วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555


หน้ากากแม้ว 3 มิติ

หน้ากากแม้ว 3 มิติ
      ทันใดที่ทักษิณเหยียบแผ่นดินลาว เปลือกโลกก็ร้าว จนเกิดแผ่นดินไหวที่สุมาตรา สร้างปัญหาให้ทีวีพูล

        ผมแซวลงเฟซบุค แต่น้องพุก หาดใหญ่ ส่งข้อความมาว่า ทักษิณซื้อปลาอานนท์ไปแล้วต่างหาก 5555

       โถ ก็ขนาดคาร์บอมบ์ภาคใต้ ยังโทษได้ว่าเป็นเพราะทักษิณไปเจรจาจะเอาเงินซื้อพูโล

       นึกถึงหัวอกสลิ่ม เห็นคนเสื้อแดงเป็นหมื่นๆ ข้ามชายแดนไปกัมพูชา แห่แหนรดน้ำทักษิณ คงคับแค้นแน่นอก เที่ยวสงกรานต์ไม่มีความสุข ได้แต่นั่งสวดมนต์ภาวนา สันติ อหิงสา โพกผ้ายึดสนามบิน เออ จะสวดไปทำไม ในเมื่อทำใจไม่ได้ เปี่ยมไปด้วยโทสะโมหะ ก็แค่เอาพระมาอ้างว่าตัวข้าธัมมะธัมโม

       ในจิตใจอันคับแค้น ทุรายทุรน มืดมนไม่เห็นทางออก พวกเขาคงคิดว่าหมดสิ้นแล้ว อนาคตของชาติบ้านเมือง ต่อไปนี้ลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร พวกไพร่ราบชั้นต่ำยกแผ่นดินให้คนชั่ว เอาทรัพยากรพื้นที่ทับซ้อนไปขายให้ลูกหลานพระยาละแวก (ทำยังกะตัวเองเป็นคนดีนักหนา แต่อย่าลืมว่าการด่าทักษิณทำให้คนด่าเป็นคนดียิ่งขึ้น)

        ฉะนั้นในอารมณ์สนานส่วนตนของผม ใครจะว่าทักษิณมาลาว กัมพูชา ผิดถูกทางยุทธศาสตร์อย่างไรก็แล้วแต่ อย่างน้อยก็ “เกรียน” สะใจดีครับ มันเป็นความท้าทายที่มาเหยียบใกล้จมูกอำมาตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการคิดค้นสัญลักษณ์ “หน้ากากแม้ว” ให้มวลชนเสื้อแดงใส่เดินทางกลับประเทศ เสมือนพาทักษิณกลับบ้านมาด้วย 

TSmask
      หน้ากากเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ผมยังเด็กๆ ดูหนัง Zorro หน้ากากเสือ อินทรีแดง Zorro ฉบับฝรั่งเศสที่นำแสดงโดยอเลน เดอลอง (ไม่ใช่ฉบับอเมริกันที่นำโดย แอนโตนิโอ แบนเดอราส) เป็นผู้นำการปฏิวัติฝรั่งเศสทลายคุกบาสตีลล์นะครับ ถึงแม้ 2-3 ปีที่ผ่านมา หน้ากากVendetta จะกลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านทุนสามานย์ก็เหอะ


         “หน้ากากแม้ว” ในมุมมองนี้ จึงเป็นสัญลักษณ์ประท้วงความไม่ยุติธรรม ความไม่เสมอภาค สองมาตรฐาน ที่ไม่ใช่แค่ของทักษิณคนเดียว แต่มีด้วยกัน 3 มิติ คือตัวทักษิณเอง มวลชนเสื้อแดง และประชาชาติกัมพูชา

        นี่คือการแสดงออกร่วมกัน 3 ฝ่าย ไม่เฉพาะทักษิณ แต่เป็นการแสดงพลังของมวลชน ที่พวกเขาก็ไม่ได้รับความยุติธรรม เริ่มแรกอาจเกิดจากความไม่พอใจที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามว่าโง่ ขายเสียง ต่อมาก็เป็นการถูกปราบปรามในเทศกาลสงกรานต์ 2 ปีซ้อน แม้ได้ชัยชนะถล่มทลายจากการเลือกตั้ง แต่อำนาจนอกระบบก็ยังสกัดขัดขวางอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งทุกวิถีทาง

       ขณะที่ในส่วนของกัมพูชา แน่นอน นี่คือเกมของฮุนเซน ที่หวังประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่อีกมุมหนึ่งมันก็อยู่บนฐานความรู้สึกคุกรุ่นของประชาชาติกัมพูชา ที่นอกจากมีประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดกับสยามมาหลายร้อยปี ใน 4 ปีมานี้ พวกคลั่งชาติไทยยังเอาปัญหาพรมแดนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขัดขวางการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร สัญลักษณ์แห่งความภูมิใจของคนเขมรทั้งชาติ ปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังยิ่งกว่าสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เสียปราสาทพระวิหารไปจริงๆ เสียอีก

       คนไทยที่เกลียดฮุนเซนไม่สำนึกว่ายิ่งปลุกความเกลียดชังก็ยิ่งเข้าทางฮุนเซน เพราะพวกเขาปลุกความเกลียดชังโดยอาศัยฐานความคิดชาตินิยม อาศัยจิตใต้สำนึกที่ว่าเขมรเคยเป็นเมืองขึ้นมาก่อน อาศัยจิตใต้สำนึกว่าคนเขมรต่ำต้อย ซึ่งมีแต่จะทำให้ประชาชนเขมรยิ่งสนับสนุนฮุนเซนและเกลียดไทย

       ไม่ปฏิเสธหรอกนะครับที่นักวิชาการบางท่านบอกว่าทำอย่างนี้แล้ว ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลเป็นพรรคอื่นจะมีปัญหาความสัมพันธ์กับกัมพูชา แต่ไอ้นั่นมันของแหงอยู่แล้ว ไม่ต้องจัดงานสงกรานต์ครั้งนี้ก็เกิด ตราบใดที่มีรัฐบาลชาตินิยมเราก็มีปัญหากับเขาไปทั่วไม่ว่าพม่า เขมร ลาว

 ตัวประกันประชาธิปไตย

        การที่คนเป็นหมื่นๆ เดินทางข้ามประเทศไปหาคนคนเดียว เป็นปรากฏการณ์ที่ชาวโลกไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน อันที่จริงถ้าไปง่าย ถ้าไม่ติดวันครอบครัว คงมีคนไปเป็นล้าน

       ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าทักษิณได้กลับเมืองไทย เดินทางไปจังหวัดต่างๆ แล้วจะเกิดภาพบาดตาบาดใจมากมายแค่ไหน

        การที่ประชาชนเป็นล้านๆ แห่แหนชื่นชม น.ช.ผู้ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แปลว่าอะไรครับ

      น.ช.ผู้เดินทางมาแล้วรอบโลก ไม่ใช่แค่ลาว กัมพูชา อาฟริกา ตะวันออกกลาง แต่รวมถึงยุโรป ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น

       ถามว่าถ้าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ทำคดี CTX (ที่ท่านว่าหมูๆ แป๊บเดียวเสร็จ) พิสูจน์ได้ว่ามีเงินเข้ากระเป๋าสมุนบริวาร แล้วถ่ายโอนมาให้ทักษิณหรือพจมาน ชาวบ้านชาวช่องและชาวโลกเขาจะต้อนรับทักษิณอย่างนี้ไหม

       หรือถ้า อ.แก้วสรร อติโพธิ์ สามารถเอาคดีบ้านเอื้ออาทรที่ท่านเล่าเป็นฉากๆ ว่ามีการโอนเงินให้คนใช้ แล้วโยงใยให้เห็นว่าทักษิณหรือครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้อง ชาวบ้านชาวช่องและชาวโลกเขาจะต้อนรับทักษิณอย่างนี้ไหม

        นี่เปล่าเลย คุณอุดม เฟื่องฟุ้ง ดีใจเหมือนได้แก้วตอนได้เอกสารว่าทักษิณเซ็นชื่อยินยอมให้พจมานซื้อที่ดิน แล้วคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็กลายเป็นการตีความกฎหมายต่างกันของตุลาการ 5 ต่อ 4 ว่านั่นเป็นการทำผิดกฎหมาย ปปช.มาตรา 100 แม้ไม่ทุจริตก็ติดคุก

        คำพิพากษาจึงกลายเป็นชนัก แต่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมอยู่ที่การพิสูจน์ความจริงให้สาธารณชนเห็น เมื่อความจริงปรากฏว่า “ไม่ทุจริต” แต่ผิดเพราะการตีความกฎหมาย ซึ่งใครก็เห็นต่างกันได้ เลือกตุลาการมาอีก 9 คนก็อาจกลายเป็น 6 ต่อ 3, 4 ต่อ 5 หรือ 3 ต่อ 6 คำพิพากษาแทนที่จะสยบความนิยมต่อทักษิณก็กลายเป็นด้านกลับ

        ยึดทรัพย์เพราะ “ได้ประโยชน์โดยไม่สมควร” ที่ไม่ได้พิสูจน์ว่าทุจริตอีกนั่นแหละ คำพิพากษาเป็นแค่คำประณามความไม่สมควร ซึ่ง คตส.ลอกมาจาก ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ แต่ไม่ได้พิสูจน์ว่าเกิดจากการสั่งการของอดีตนายกฯ และไม่ได้แยกผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้จากนโยบายรัฐบาลเช่นเดียวกับบริษัทต่างๆ ในตลาดหุ้น สาธารณชนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตัดยึดแค่หลังจากวันที่เป็นนายกฯ และในทางสากล นักกฎหมายนานาชาติก็มึนตึ้บกับกฎหมายไทย โดยเฉพาะกฎหมาย ปปช.

         เมื่อเริ่มแรกที่ทักษิณกลายเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน อารยะประเทศใช่ว่าจะยอมรับ โดยเฉพาะแถบยุโรป ซึ่งแม้ไม่ยอมรับรัฐประหารแต่ก็มองทักษิณเหมือนซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี มหาเศรษฐีผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน และอำนาจนิยม แต่พอนานาชาติได้เห็นกระบวนการไล่ล่าเอาผิด ได้เห็นการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของมวลชนเสื้อแดง ภาพลักษณ์ทักษิณก็เปลี่ยนไป

         อันที่จริงทักษิณหมดความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำแล้ว เลือกตั้ง 2 เมษา 2549 พรรคไทยรักไทยแพ้กระทั่งโนโหวต แต่รัฐประหารตุลาการภิวัตน์ไปทำให้ทักษิณกลายเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สร้างความชอบธรรมให้ “หน้ากากแม้ว” เองต่างหาก

         อย่างไรก็ดี ถึงตอนนี้เมื่อพลังประชาธิปไตยกลับมาได้ชัยชนะขั้นต้นในการเลือกตั้ง ทักษิณก็กลายเป็น “ตัวประกัน” ที่ถูกจองจำไว้ด้วยคดี คตส. คนที่เซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ดิน ยังกลับเข้าประเทศไม่ได้ แต่คนที่เซ็นชื่อให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง จนมีคนตาย 98 ศพ บาดเจ็บอีก 2 พันกว่าคน ยังลอยหน้าลอยตากล่าวหาว่าทักษิณจับประเทศเป็นตัวประกัน

        นี่คือความยุติธรรมหรือ มิพักต้องพูดถึงการนิรโทษกรรมให้คณะรัฐประหารและผู้อยู่เบื้องหลัง

        ในมุมหนึ่ง ผมเห็นใจทักษิณ กับชะตากรรมที่ได้รับ ถ้าผมเป็นทักษิณ ก็ต้องอยากหาหนทางเลิกแล้วต่อกัน ขอเพียงทำอย่างไรให้กลับบ้านได้ นี่เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม
        แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากการที่ทักษิณได้กลับบ้าน ต้องแลกกับการ “ลืมอดีต” นิรโทษกรรมให้คนที่สั่งฆ่าประชาชน ซึ่งลอยหน้าลอยตาท้าทาย เอา 2 แลก 1 (รู้ตัวว่าไม่มีค่าพอแลก 1 ต่อ 1) เส้นทางแห่งความชอบธรรมที่เดินมาตลอดก็จะมีปัญหา และกลายเป็นว่าเอาทักษิณไปแลกกับความยุติธรรมที่ประชาชนควรจะได้รับ

       ที่สำคัญคือ ถ้าฝ่ายตรงข้ามยอม “ปรองดอง” รับผิด เลิกแล้วต่อกัน มันก็พออนุโลมได้ แต่นี่ไม่ใช่ ทั้งแมลงสาบและอำมาตย์ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร ยังแสดงท่าทีตะแบง แข็งกร้าว ปลุกพลังความคิดสุดขั้วสุดโต่งขึ้นต่อต้าน แล้วจะไปปรองดองกับเขาทำไมครับ ยิ่งปรองดองก็ยิ่งเสียความชอบธรรม ต้องยอมให้เขาข่มขี่เอาทุกอย่าง เพื่อแลกกับตัวประกันคนเดียว

       พลังประชาธิปไตยชนะมาขั้นหนึ่งแล้ว หนทางข้างหน้า ก๊กเล่าปี่ผู้อ่อนแอมีแต่จะพ่ายแพ้ ประชาธิปไตยแบบอำมาตย์นับวันรอกาลอวสาน ทำไมต้องกลัวที่จะเดินหน้าไปสู่ชัยชนะ ถ้าต้องกลัวก็มีแต่กลัวความอ่อนแอ และไม่กล้าต่อสู้ถึงที่สุด เห็นเพียงประโยชน์เฉพาะหน้าของนักการเมืองเอง

      ฉะนั้นถ้ารัฐบาลจะนิรโทษกรรม ก็ควรนิรโทษกรรมเพียงประชาชนผู้ถูกจับกุมคุมขัง นิรโทษกรรมทหารชั้นผู้น้อยที่ทำตามคำสั่ง ส่วนแกนนำ ผู้สั่งการ ต้องพิสูจน์ความจริงและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม (แม้เขาได้เปรียบ ที่อ้างตัวบทกฎหมาย แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมคือการพิสูจน์ความจริงให้โลกรู้)

        ส่วนที่เหลือก็ “เสี่ยสั่งลุย” แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยึดหลักการ เหตุผล เป็นหลักมากกว่าจะคิดเกี้ยเซี้ย อย่าลืมว่าที่ชนะมาจนได้เป็นรัฐบาล ก็เพราะหลักการประชาธิปไตย เพราะความไร้สติของฝ่ายตรงข้าม และเพราะชีวิตเลือดเนื้อของมวลชน

      สวมจิตใจจักรภพ เพ็ญแข หน่อยเถอะครับ ทักษิณไม่จำเป็นต้องกลับบ้าน ก็อยู่อย่างสง่างามแล้ว ภาพที่ประชาชนหลั่งไหลไปพบคือข้อพิสูจน์ รอบหน้าก็ไปจัดงานวันเกิดที่ท่าขี้เหล็ก หรือทำบุญเข้าพรรษาที่เมืองห้วยทราย อยู่อย่างยิ่งใหญ่ กับกลับมาแบบเจี๋ยมเจี้ยม จะเลือกแบบไหน

                                                                                    ใบตองแห้ง
                                                                                    13 เม.ย.55
http://redusala.blogspot.com