วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

DSI รับคดี "จัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ-ไทยเข้มแข็ง 5 พันล้าน"


DSI รับคดี "จัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ-ไทยเข้มแข็ง 5 พันล้าน"


น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางเข้าพบ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้ข้อมูลการทุจริตในการจัดซื้อครุภัณฑ์ฯ ของสำนักคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะ 2 ไทยเข้มแข็ง งบประมาณ 5,300 ล้านบาท ในฐานะพยาน โดย นายธาริต กล่าวว่า การสืบสวน พบว่า เรื่องดังกล่าวมีมูลเบื้องต้นที่จะทำการสืบสวนต่อไปได้ ทาง DSI จึงได้รับเป็นคดีพิเศษ พร้อมวางแนวทางในการสืบสวนไว้ 5 ประเด็น อาทิ ครุภัณฑ์ฯ มีราคาสูงเกินจริงหรือไม่ มีคุณลักษณะที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือไม่ 

ขณะที่ น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับ พนักงานสอบสวนในทุกด้าน และเชื่อว่าการกระทำทุกอย่าง ทำอย่างถูกต้องและโปร่งใส โดยมีเอกสารหลักฐานต่างๆ มายืนยัน พร้อมกันนี้ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ได้กล่าวว่า จากการสืบสวน พบว่า มีการกระทำผิดเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การตั้งวงเงินงบประมาณสูงเกินจริง ไปจนถึง การฮั้วประมูลกับบริษัทเอกชนอย่างไรก็ตาม คาดว่า น่าจะมีข้าราชการระดับสูง และนักการเมือง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวด้วย เนื่องจาก โครงการไทยเข้มแข็งเป็นโครงการที่ได้รับความเห็นชอบมาจากฝั่งการเมือง รวมไปถึงในการเซ็นอนุมัติวงเงินการจัดซื้อครุภัณฑ์ฯ มูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จะเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

"ทักษิณ" ไปจีน ครอบครัวบินเยี่ยมอบอุ่น!

"ทักษิณ" ไปจีน ครอบครัวบินเยี่ยมอบอุ่น!
รูปภาพ 




นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภาพมาเยี่ยมคุณพ่อ (พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) ที่ประเทศจีน ดังมีข้อความต่อไปนี้

“หลังจากได้ทำบุญตักบาตรร่วมกับคุณแม่ที่เมืองไทย น้องอิ๊งค์อยากมาหาพ่อครับ ผมกับน้องเอมเลยพามาเซอร์ไพรส์คุณพ่อที่ปักกิ่งเป็นของขวัญวันเกิด พอเจอคุณพ่อปั๊บโดดกอดกันกลมเลยครับ หลังจากทานอาหารเย็น คุณพ่อเลยมีเซอร์ไพรส์น้องอิงค์ด้วยการสั่งเค้กมาเป่าเบิร์ดเดย์ย้อนหลัง ก็ถ่ายรูปมาฝากกันเช่นเคยครับ เวลาจะดูก็ขอให้ดูร่วมกับโพสต์ที่แล้วที่ตักบาตรร่วมกับคุณแม่ จะได้พร้อมหน้าพร้อมตา ครบทั้งครอบครัวพอดี อ่อ!! ใครที่ชอบจับผิดว่าโอ๊คตัวปลอมโพสต์เฟสบุ๊ค เดี๋ยวมั่วเป็นพญาไม้มั่ง เดี๋ยวมั่วเป็นเปรี้ยวมั่ง ที่ผ่านมาโกหกทั้งเพ แต่ครั้งนี้จริงครับ ผมไม่ได้โพสต์เองแน่นอน เพราะที่นี่เขาบล็อคเฟสบุ๊ค เข้าไม่ได้เลยครับ ต้องส่งทาง email ให้ทีมงานโพสต์ให้ อารมณ์นี้มั๊งครับที่ทีมโฆษกบางพรรคฯ เสนอให้บล็อคเฟสบุ๊ค,ทวิตเตอร์,ยูทูป ในไทยทั้งหมด ใช้สมองซีกไหนคิดเนี่ย เฮ้อออ.... ก่อนนอนไม่มีเฟสบุ๊คดูนอนไม่หลับแน่ รมณ์เสียเว้ย!!!”  
น้ำลดตอผุด! เงินหาย2หมื่นล้าน มาร์คทำสัญญาขาย1.9ล้านตัน ขายจริงแค่2พันตัน

        กลุ่มผู้อกหักส่งออกข้าวจากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่ผ่านมา เสนอ "กิตติรัตน์" ตรวจสอบสัญญาย้อนหลัง สงสัยรัฐเสียประโยชน์ เหตุเอกชนไม่มารับมอบข้าว เผย "เอ็มทีฯ" ได้รับสัญญาขายข้าวกว่า 1.9 ล้านตัน แต่ส่งออกจริงแค่ 2,000 ตัน ตั้งคำถามส่วนที่เหลือหายไปไหน

แม้ว่านางพรทิวา นาคาศัย กับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี จะกลายเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับอดีตรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ผลการอนุมัติขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อการส่งออกไม่น้อยกว่า 1.9 ล้านตัน มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ผู้ส่งออกข้าวในเครือเม้งไต๋ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ อ.ม่วงสามสิบ ที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 10 ล้านบาท ยังไม่จบ

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้มีผู้ส่งออกข้าวที่ผิดหวังจากการเปิดประมูลดังกล่าว ได้เรียกร้องให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลย้อนหลัง ในสมัยของนางพรทิวา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบายข้าวไปแล้ว 3-4 ล้านตัน จากเดิมที่มีสต๊อกอยู่ในระดับ 5-6 ล้านตัน ในเดือนมกราคม 2553

ทั้งนี้ รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ทยอยระบายสต๊อกข้าวเรื่อยมาจนถึงลอตสุดท้ายที่เปิดระบายในเดือนสิงหาคม 2553 และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เนื่องจากเป็นการเปิดประมูลเฉพาะกลุ่ม ส่งผลให้มีบริษัทผู้ส่งออกข้าวเพียง 4 รายเท่านั้นที่สามารถซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้ ประกอบด้วย บริษัทเอเชีย โกลเด้นท์ไรซ์ บริษัทนครหลวงค้าข้าว บริษัทข้าวไชยพร และบริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด

แหล่งข่าวกล่าวว่า 3 บริษัทแรกถือเป็นท็อปไฟฟ์ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ และมีความสามารถที่จะเข้าถึงข้าวในสต๊อกรัฐบาลมาทุกสมัย ส่วนบริษัทเอ็มทีฯนั้นน่าสนใจมากกว่า เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดเล็กและไม่เป็นที่รู้จักในวงการ แต่คว้าสัญญาซื้อขายข้าวไปได้ถึง 1.9 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าที่ 3 บริษัทข้างต้นได้รับ แม้ว่าถึงที่สุดแล้ว เอ็มทีฯจะไม่สามารถหาเงิน 690 ล้านบาท มาวางค้ำประกันสัญญาซื้อขายข้าวทั้ง 1.9 ล้านต้นได้ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ต่อมามีข้อน่าสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายข้าว ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในขณะนั้น ได้อนุมัติให้เอ็มทีฯซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้อีกเป็นครั้งที่ 2 ในปริมาณ 450,000 ตัน มูลค่า 5,000 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่การทำสัญญาข้าวลอตแรก 1.9 ล้านตันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า บริษัทไม่มีความสามารถในการหาเงินมาวางค้ำประกันได้

นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าสังเกตว่าการขายข้าวให้เอ็มทีฯทั้ง 2 ลอต เป็นราคาที่เท่ากันทั้ง 2 ครั้ง ในราคาตันละ 12,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ราคาข้าวในตลาดขณะนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในระดับตันละ 13,000-14,000 บาท นั่นหมายความว่า นอกจากจะให้โอกาสกับบริษัทนี้แล้ว ยังให้ขายข้าวในราคาที่รัฐขาดทุนด้วย

"การขายข้าวลอตที่ 2 ไม่ได้จบลง แค่นี้ เพราะมีกระแสข่าวว่า มีการนำเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ของวิทยาลัยโปลีเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาให้บริษัทนี้วางค้ำประกันค่าข้าว แต่เรื่องก็เงียบไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่"

ล่าสุด ได้มีการตรวจสอบข้อมูลการส่งออกข้าวของคณะกรรมการตรวจข้าว-คณะกรรมการสาขาข้าว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า บริษัทเอ็มทีฯมีการส่งออกข้าวในระดับที่ต่ำ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการได้รับสัญญาซื้อขายข้าวจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยปี 2553 มีปริมาณส่งออกข้าวไปเพียง 480 ตัน และช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 ส่งออก 1,430 ตัน รวมมีปริมาณการ ส่งออกข้าวไม่น่าเกิน 2,000 ตัน

รัฐบาลชุดที่ผ่านมาเปิดระบายข้าวใน สต๊อกครั้งสุดท้ายในช่วงเดือนสิงหาคม 2553 คาบเกี่ยวต้นปี 2554 มีปริมาณข้าวส่งออกประมาณ 4 ล้านตัน และหากคำนวณการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 600,000-700,000 ตัน จะต้องใช้เวลาประมาณ 5 เดือน (150 วัน) หรือส่งออกหมดไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ตามที่บริษัทผู้ส่งออกข้าวที่ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลขอขยายระยะเวลารับมอบข้าวจาก 90 เป็น 150 วัน

"ตรงนี้เราอยากให้คุณกิตติรัตน์เข้ามาตรวจสอบการส่งออกข้าวของบริษัทที่ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลในสมัยที่ผ่านมา ว่ามีการทำสัญญา การค้ำประกัน ทยอยรับมอบข้าวกันอย่างไร และมีการทิ้งสัญญาไม่มารับมอบข้าวหรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้ว รัฐบาลจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ หากเกิดกรณีไม่ยอมวางค้ำประกัน หรือไม่มารับมอบข้าว มีการลงโทษหรือไม่ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปแบบนี้" แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนกรณีการเปิดรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดใหม่ที่กำหนดไว้ว่า จะรับจำนำข้าวขาว 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 20,000 บาท ล่าสุดได้มีการเรียกประชุมเพื่อชี้แจงนโยบายการรับจำนำข้าวกับทุกภาคส่วน มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ปรากฏที่ประชุมไม่สามารถกำหนดแนวทางและวิธีการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี