วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


ASTV ตอแหลรายวัน กุข่าวนายกยิ่งลักษณ์ ไปดู นัง กากา 
ASTV กุข่าว ตอแหลรายวันอีกแล้ว
และควายเหลือง สลิ่มหลากสี ก็ถูกจูงแล้วจูงเล่า โถเจ้าควาย
เจ้าเดิม มัลลิกา บุญมีตระกูล จอมตอแหล

http://redusala.blogspot.com

ฝากคำถามถึงนปช.และแกนนำ…

ฝากคำถามถึงนปช.และแกนนำ… 
Started by ดาบมะเขือเทศ, 
Today, 09:55 AM
Posted Today, 09:55 AM  
(อ้างอิงจาก เวบบอร์ด IF)
ฝากคำถามถึงนปช.และแกนนำ….
โดย แด่เพื่อน ผู้เดือดร้อน 
เมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 เวลา 15:50 น. ·

            หากเพื่อนๆ ที่รู้จักมักคุ้นกันดี คงทราบว่าปกติแล้ว ปลา “แทบจะ” ไม่เคยเอ่ยก้าวล่วงใครจริงๆ จังๆ ให้ต้องเสียกำลังใจกันเลย แต่ งานรำลึกครบรอบ 2 ปี ในวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา บอกตามตรงว่า “เคือง” จนต้องยอม “ออกตัว พลีชีพ”... และเตรียมใจพร้อมรับความเห็นต่าง เพราะในวันนี้ เราคงจะต้องวิจารณ์อย่างไม่ต้องเกรงใจ และรักษาหน้า รักษายศกันอีก  

                 ไปเพื่อก่อร่างสร้างชีวิตประชาชนให้ “เป็นไท” อย่างแท้จริง

            จริงอยู่การต่อสู้ของคนเสื้อแดง ทุกคนทุกข์ยาก ลำบาก และสู้ร่วมกันมาอย่างอดทน ด้วยความเต็มใจ พี่ น้องประชาชนจำนวนมาก หลายคนหยุดงานสูญเสียรายได้ หลายคนอดหลับอดนอน ใช้จ่ายเงินทองที่หาได้ยากในสมัยนี้ เดินทางไกลหลายร้อยกิโล......เพื่อมาร่วมงาน ตากทั้งแดดร้อน และฝนตก แต่ทุกคน มาด้วยใจ     เขาเหล่านี้มาเพื่ออะไร ???

             ความทุ่มเทของเขาเหล่านี้ สมควรแล้วหรือ กับสิ่งที่เขาได้รับ

             - มาฟังขวัญชัย ไพรพนา พร่ำเพ้อถึงแต่วีรกรรม “ผมลงจากเวที คนสุดท้าย หลังจากจตุพรเข้ามอบตัว” ..... คุณขวัญชัยคะ ..... พูดเพื่ออะไร?? มวลชนอีกจำนวนมาก ยังคงยืนอยู่ ณ.จุดเดิม ....ในเวลาที่คุณ “หนี” ลงจากเวที และเขาเหล่านั้นละทิ้งลานประหารอีกนานหลายนาทีต่อจากนั้น พวกเขาเสี่ยงชีวิต น้อยกว่าคุณหรืออย่างไร ? คุณรู้จัก “คุณผุสดี งามขำ – หญิงเสื้อแดงคนสุดท้าย” ไหม?? ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เราต้องใช้คำใหม่ เวลาคิดจะเรียกใครว่า “หน้าตัวเมีย” อย่างที่คุณเป็น.... ในวันที่พามวลชนไปอนุสรณ์สถาน

             - มาเพื่อบริจาคหรือ? …….. ไม่ว่า วันนี้ หรือก่อนหน้านี้ สิ่งหนึ่งที่เวทีนปช.ดูจะกระทำจริงจังเสียเหลือเกิน คือ การตั้งโต๊ะบริจาค .... ราวกับรีดเลือดกับปู จริงอยู่มวลชน อยาก”ให้” ด้วยนิสัยพื้นฐานส่วนใหญ่เป็นคนแบ่งปัน การใช้วาทกรรม “คนเสื้อแดงไม่ทิ้งกัน” ยิ่งบีบรัดลึงให้เขากระเบียดกระเสียรเงินที่มีอยู่น้อยนิด แบ่งปันบริจาคไป ด้วยหวังว่าสุดท้ายจะย้อนกลับมาหามวลชน ผลที่ได้คืออะไร.... ช่วงสลาย - เงินบริจาคมากมาย หายไปพริบตาพร้อมกับข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หราว่าเกิดศึกภายใน น้องภรรยาคุณวีระรวบหัวรวบหาง เปิดแน่บ เงินบริจาคของมวลชนที่ควรจะใช้จ่ายฉุกเฉินสำหรับพี่น้องเราที่บาดเจ็บ ล้มตาย อยู่ไหน??? หลังสลาย 1 ปี – เวทีนปช.กลับมาใหม่ พร้อมตั้งโต๊ะรับบริจาคอีกครั้ง

              ด้วยข้ออ้าง... เพื่อเยียวยามวลชน ...ในฐานะที่เราติดตามเรื่องเยียวยาและเคยติดต่อประสานงานเช่นกัน คำถามคือ เงินนั้น ได้นำมาใช้ประโยชน์จริงๆ หรือ ติดต่อกี่ครั้ง จบลงที่....”นปช.ไม่มีเงินแล้ว” และระดมบริจาคใหม่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลังสลาย 2 ปี – ในวันที่ได้เป็นรัฐบาล และมีทีท่าว่ามวลชนจะได้รับเงินเยียวยา ... คุณยังคงตั้งโต๊ะบริจาคอยู่ เพื่อ???

               ข้อนี้ หากใครจะเถียงแทน ได้โปรดเถียงมา เพราะอย่างน้อย จะได้ช่วยบรรเทาความเอือมระอาและผิดหวัง ในใจปลาให้น้อยลง การตั้งเวที ปลาเชื่อว่า คุณมีเงินสนับสนุนอยู่ก่อนแล้ว และอย่างน้อย หากใครสักคนจะต้องบริจาค ... มันสมควรแล้วหรือ ที่จะต้องเป็นมวลชนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่หาเช้ากินค่ำ ตรากตรำทำงานหนักและออกมาเรียกร้องเพื่อสิทธิและปากท้องที่ดีขึ้น

                - มาเพื่อ....จะโดนการ์ดวีไอพีทั้ง หลายผลัก ดัน และตะคอกตะคั้น เพื่อให้หลบทางให้แก่ “แกนนำอำมาตย์” จริงอยู่ ฉันเรียนรู้ และเข้าใจได้ เรื่องการรักษาความปลอดภัยในแหล่งคนพลุกพล่านและจำนวนมากเช่นนี้ แต่หากคุณทำเช่นนี้ ปฏิบัติกับมวลชนราวกับไม่ใช่คน คุณอย่ามาเปลืองลมปาก พาใครไถ่ถามหาความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เลย เพราะแม้แต่คุณเอง ก็ไม่เคยมี ..... ฉันเคืองโกรธ ในนาทีที่เห็นการ์ดของ “แรมโบ้ อีสาน” ดันมวลชนให้หลบพ้นทาง ฉันตะโกนออกไปแบบดังๆ ว่า “เฮ้ย นี่มันม๊อบอำมาตย์นี่หว่า ไม่ใช่ม๊อบไพร่แล้ว” การ์ดหันมามองหน้าฉัน อย่างไม่สบอารมณ์ และฉันเอง...พร้อมมีเรื่อง! ไม่นับรวม “แก๊งค์นักรบองค์ดำ” ที่แหวกฝูงชน เพื่อให้ตัวเองได้เดินอย่างยิ่งใหญ่... อยากถามคุณคำหนึ่ง ในวันสลายการชุมนุมคุณ”สู้” อยู่ที่ไหน.... ในความทรงจำที่ฉันจำได้แม่น คือ พวกคุณหายไป ละทิ้งมวลชนไปจากราชประสงค์ ตั้งแต่ก่อนสลายร่วมอาทิตย์แล้ว ...... หากฉันเข้าใจผิด โปรดมาแก้ไข ... แต่หากฉันเข้าใจถูก .... คุณไม่คู่ควรแม้แต่จะมาเดินลอยหน้าอาจ-องอยู่ท่ามกลางมวลชนเสียด้วยซ้ำ ไม่ นับรวม “การ์ดทั่วไป” ที่นิยมอวดอ้างสรรพคุณความสามารถ ชำนาญการในการใช้อาวุธ ให้แก่ทุกคนที่พบเจอ .... โดยไม่สนใจความเจ็บปวดของมวลชนที่ต้องถูกสังคมตราหน้าว่า “ผู้ก่อการร้าย” และโดนยิงตายทั้งๆ ที่มือเปล่า

                - มาเพื่อฟังแกนนำและคุณทักษิณ กู่ร้องลอยลมเรื่องการปรองดอง ในวันที่หัวใจมวลชนอัดอั้นไปด้วยความเจ็บปวด เคียดแค้น และสูญเสีย ใครหลายคนยังมีภาพวันคืนหฤโหดคอยตามหลอกหลอน และครอบครัวอีกหลายครอบครัวสูญเสียคนที่เขารักไปตลอดกาล.... ฉันเติบโตมาท่ามกลางกระแสการเมืองตั้งแต่วัยเยาว์ เรียนรู้และเข้าใจในสัจธรรมของนักการเมืองได้ดี จึงเลือกที่จะเงียบในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา แต่ในวันนี้ ความอดทนอดกลั้น หมดลง ... ฉันเกลียด....นัก “เล่นการเมือง” ที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นแค่เรือรั่วเก่าๆ ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะอุดรูรั่วให้เขา แต่เมื่อคุณถึงฝั่ง กลับถีบเรือนั้นให้จมลง .... ฉันภาวนาว่าคุณจะไม่เป็นแบบนั้น.....

               ในวันนี้ฉันออกมาสู้ มาเสี่ยง มาตามหาความจริง พิสูจน์ให้ตัวเองและโลกเห็นว่ามวลชนเสื้อแดงไม่ได้เลวร้าย อย่างที่ใครๆ กล่าวหา ในวันนี้ฉันต้องยอมเจ็บตัว เปิดหน้า “เลือกข้าง” ยอมสูญเสียสัมพันธภาพอันดีกับเพื่อนหลายคน เพื่อให้ตัวเองได้มา”ยืนเคียงข้างชาวบ้าน” อย่างแท้จริง....

ในวันที่ 19 พ.ค. 53 ฉันละทิ้งชีวิต เลือกที่จะไม่กลับบ้านทั้งๆ ที่มีโอกาส เลือกที่จะไม่ละทิ้งผู้บริสุทธิ์ในแดนประหารเดียวกัน....

               หลัง จากวันนั้น ฉันทุ่มเททั้งความสามารถ เงินทอง และเวลา เพื่อที่จะติดตามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ สูญหาย และผู้เสียชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...... บากหน้าไปขอความช่วยเหลือใครๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่ปกติวิสัยอย่างที่ควรจะเป็น

               ใน วันที่ 12 มี.ค. 54 ….. .ในวันที่มีการรณรงค์มาตรา 112 โดยยังปราศจากการให้ความรู้มวลชนอย่างเป็นรูปธรรม ในกลิ่นอบอวลของวาทกรรมแกนนำ “กระสุนจากฟ้า, กระสุนพระxxxxบลา บลา บลา” อีกนับไม่ถ้วน ฉันเลือกที่จะจัดทำเอกสารจำนวนน้อยชุดตามกำลังเงิน ไปแจกจ่ายให้มวลชนได้แบ่งปันความรู้เรื่องข้อดี – ข้อเสีย ของมาตรานี้ เพื่อไม่ให้มวลชน “ตกเป็นเหยื่อ” แต่ ฉันโดนจับ...ส่งตำรวจ โดยที่ตำรวจเอง หลังจากอ่านเนื้อหา ก็ยอมรับด้วยตัวเอง ว่าไม่รู้จะยัดข้อหาให้ได้อย่างไร (ไม่รวมตำรวจนายหนึ่งที่พยายามจะสรรหาช่องโหว่มาเล่น) กอปรหลายคนจำนวนหนึ่งที่มาจากหลายกลุ่ม พยายามให้ความช่วยเหลือ .... ในครั้งนั้น ฉันผิดหวัง .... ไม่ได้เสียใจที่โดนจับ แต่เสียใจที่จนแล้วจนรอด เสื้อแดงคงจะเดินในแนวทาง “แนวร่วม” ที่พัฒนาความรู้ต่างๆ ให้มวลชนไม่ได้ .....

               ฉันแปลกใจ ว่าเหตุใด .... ในเมื่อมวลชนเสียเวลา เสียเงิน เสียชีวิตแล้ว แต่กลับไม่ได้อะไร แม้แต่ความรู้ติดตัวกลับไปจากการชุมนุมเลย อย่างมากก็ได้แค่ “เหล้า ร้องเพลง สังสรรค์ ถ่ายรูป และโคโยตี้?”  และการได้นั่งฟัง บรรดาแกนนำ พูดย้ำๆ ซ้ำๆ ในเนื้อหาที่ไม่ต่างไปจากเดิม และราวกับวิกลจริต ..... วันหนึ่งพูดหมิ่นเหม่เรียกเสียงเฮจากแม่ยก แต่อีกวันปราบปรามคนคิดหมิ่นเหม่

               สิ่งเหล่านี้ ไม่อาจจะนำพาสิ่งที่พวกคุณเสี่ยงชีวิตออกมาสู้ให้มันมาถึงมือคุณได้หรอก

                *** สิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากร และ ประชาธิปไตย น่ะหรือ ..... มันแค่ความฝันที่ห่างไกล ***

                ฉันไม่ใช่แดงก้าวหน้า ฉันไม่ใช่แดงพรรค ฉันไม่ใช่แดงนปช. ฉันไม่ใช่แดงทักษิณ   สิ่งที่ฉันเป็น คือ ประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เฝ้าดูการเติบโต และความทุกข์ยากที่ชาวบ้านต่อสู้กันมานาน และหวังเพียงว่า มันควรจะถึงเวลาที่ ประชาชน “ไม่ใช่อากาศธาตุ และมดงาน” ให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นเครื่องต่อรอง

                หากคุณทักษิณ แกนนำ และนปช. มีแนวทางที่ต่างออกไปจากนั้น เราอาจจะต้องถึงเวลาแยกทาง ต่างคนต่างเดิน และเป็นปรปักษ์ต่อกัน

ขอแสดงความนับถือ...........................ในจิตวิญญานแห่งประชาชน
อุทิศแด่......
พี่สุวัน ศรีรักษา
ลุงบุญมี เริ่มสุข
พี่คิม – ฐานุทัศน์ อํสวสิริมั่นคง
และผู้สูญเสียทุกคน... 
http://redusala.blogspot.com

A solemn reflection of May 19 bloody crackdow

คลิปการชุมนุมคนไทยในL.A.รำลึก 2 ปี 19 พฤษภา 53



ดร. พิทยา พุกกะมาน 


A solemn reflection of May 19 bloody crackdown


A solemn reflection of May 19 bloody crackdown

ดร.พิทยา พุกกะมาน             As Thailand comes to a full two-year cycle of the bloody crackdown of pro-democracy protesters by armed security forces on the fateful day of May 19, 2010, all Thais who are imbued with the spirit of democracy and justice, Red Shirts and non-Red Shirts alike,  came together to commemorate the tragic event at the Rajprasong Intersection on Saturday, May 19, 2012.  This was not the occasion for rejoice or revelry.  But it is the occasion to reflect on the brutal crackdown ordered by the Abhisit government which had no legitimacy whatsoever to cling on to power.  Two years have passed, but the same group of people still entertains no shame or decency when it categorically denies or even justifies the cold-blooded murder of at least 91 innocent civilians whose only demand was a reinstatement of a democratic regime supported by the majority of the Thai people.  This people have made a mockery of democracy and the constitution which, ironically, was crafted to suit its own existence.  Backed by the military and fascist zealots, the regime in power at that time had indulged in murderous violence and cold-blooded impartially in the choice of victims.  This tyrannical trio, consisting of some elements of old-guard politicians, military, and elitists had no scruples in callously slaughtering innocent civilians in order to maintain a backward regimented society where the Thai people who were not deemed to be their own creed were brutally subjugated and gunned down with impunity.


            After the formation a democratically elected government of Prime Minister Yingluck Shinnawatra nearly a year ago, we are still witnessing a struggle against militarism and a certain form of fascism.  It is the struggle that pits civilization against savagery, the 21st century against medieval era, the forces of progress against the forces of backwardness, an enlightened governance against dictatorial regime, democracy against totalitarianism, and those who sanctify life against those who are trigger happy murderers.  The primitivism of the latter has no place in the 21st century society where the allure of freedom, democracy, liberty, and technological advances is too pervasive for all Thais not to embrace.  Ultimately, democracy, not modern day fascism, should win the day.  The democratic forces had won an election and a majority in the legislative branch, but the battle with the dictatorial forces is far from over.  



As Thailand approaches the crucial crossroad towards progress or degeneration, the challenge facing all Thais is how to prevent dictators and tyrants from seizing power again in our country.  All Thais have to rise to the call of democracy and take action against the dictators who took power by force in 2006 and subsequently stole an election in broad daylight and indiscriminately sprayed live bullets on pro-democracy protesters who died at the Rajprasong Intersection two years ago, choking in their own blood.  Will the Thai people and international community thwart these pernicious practitioners of mass murder?  It is prime time for all Thais to act in unison with at least a hundred thousands of freedom loving Thais who assembled at the Rajprasong Intersection on Saturday, May 19, 2012 to commemorate the brutal crackdown 2 years ago.
http://redusala.blogspot.com

จุดยืนของสอาด  กับท่านทักษิณ ชินวัตร

จุดยืนของสอาด  กับท่านทักษิณ ชินวัตร

โดย...”สอาด จันทร์ดี”

            กระแสของคนเสื้อแดงในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความร้อนแรงยิ่งกว่าฟ้าสะเทือน  ทำให้ฝ่ายตรงข้ามของท่านอดีตนายกรัฐมนตรี  “พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร” ได้ทีขี่แพะไล่ พากันออกอากาศ “ด่าทอ” สนุกปากไปเลย  ทำให้คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งพลอยเป็นเหยื่อในกระแสดังกล่าว   แล้วก็พากันวิพากษ์วิจารณ์สุดเหยียด จนลืมไปว่าการคล้อยตามกระแสดังกล่าว คือการกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง

            ในเว็ป pchannelnews.com ตรงนี้ก็มีความเห็นดาษดื่นที่แสดงความคิดเห็นเล่นงานท่านทักษิณอย่างหนัก  โดยที่ผมไม่ได้กีดกันแต่อย่างใด  จนทำให้หลายคนเข้าใจว่าผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มมีอารมณ์กับท่านทักษิณเช่นเดียวกับคนอื่นที่กำลังโหนกระแสอยู่ในขณะนี้

            ผมขอกราบเรียนว่าผมมี “จุดยืน” กับท่านทักษิณอย่างมั่นคง  โดยไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น  ทั้งนี้ก็เพราะผมเป็นคน “นอกระบบ” ที่ไม่มีทางจะได้ดีทางการเมือง ผมไม่เหลืออะไรเอาไว้เพื่อการต่อรองและไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้อง “กอด” ท่านทักษิณ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง

             ดังนั้น ผมจึงอยากเขียนแสดงตัวตนอันเป็นจุดยืนของผม ดังนี้

             ขอกล่าวว่านับแต่ปี พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา  ผมเพิ่งจะได้พบ “นักการเมือง” ระดับนายกรัฐมนตรี คือฯพณฯ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนแรกที่สามารถ “เข้าใจ” ต่อแนวทางแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ ซึ่งก่อนหน้านั้น ผมเคยได้ยินแต่คำพูด แต่เอาเข้าจริง ไม่มีใครทำได้  ผมต้องคอยถึง  44 ปี จึงได้มีคนที่ทำได้จริง คือ ฯพณฯ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร



                      Serichon


           แต่ทว่า...สิ่งที่ท่านผู้นี้ทำได้  ได้กลายเป็น “หอกทิ่มแทง” ต่อชะตาชีวิต ท่านถูกลอบสังหาร หวังจะฆ่าให้ตาย รวมทั้งถูกปฏิวัติรัฐประหาร ถูกใส่ร้ายป้ายสีหาว่าฝักใฝ่อยากเป็นประธานาธิบดี  ถูกพิพากษาให้ติดคุก ถูกไล่ล่าข้ามทวีป ถูกยึดทรัพย์ และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้าย กลายเป็นหัวหน้าล้มล้างสถาบันหรือ “ล้มเจ้า”  ดังที่ทุกท่านเคยได้ยินมาจนแก้วหูแทบแตก

             ท่านทักษิณถูกกระทำอย่างทารุณโหดร้าย ราวกับว่าท่านผู้นี้ไม่ได้มีคุณงามความดีแม้แต่น้อย และสุดท้าย แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ตามก็ยังไมมีว่าแววว่าจะได้กลับบ้าน นอกจากจะไม่มีวี่แววให้เห็น ยังมีข่าวดังกระหึ่มอยู่ตลอดเวลาว่า  กลับมาเมื่อไหร่ ตายเมื่อนั้น

             สิ่งเหล่านี้ ย่อมเป็นที่ตระหนักแก่ใจของคนเสื้อแดง
             ตัวของท่านทักษิณเองก็ตระหนักแก่ใจของตนเองอย่างยิ่ง

             ปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดเคืองในหัวใจของคนเสื้อแดงก็คือ  ทุกคนอยากเห็น ฯพณฯ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่  เก่งกล้าสามารถ ประเภทยอมหัก ไม่ยอมงอ

             ตรงนี้เอง คือปัญหาที่กำลังทะลักขึ้นสู่ทรวงอกของคนเสื้อแดงที่มีอารมณ์เกรี้ยวกราดทันทีที่ได้รับฟังการแสดงออกด้วยการพูดของ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ทั้งจากเวทีของ “เพชร จอมประดับ” และเวทีสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2555

             ในค่ำคืนวันนั้น ผมแหวกมวลมหาประชาชนขึ้นไปบนเวทีได้สำเร็จ มองลงไปด้านล่างพบภาพตระการตาของคนเสื้อแดง  แดงสะพรั่งเหมือนต้นดอกจานกลางทุ่งกุลาร้องให้  ผมมองดูภาพในค่ำคืนวันนั้นด้วยความประทับใจสุดจะบรรยายได้

             แต่นอนที่สุด...หัวใจของพ่อแม่พี่น้องที่หลั่งไหลมาจนแน่นราชประสงค์ ล้นไปถึงสวนลุมฯ  ย่อมจะแตกต่างจากหัวใจที่เคยชุมนุมในหลายๆครั้งที่ผ่านมา  ทั้งนี้ก็เพราะหัวใจ “19 พค.55” มันเป็นหัวใจอยากไล่จับไอ้ตัวฆาตกรเอาลงโทษให้ได้

             ฆาตกรที่เห็นอยู่เต็มตาคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
              และฆาตกรอีกคนคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

              ดังนั้น  หัวใจที่เดือดปุดๆ  มันย่อมไม่อยากได้ยินคำพูดปลอบประโลมใดๆอีกแล้ว
เพราะในหัวใจอยากฟังว่าใคร..คนไหน จะเป็นแม่ทัพ  ไล่จับตัวฆาตกรเอามาลงโทษ  ผมว่านะถ้ามีใครอ่านหัวใจพ่อแม่พี่น้องคนเสื้อแดงในค่ำคืนวันนั้นออกและตรงประเด็น...แล้วพูดออกมาให้ได้ยินด้วยหูว่า  จะไม่ปล่อยให้สองฆาตกรร้ายลอยนวล  ผมก็เชื่อว่าเสียงไชโห่ร้องจะดึงกระหึ่ม กึกก้อง

              ใช่...เสียงปรบมือดังแผ่นเบา  พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำดังกระหึ่มไปจนทั่ว  แล้วก็กลายเป็นขี้ปากให้ฝ่ายค้าน  ถือเป็น “จุดบอด”  ที่ท่านทักษิณกำลังก้าวพลาด

              พลาดก็พลาด...ให้พลาดไป  แล้วเริ่มต้นใหม่ไม่ยากเลย (ผมว่า)

              นั้นก็คือคนเสื้อแดงเองก็อย่าคิดว่า “ขาดทักษิณ” แล้วจะชนะอำมาตย์ได้อย่างสดใส
              คนเสื้อแดงอย่าได้บังคับให้ทักษิณกลายเป็นกระทิงบ้า  ไล่ขวิดโดยไม่เลือกเป้า 
 

              ประการสำคัญ  คนเสื้อแดงจงรีบลับดาบและเขี้ยวเล็บในยุทธศาสตร์แห่งการปฏิวัติ  ที่จะต้องจัดการกับแนวคิดของตนเองให้ล้ำเลิศ  เฉิดฉาย ให้รู้ว่าซุ่มซ่อนยาวนาน รอคอยโอกาส ไม่ได้หมายถึง 100 วันข้างหน้า  มันอาจจะเนิ่นนานเป็น 10 ปีก็ได้

              ที่สำคัญที่สุด  ขอให้คนเสื้อแดง ยืนอยู่ข้างทักษิณ  ยิ่งลักษณ์  พรรคเพื่อไทย  บ้านเลขที่ 111 และรวมถึงแกนนำน้อยใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แล้วจงไตร่ตรองให้ดีว่า ถ้าสติปัญญาของคนเสื้อแดงผนึกเข้าและรวมกันเป็นหนึ่งได้  ไม่หวั่นไหวกับ “คำพูด” เพียงไม่กี่ประโยคที่หูได้ยิน  ก็จะก้าวผ่านความพ่ายแพ้ไปได้ในเวลาไม่กี่ปี ไม่นานเกินรอ คนเสื้อแดง...ชนะแน่ ?!

               ผมจึงขอประกาศ “จุดยืน” ของผมให้ทราบว่า  ผมถือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นแม่ทัพใหญ่ในเวทีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่แสนจะแหลมคม...และลี้ลับ   ซึ่งจุดยืนของผม ยืนอยู่ข้าง พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ  ชินวัตรอย่างไม่มีเงื่อนไข  และพร้อมเสมอที่จะทำงานให้โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทน  โดยขอประกาศถวายหัวว่าการทำงานทั้งปวง  แปรมาเป็นกองหนุนให้กับเครือข่ายของคนเสื้อแดง แดงทั้งแผ่นดิน...คือ “นปช.” กับพรรคเพื่อไทย .

                            “สอาด จันทร์ดี”

http://redusala.blogspot.com