วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดีเอสไอเตรียมส่งเพิ่ม 5 สำนวนให้ บช.น.

ดีเอสไอเตรียมส่งเพิ่ม 5 สำนวนให้ บช.น. ด้าน ยธ.โยนศาลไม่ให้ประกันเสื้อแดง

              ดีเอสไอจะส่งสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพเสื้อแดงไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพิ่มเติมอีก  5 ศพ ด้าน"ชัยเกษม" อ้างกรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยเสื้อแดงโดนจำคุกเต็มที่ โยนศาลใช้ดุลพินิจศาลไม่ให้ประกันเอง ลั่นรัฐบาลไม่ได้ลอยแพ แต่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง

           18 ต.ค. 56 - เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ว่า ภายในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะส่งสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพดังกล่าว ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพิ่มเติมอีก จำนวน 5 ศพ ประกอบด้วย นายธนโชติ ชุ่มเย็น นายวงศกร แปลงศรี นายเฉลียว ดีรื่นรัมย์ โดยทั้ง 3 รายนี้เหตุเกิดบริเวณถนนพระราม 4 และ อีก 2 ราย คือ นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ และนายอำพน ตติยรัตน์ เหตุเกิดถนนตะนาว และถนนดินสอ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53  อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตทั้ง 5 รายนี้จากพยานหลักฐานน่าเชื่อได้ว่าเป็นการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ในขณะนั้น  จึงได้สรุปสำนวนดังกล่าวให้ทาง บช.น.พิจารณาสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการส่งศาลไต่สวนตามกฎหมายต่อไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนวนคดีชันสูตรดังกล่าว ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอส่งให้ บช.น.พิจารณาแล้ว จำนวน 12 ศพ ประกอบด้วย 
  • 1.น.ส.สัญธะนา สรรพศรี อายุ 32 ปี 
  • 2.นายกิตติพันธ์ ขันทอง อายุ 25 ปี 
  • 3.นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ อายุ 17 ปี 
  • 4.นายอำพล ชื่นสี อายุ 25 ปี 
  • 5.นายอุทัย อรอินทร์ อายุ 39 ปี 
  • 6.นายสุภชีพ จุลทัศน์ อายุ 36 ปี 
  • 7.นายมนูญ ท่าลาด อายุ 44 ปี 
  • 8.นายธันวา วงศ์ศิริ อายุ 26 ปี 
  • 9.นายสรไกร ศรีเมืองปุน 
  • 10.นายบุญทิ้ง ปานศิลา อายุ 25 ปี 
  • 11.นายทิพเนตร เจียมพล อายุ : 32 ปี และ
  • 12.นายเหิน อ่อนสา อายุ  40
ยธ.โยนศาลไม่ให้ประกันเสื้อแดง

        เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ไทยโพสต์รายงานว่า นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม กล่าว ถึงกรณี นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมปี 2553 เข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขอ ประกันตัวจากการชุมนุมทาง การเมืองเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ต่อนายคณิต ณ นคร อดีตประ ธานกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อการปรอง ดองแห่งชาติว่า ความจริงทางกรมคุ้มครองสิทธิก็ช่วยเหลือทุกวิถีทางแล้ว แต่เรื่องการประกันตัวนั้นเป็นเรื่องดุลยพินิจของศาล ซึ่งตนไม่อาจจะก้าวล่วงได้

       "กรมคุ้มครองสิทธิได้ยื่นประกันตัวไป 3 ครั้งแล้ว แต่ปรากฏว่าศาลไม่ให้ประกันตัว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเพราะอะไร เพราะเวลาศาลไม่ให้ประกันตัว ก็ไม่ได้บอกเหตุผลที่ชัดเจนเท่าไร อย่างไรก็ตาม จะมอบหมายให้ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ติดตามเรื่องนี้ต่อไป" นายชัยเกษมกล่าว

        รมว.ยุติธรรมกล่าวว่าเวลายื่นขอประกันตัวจะมี 2 กรณีคือทนายความของ นปช.และสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเป็นคนยื่นขอประ กันตัว แต่บางกรณีคนเสื้อแดงก็อาจมีการใช้ทนายส่วนตัว ทางกรมคุ้มครองสิทธิไม่ได้เป็นคนไปยื่นคำร้องขอประกันตัวคนเสื้อแดงเอง เพราะกรมไม่ใช่คู่ความในคดี จึงไม่เกี่ยว แต่จะให้ทนายความเป็นคนยื่น ซึ่งหากทนายความและกรมได้คุยกันอาจจะนำข้อแนะนำมาช่วยเหลือได้

         นายชัยเกษมกล่าวว่า การช่วยเหลือกรมช่วยเหลือทุกฝ่าย ไม่ได้เลือกว่าเป็นเสื้อเหลืองหรือแดง ดังนั้นกรณีดังกล่าวเมื่อมีการยื่นขอไปแล้ว เป็นไปได้ว่าทนายความไม่มีข้อมูลครบถ้วน ศาลก็เลยไม่ให้ประกันตัว เพราะฉะนั้นตนคิดว่าถ้าทนายความมีปัญหา และอยากให้กรมช่วยเหลือก็สามารถมาขอความช่วยเหลือจากทางกรมได้

ขยาย พ.ร.บ. ความมั่นคง 3 พื้น กทม. ไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้

ขยาย พ.ร.บ. ความมั่นคง 3 พื้น กทม. ไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้

           18 ต.ค. 56 - นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประเมินสถานการณ์การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการรักษาความสงบเรียบร้อย ของการชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชน เพื่อปฏิรูปประเทศไทย ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติให้ขยายเวลาในการประกาศใช้ออกไปจนถึง 30 พ.ย.นี้ เนื่องจากพบว่ามีกลุ่มการเมืองและกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลังการชุมนุม แต่ก็ยังไม่มีการขยายพื้นที่การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติม โดยเฉพาะที่บริเวณแยกอุรุพงษ์

          ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย บนเวทีมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะต่ออายุการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีก โดยแกนนำยืนยันที่จะปักหลักชุมนุมที่บริเวณแยกอุรุพงษ์และจะไม่ย้ายไปที่อื่น เว้นแต่พื้นที่ที่ชุมนุมจะไม่ปลอดภัยก็จะทำหนังสือ เพื่อขอใช้พื้นที่ถนนข้างทำเนียบรัฐบาลแทน


          อย่างไรก็ตามในส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ โดย น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ พร้อมด้วยแกนนำผู้ชุมนุม เดินทางไปพบประชาชนที่อยู่บริเวณย่านอุรุพงษ์ เพื่อรับเรื่องร้องเรียน หลังมีประชาชนรายหลายโทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ

Me and My Country (2)


"ทักษิณ" FB: Me and My Country (2)

         วันที่ 18 ตุลาคม 2556 (go6TV) - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/thaksinofficialโดยมีข้อความดังนี้ +



Me and My Country (2)
17 ต.ค. 56

          วันนี้ผมออกเดินทางด่วนจากไปกล่าวสุนทรพจน์และร่วมถกการทำให้ประเทศในเอเชียสู่ความเป็น One Asia ก็เลยอยากจะเล่าเบื้องหลังการจัดตั้ง ACD ( Asia Cooperation Dialogue) ในปี 2545 ให้ท่านฟังครับ

           ผมเห็นว่าทวีปเอเชียเป็นทวีปเดียวที่ไม่มี Forum ที่มีสมาชิกรวมกันทุกประเทศที่อยู่ในเอเชียซึ่งไม่เหมือนกันทวีปอื่นที่มี Forum ที่ประกอบด้วยสมาชิกทุกประเทศในทวีปนั้น ทั้งๆที่เราเป็นทวีปที่มีประชากรรวมกันเกินครึ่งหนึ่งของประชากรโลก มีเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศรวมกันก็เกินครึ่งหนึ่งของทั้งโลก เป็นทวีปที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ ศาสนาทุกศาสนาก็มีต้นกำเนิดในทวีปเอเชียแทบทั้งนั้น และสิ่งมหัศจรรย์ของโลกส่วนใหญ่ก็อยู่ในเอเชีย

         แม้กระนั้นเราก็ยังมีคนจนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ UN ถือเป็นความยากจนมากกว่าทุกทวีป เพราะเรามีปัญหาขัดแย้งระหว่างประเทศในหลายภูมิภาค ทำไมเราไม่วางความขัดแย้งไว้ก่อน หันมาพูดคุยกันให้เกิดการร่วมกันพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ด้วยกัน ซึ่งผู้นำต้องคิดไปไกลกว่าเขตแดนประเทศตัวเอง One Asia จึงจะเกิดได้

         ผมเลยเริ่มต้นคุยกับประเทศใหญ่สุดคือจีน พอจีนเริ่มให้ความสนใจผมก็คุยกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นก็สนใจ ผมจึงรีบมาคุยกับอาเซียน อาเซียนให้การสนับสนุนเต็มที่ ผมรออยู่พักใหญ่จีนกับญี่ปุ่นยังไม่ตัดสินใจเต็มที่ ผมก็เลยไปอินเดีย นายกรัฐมนตรี อตล เพหารี วัชปายี ในขณะนั้นก็ตกลงทันที ผมก็รีบมาประชุม Bo'ao Forum ที่ไหหลำ แล้วมาพบกับนายกฯ จู หรงจี ของจีน นายกฯโคะอิซุมิของญี่ปุ่นก็นั่งอยู่ด้วยกัน ผมบอกไปเลยว่า อาเซียนและอินเดียตกลงใจแล้ว นายกฯจู หรงจี และนายกฯโคะอิซุมิก็บอกผมพร้อมกันเดี๋ยวนั้นว่าจีนและญี่ปุ่นตกลง แค่นี้ผมก็ได้ประเทศหลักๆแล้ว ต่อมาเกาหลีก็ตกลง จีนบอกผมเพราะรู้ว่าอินเดียเข้ามาแล้วก็ให้เชิญปากีสถานด้วย ผมก็เลยไปเชิญซึ่งเขาก็ตอบรับทันที ต่อมาจึงขยายมาชวนประเทศที่มีนายกฯเป็นเพื่อนกันแถวเอเชียกลางและเอเชียตะวันตก เช่น บาห์เรน การ์ตา และทาจิกิสถาน ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เรามีความริเริ่มและเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ

          พอมาตอนที่มีการรัฐประหาร ทางคณะรัฐประหารก็คงอยากจะทำลายสิ่งดี ๆ ที่ผมทำไว้ก็จะไปขอยกเลิก ACD เลยโดนตอกหงายมาจากประเทศสมาชิกว่า ACD ถึงแม้ไทยจะเป็นผู้ริเริ่มแต่ไทยไม่ได้เป็นเจ้าของ มันเป็นองค์กรของทุกประเทศสมาชิก ผมพยายามจะปลุกให้เกิดความเป็นหนึ่งของเอเชียให้ได้จึงต้องหาเสียงเพิ่มสมาชิกไปเรื่อยๆจนปัจจุบันมีอยู่ 28 ประเทศแล้ว ผมเชื่อว่าในอนาคตคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่กระทรวงต่างประเทศของเราต้องทำงานต่อเนื่องจริงจังต่อไปครับ

           ผมขอเล่าเบื้องหลังขำ ๆ ให้ฟังเรื่องหนึ่ง คือตอนที่ผมไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ผมได้รับการบอกจากทูตไทยประจำกรุงนิวเดลี บอกว่าถ้าผมเข้าไปคุยกับท่านนายกฯ วัชปายี แล้วแปลกใจ ท่านจะไม่พูดอะไรซัก 10 นาทีนอกจากสั่นหัวแบบคนอินเดีย เพราะเป็นลักษณะของท่าน ขอให้ผมพูดต่อไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวท่านก็จะพูดขึ้นมาเอง ผมบอกว่าผมทนไม่ได้หรอก แค่ 2-3 นาทีไม่พูดตอบ ผมก็ไม่ยอมแน่ ท่านทูตก็เลยตกใจ ผมบอกว่าผมมีวิธีของผมสิน่า!

          พอวันไปพบกันจริงท่านก็เป็นเช่นนั้น ผมพูดอะไรท่านก็สั่นหัวแบบอินเดีย ซักหนึ่งนาทียังไม่พูด ผมก็เลยบอกว่า Your Excellency, Let me ask you something ท่านก็เลยพูดว่า What? ผมก็เลยบอกว่า At this age why haven't you been married? ซึ่งตอนนั้นท่านประมาณ 70ปี ท่านก็หัวเราะและตอบว่า I had been in opposition side for more than 40 years. Sometimes I'd been jailed. Nobody wants to marry me. เท่านั้นก็เสร็จผม ผม Break the ice ได้ ท่านก็เลยเริ่มพูดกับผมเลยกลายเป็นคนที่สนิทกันเป็นพิเศษ จนท่านมาเยือนเมืองไทยแล้วขอไปเชียงใหม่บ้านเกิดผมด้วย

         ที่เล่าให้ฟังก็เพียงอยากบอกว่าเวลามีตำแหน่งสูง ๆ ทุกคนถูกบังคับด้วย Protocol ทำให้ Stiff จึงทำให้ความเป็นมนุษย์ (Human) มันลดน้อยลงแต่จริง ๆ แล้ว ทุกคนคือมนุษย์ ถ้าเราสามารถจับความเป็นมนุษย์และสร้างความสัมพันธ์แบบ Human to Human ได้ เราจะมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ผมมักจะได้ผู้นำที่เป็นคนที่เงียบ ๆพูดน้อยวางตัวขรึมเป็นเพื่อนสนิทจนถึงทุกวันนี้

ทั้งๆที่ผมพ้นจากความเป็นนายกฯมาตั้ง 7 ปีแล้วครับ

บ้านนี้เมืองนี้ "ไพร่"เท่านั้นที่ทำอะไรก็ผิด


พานทองแท้ FB: ฤา บ้านนี้เมืองนี้ "ไพร่"เท่านั้นที่ทำอะไรก็ผิด


           วันที่ 18 ตุลาคม 2556 (go6TV) – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวhttps://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีเนื้อหาดังนี้




           ช่วงนี้มีข่าวที่เกี่ยวกับ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี และธุรกิจน้ำมันซึ่งมีความพยายามจะจุด ให้เป็นประเด็นในการเกณฑ์คน มาชุมนุมทางการเมืองครับ

           อดีตนายกฯท่านแรก แน่นอนว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา จะต้องถูกเครือข่ายของพรรคฯเก่าแก่ โยงมาเป็นผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณฯมาโดยตลอด ธุรกิจน้ำมันซึ่งไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัวผม ก็เช่นเดียวกัน หาเรื่องกันโดยการเอาข้อกฎหมาย, เส้นเขตแดน, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มาโกหกเป็นเรื่องเป็นราว หวังเพียงเพื่อหลอกสลิ่มหูเบา ให้มาชุมนุมขับไล่รัฐบาลกันเยอะๆ

          อดีตนายกฯอีกท่านหนึ่งคือ อดีตนายกฯอานันท์ ปันยารชุน ครับ ท่านฯห่างหายไปนาน พึ่งจะเริ่มกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง ด้วยการออกมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย เรื่องการทุจริตโดยได้พูดว่า ในอดีตคอร์รัปชันเป็นเรื่องการให้ค่าน้ำชา ค่าสินบน การให้ของชำร่วย ช่วยเหลือในด้านต่างๆ ระหว่างบุคคลกับบุคคลเท่านั้น แต่ปัจจุบันการทุจริต มีความลึกลับสลับซับซ้อนมากขึ้นมาก มีการวางยุทธศาสตร์ และมีการวางแผนการอย่างแยบยล

          ผมเผอิญอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอดีตนายกฯท่านนี้ จึงได้ลอง Search ข้อมูลจากอากู๋กูเกิ้ลดูครับ ปรากฎว่าหลายบทความที่เจอ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง "น้ำมัน"อีกแล้ว และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการขาย "สมบัติของชาติ" ซึ่งเกี่ยวพันกับนายกท่านนี้โดยตรง สรุปโดยย่อก็คือ ในสมัยนายกฯอานันท์ฯ ได้มีการขายหุ้นของโรงกลั่นไทยออยล์ ให้กับเอกชนที่ชื่อเกษม จาติกวณิช เป็นเงิน 8,000ล้านบาท โดยในการจ่ายเงินเป็นลักษณะเช็คเปล่าใบเดียว ในขณะที่มีบุคคลอื่น แสดงความจำนงค์จะขอซื้อหุ้นดังกล่าวในราคา 15,000ล้านบาทแต่กลับเอาสมบัติชาติไปขายถูก ๆ

         เวลานี้มูลค่าของบริษัทไทยออยล์ในตลาดหลักทรัพย์ อยู่ที่แสนสามหมื่นกว่าล้านบาทครับ ปตท.ถือหุ้นไทยออยล์อยู่ 49% แสดงว่าส่วนที่ขายออกไป 8พันกว่าล้านนั้น วันนี้มีมูลค่าถึง 6 หมื่นกว่าล้านบาท ผมไม่เคยเห็นสลิ่ม-แมลงสาบตนใด ออกมาโวยวายว่าขายสมบัติชาติ ออกมาทวงคืนไทยออยล์มั่ง ลองเปลี่ยนคนขาย-คนซื้อสมบัติชาติจาก "ปันยารชุน"หรือ"จาติกวณิช" มาเป็น "ชินวัตร"ดูสิครับ รับรองเกณฑ์คนออกมาม็อบกันเต็มถนนแน่

           ปตท.ก็สมบัติชาติ แหล่งขุดเจาะก๊าซในอ่าวไทยก็สมบัติชาติ ไทยออยล์ก็สมบัติชาติ แม้กระทั่ง การขาย ปรส. งบสร้างโรงพักเข้มแข็ง หรือเขายายเที่ยงก็สมบัติชาติทั้งนั้นแหละครับ การคอร์รัปชั่นในอดีตจะเป็นการช่วยเหลือบุคคลต่อบุคคล หรือปัจจุบันมันจะแยบยลกว่า มันก็ทุจริตเหมือนกันทั้งนั้น จะเป็น "ปันยารชุน"ขายไทยออยล์ // "หลีกภัย"ขายปรส. // "เวชชาชีวะ" สร้างโรงพักเข้มแข็ง // "จุลานนท์" บุกรุกเขายายเที่ยง // หรือ "ชินวัตร" ซื้อที่ดินรัชดา จะทุจริตหรือไม่ทุจริต ก็ควรวินิจฉัยภายใต้มาตรฐานเดียวกันครับ

ฤา บ้านนี้เมืองนี้ "ไพร่"เท่านั้นที่ทำอะไรก็ผิด "อำมาตย์"ทำอะไรก็ไม่ผิดครับ ท่านอดีตนายกฯ

"ทนายนกเขา" แถหน้าด้านๆ อ้างแม่ค้า-ชาวบ้านที่ไปร้องตำรวจ "โดนจ้างมาหัวละ 7 พัน"


"ทนายนกเขา" แถหน้าด้านๆ อ้างแม่ค้า-ชาวบ้านที่ไปร้องตำรวจ "โดนจ้างมาหัวละ 7 พัน"


          วันนี้ (17 ต.ค.) ที่สี่แยกอุรุพงษ์ นายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง (อศ.มร.) ในฐานะแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่าย กปท. ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยระบุถึงกรณีที่เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) มาใช้ห้องประชุมสภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงแถลงข่าวให้ร้ายต่อการเคลื่อนไหวของ คปท. ว่า สนนท. ในปัจจุบันไม่มีธรรมนูญมาใช้ในการเลือกตั้งคณะกรรมการ สนนท. และ สนนท. ไม่ได้มีตัวแทนองค์การนักศึกษาแต่ละสถาบันมาร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งหมายความว่า สนนท. ทุกวันนี้หมดไปจากบ้านเมือง หมดไปจากสถานภาพ เป็นเรื่องของการยกเมฆขึ้นมาว่ายังมี สนนท. แตกต่างจากองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยสิ้นเชิง ซึ่งมีสถานภาพถูกต้องตามระเบียบมหาวิทยาลัย ซึ่งมีสภามหาวิทยาลัยเป็นที่รับรอง ส่วนสถานที่ทำการนั้น สนนท. ที่ไม่มีสถานที่ทำการเป็นหลักแหล่ง ส่วนองค์การนักศึกษามาสถานที่ทำการเป็นสัดส่วน จึงขอฝากบอกไปว่า ตัวตนของ สนนท. ที่แท้จริงคือใคร ใครชักใยอยู่ข้างหลัง ใครที่ทำให้เขาวิพากษ์วิจารณ์ อศ.มร. ซึ่งสถานภาพแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

        “บอกตามตรง สนนท. ตอนนี้เขาไม่ได้ยึดหลักธรรมนูญ สนนท. ในการเลือกตั้งสมาชิก ในการเลือกตั้งเลขาธิการ สนนท. แต่องค์การนักศึกษาได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เราได้มาซึ่งความเป็นประชาธิปไตย เราไม่ได้รับใช้กลุ่มคนใด บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ สนนท. ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีการต่อสู้ภาคประชาชน การที่องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และพี่น้องประชาชนในนามเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ออกมาเรียกร้องภาคประชาชน แต่ สนนท. กลับไม่มีจุดยืน ไม่มีการออกมาเรียกร้องให้กับพี่น้องประชาชน กลับมีการแถลงข่าวให้ร้ายป้ายสีกลุ่มองค์กรที่จดทะเบียนถูกต้อง ว่าด้วยกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย”นายอุทัย กล่าว

         นายอุทัย กล่าวต่อว่า ผลการเจรจาระหว่างตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กับผู้ชุมนุมเป็นที่ทราบกันดีว่า คปท. ปักหลักชุมนุมอยู่ที่แยกอุรุพงษ์เช่นเดิม และเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาบอกว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อน แต่ในทางกลับกัน ประชาชนได้บอกมากับทางเครือข่ายว่า พ่อค้าแม่ค้าได้มีการถูกว่าจ้าง ??? และคนที่มาว่าจ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ??? เพื่อให้เป็นหลักฐานเอาผิดกับทางเครือข่ายฯ ว่ามีประชาชนออกมาร้องเรียน แต่แท้ที่จริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาว่าจ้างพ่อค้าแม่ค้าเอง ????

        ด้านนายนิติธร กล่าวว่า หลังจากที่เรารับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็ให้น้อง ๆ นักศึกษาไปทำงานมวลชนสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน ข้อมูลที่ได้รับทราบก็คือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่าจ้างในราคา 7 พันบาทให้มาร้องทุกข์??? ซึ่งร้านค้าให้ข้อมูลได้ หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมหรือพ่อค้าแม่ค้ายืนยันจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีกด้านหนึ่งตนจะทำหนังสือถึง สน.พญาไท เพื่อเสนอแผนการอยู่ร่วมกันของประชาชนที่อาศัยอยู่ที่สี่แยกอุรุพงษ์

          ในส่วนปัญหาด้านความสะอาด และรถสุขา ตนได้ขอความอนุเคราะห์กับทาง กทม. เข้ามาช่วยเรื่องน้ำฉีดล้างถนน รถที่มาสูบถ่ายรถสุขา ส่วนการใช้พื้นที่ตนได้หารือกับอาสาสมัครที่ดูแลด้านความปลอดภัย ก็จะมีการปรับเต้นท์ เปิดพื้นที่บางพื้นที่ในช่วงเวลาทำการ เพื่อให้รถเข้ามาถึงพื้นที่ด้านในได้ และปรับพื้นที่ใหม่ในช่วงที่จะมีการปราศรัย ส่วนช่วงที่จะมีการทำกิจกรรมกำลังหารือกันอยู่ว่าอาจจะปรับลดระยะเวลาการเปิดเวที จากเดิมปิดเวทีประมาณเที่ยงคืนก็จะลดลง

          ส่วนประชาชนที่ได้รับความเสียหายทางเราก็ยินดีที่จะชดเชยค่าเสียหายให้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพื่อจะได้อยู่ร่วมกัน ใช้พื้นที่ร่วมกัน โดยแผนเหล่านี้ตนก็จะทำเป็นหนังสือยื่นทาง สน.พญาไท ส่วนประเด็นที่สอง ในหนังสือตนก็จะขอใช้พื้นที่ที่ทำเนียบรัฐบาล หากผลการเจรจาการใช้พื้นที่ตรงนี้ไม่เป็นผล ซึ่งเสร็จจากนี้จะเดินเท้าไปยัง สน.พญาไทเพื่อยื่นหนังสือ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร

        นายนิติธร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปนำตัวเด็กนักเรียนที่มาขึ้นเวทีมาสอบสวน กำลังจัดเตรียมพยานหลักฐานสอบข้อมูลเด็ก และเตรียมส่งทนายไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกัน ส่วนการปราศรัยคืนนี้ช่วงเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. ตนจะยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลว่าควรจะทำอะไรเพื่อประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในประเทศนี้ จึงขอเชิญชวนมาร่วมการปราศรัยดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายอุทัยกล่าวย้ำว่า ในวันนี้การชุมนุมยังไม่มีการยกระดับ ยังคงปักหลักชุมนุมในที่นี้

คลิปปะทะเดือด "มท.3" แฉภาพ "สมจอบ" กลางวงสื่อมวลชน


คลิปปะทะเดือด "มท.3" แฉภาพ "สมจอบ" กลางวงสื่อมวลชน 
"คุณไปอยู่ในม็อบ ผมไม่ตอบคำถามคุณ คุณทำเกินหน้าที่"



          ที่ห้องโถงอาคารรัฐสภา วันนี้ (17ต.ค.) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย รับหนังสือร้องเรียนพร้อมภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ จากนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี กทม. นำเครื่องปั่นไฟของราชการไปอำนวยความสะดวกการชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ซึ่งเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและอาจผิดต่อระเบียบราชการเพราะนำทรัพย์สินของทางราชการมาใช้ประโยชน์ โดยมิชอบ กระทรวงมหาดไทยรับปากว่าจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน2สัปดาห์ โดยเตรียมเชิญม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อไป

        นายวิสาร กล่าวว่า จากการที่ตนกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งมีผู้ชุมนุมอยู่ประมาณ 400 คน แต่กลับมีผู้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันแล้วกว่า 20 ราย โดยการชุมนุมเปิดเผยในที่สาธารณะสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน ขณะเดียวกัน กทม.ก็มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แต่ก็ไม่ใช่สนับสนุนการชุมนุมจนเกินเลย

          ดังนั้น ถ้าใครกระทำผิดเกินเลยหน้าที่ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งการลงโทษคงไม่ได้ถึงขั้นรุนแรงอยู่แล้ว อาจจะเป็นการตักเตือนก่อน หรือหาของทางราชการเสียหายก็ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ตนเชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. อาจจะไม่ทราบเรื่องนี้ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้องของผอ.เขต หรือผอ.สำนักโยธาฯ มากกว่า ที่อาจจะเชียร์ม็อบแล้วไปสนับสนุน หรืออาจะเป็นการให้ความช่วยเหลือตามปกติ แต่ถ้าเกินความเป็นธรรมเรื่องนี้ก็ต้องตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ตนไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นตอบโต้ทางการเมือง และยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้งใครแต่เราก็ไม่ควรไปสนับสนุนม็อบให้กีดขวางการจราจร


       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์ น.ส.สมจิตต์ เครือนวสุนทร  ผู้สื่อข่าวช่อง 7 ได้พยายามสอบถาม นายวิสารถึงท่าทีของรัฐบาลว่า กำลังกดดันผู้ว่าฯกทม.เพื่อให้ไปจัดการกับม็อบใช่หรือไม่ ซึ่งนายวิสารปฏิเสธตอบคำถามของ น.ส.สมจิตต์ เนื่องจากเห็นว่าไปเข้าร่วมชุมนุมกับม็อบดังกล่าว พร้อมกับโชว์ภาพจากโทรศัพท์มือถือ และระบุว่า “มีผู้ส่งรูปถ่ายมาให้ตนหลายภาพโดย 1 ใน 40 คนของผู้ร่วมชุมนุมก็มีคุณสมจิตต์อยู่คนเดียวที่เอาสุนัขไปเลี้ยง ไปอยู่ที่นั่นกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งผใไม่อยากขยายความ และคุณก็อยู่ในม็อบ ผมไม่อยากตอบคำถามคุณ และคุณสมจิตต์ทำหน้าที่เกินเลยความเป็นนักข่าว”

        นอกจากนี้ ก็ยัง มีเยาวชนอายุแค่ 16-17 ปี มาร่วมการชุมนุม และมีรูปถ่ายถูกมาจากการจัดตั้งทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน รวมถึงมีชาวบ้านมาร้องเรียนถึงกระทรวงมหาดไทยว่าอยู่อาศัยไม่ได้ เนื่องจากม็อบส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งตนก็เห็นว่าผู้ชุมนุมมีแค่ 40 คน แต่ต้องกางเต้นท์ ปิดถนน มีส้วมหน้าบ้าน จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และการรับเรื่องของนายพร้อมพงศ์ในวันนี้ ไม่ได้บอกว่าผู้ว่าฯกทม. ถูกหรือผิด เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามหลักฐาน กระบวนการของกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐนิติธรรมต้องมีความเสมอภาค ซึ่งต้องตรวจสอบว่าใครทำผิด ก็ต้องว่าไปตามระเบียบ