงให้ถูกต้องและตรงประเด็น แต่กลับอ้างว่า ไม่สามารถให้ดูเอกสารหลักฐานได้เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญกลัวจะเสียรูปคดีซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของดิฉันตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิคุ้มครอง ซึ่งดิฉันได้รับเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก 49 แผ่น และในภายหลังเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ซึ่งนั่นหมายความว่า ดิฉันจะต้องแก้ข้อกล่าวหาหลังได้รับเอกสารทั้ง 280 แผ่นนั้นภายในเวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น

ศาลฯรับคำฟ้องกกต.แจกใบเหลือง “สุขุมพันธ์” ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ทันที


ขึ้นเขียง ! ศาลฯรับคำฟ้องกกต.แจกใบเหลือง “สุขุมพันธ์” ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ทันที





          วันที่ 28 มีนาคม 2557 go6TV - นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการยื่นคำฟ้องไปยังศาลอุทธรณ์กลางตามมติ กกต. ที่สั่งให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่ (ใบเหลือง) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ภายหลังยื่นคำฟ้องไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ว่า ได้รับรายงานจากทางสำนักคดีและวินิจฉัย ของสำนักงานกกต. ว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากศาลอุทธรณ์กลางว่าได้รับคำฟ้องดังกล่าวเข้าเป็นสำนวนคดีแล้ว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม กระบวนการหลังจากนี้ สำนักงานกกต. ต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 239 ทันที

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

เยาวชนทนไม่ไหว ศาล รธน. ฟันเลือกตั้งโมฆะ รวมตัวตั้ง “กลุ่มเสรีเพื่อประชาธิปไตยคนขอนแก่น” คลุมผ้าดำไว้อาลัย ตุลาการ


เยาวชนทนไม่ไหว ศาล รธน. ฟันเลือกตั้งโมฆะ รวมตัวตั้ง “กลุ่มเสรีเพื่อประชาธิปไตยคนขอนแก่น” คลุมผ้าดำไว้อาลัย ตุลาการ





          วันที่ 24 มีนาคม 2557 go6TV – นายสิทธิชัย คำมี หรือ น้องเตา อายุ 17 ปี เยาวชนจังหวัดขอนแก่นที่รักประชาธิปไตยและความยุติธรรม แกนนำ ”กลุ่มเสรีเพื่อประชาธิปไตยคนขอนแก่น” ออกมาแสดงถึงจุดยืน “ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องผลการเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะ” โดยได้จัดกิจกรรม “ผูกผ้าดำไว้อาลัย ประชาธิปไตยของประชาชน” เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2557 เวลา 12.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ศาลหลักเมืองขอนแก่น) ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันศุกร์หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นโมฆะ ช่วงเย็นได้เห็นกิจกรรมของพี่ๆ สนนท. ที่คลุมผ้าดำ ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ กทม.ผ่านเฟสบุ๊ค จึงเกิดต้องการแสดงออกซึ่งจุดยืนประชาธิปไตย หลังเลิกเรียนจึงปรึกษาหารือกับเพื่อนๆ ว่าจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นบริเวรอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น เมื่อเริ่มกิจกรรมก็มีประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก แม้ว่าพื้นที่ใกล้ๆ กันจะมีเวที กปปส. ขอนแก่นตั้งอยู่ด้วยแต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรขึ้นเลย

          “ตอนแรกก็เป็นกังวลว่าผ้าดำที่คลุมกับป้ายกิจกรรมของผมจะโดนเอาไปทิ้ง เพราะตรงนี้มีกลุ่มที่เห็นต่างจากเราจัดกิจกรรมอยู่ด้วย แต่เมื่อไปดูก็พบว่าป้ายทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม และไม่มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน”

          นายสิทธิชัย คำมี หรือ น้องเตา กล่าวว่า สำหรับการทำงานขององค์กรอิสระ ซึ่งอีกไม่กี่วัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็จะมีการพิจารณาวินิจฉัยโครงการรับจำนำข้าว ก็อยากให้องค์กรอิสระต่างๆ รวมไปถึงศาล คำนึงถึงความถูกต้อง ข้อกฎหมายและความยุติธรรมให้มากๆ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ หากเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นเกรงว่าจะยิ่งทำให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น ที่สำคัญคือประชาชนทุกคนไม่มีใครอยากที่จะเห็นการทะเลาะเบาแว้งในหมู่คนไทยด้วยกันเอง หากทุกองค์กรเคารพกติกาและมีความยุติธรรม และยังมีบางองค์กรพยายามที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ช่วยกันไม่ผลักดันให้มีการเลือกตั้งไปจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย จนเป็นเหตุให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะพวกตนจะเคลื่อนไหวเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป