วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คดีเสื้อแดงสู้อีก 10 ยกยังไม่จบ

“ประยุทธ์” ลั่น คดีเสื้อแดงสู้อีก 10 ยกยังไม่จบ
 
       เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ ( 27 พ.ย. ) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะดำเนินการปิดคดีผู้เสียชีวิต 98 ศพ จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ว่า ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในช่วงของการไต่สวน เนื่องจากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีผู้เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้า หน้าที่ทหาร เมื่อผลการไต่สวนออกมาทางเจ้าหน้าที่ก็นำไปฟ้องศาลอาญา หากศาลรับคำร้องก็จะต้องดำเนินการต่อไป ส่วนทางกองทัพบกก็จะต้องดำเนินการอุทธรณ์เป็นคดีทั่วไป เพราะฉะนั้นต้องสู้กันอีก 10 ยกยังไม่มีจบ
       เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบ ให้ลงนามในการเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากถามกลับไปว่าลงนามได้หรือไม่ และผิดกติกาอะไรหรือไม่ ถ้าลงนามได้ก็ลงนามไป หากไม่คิดว่าประเทศชาติเสียประโยชน์ก็ลงนามไป และประชาชนทั้งประเทศก็ดูเอาเองว่าถูกหรือไม่ เพราะตนก็ไม่ทราบ ทุกคนต้องมาร่วมรับผิดชอบประเทศชาติด้วยกัน เพราะเราอยู่ด้วย 3 ระบบคือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ หาก3 ระบบนี้ยุ่ง มันก็ไม่ใช่ประเทศแล้ว ขณะนี้ 3 อำนาจยังอยู่หมด เพราะฉะนั้นอย่าไปหาอำนาจอื่นภายนอกให้มายุ่งวุ่นวาย เพราะแค่นี้ก็ยุ่งพออยู่แล้ว

       เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัง กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้สื่อมวลชนเขียนให้คนทั่วไปเข้าใจว่ากองทัพเป็นกลไกของประเทศชาติ มีหน้าที่แก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว ขอย้ำว่าเราต้องทำตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ โดยเฉพาะทหารที่มีกติกาและวินัยทหารอยู่ ถ้าบอกว่าตนไม่ทำเพราะไม่รักประเทศ ตนคิดว่ามันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องว่ามันควรจะทำอะไรเมื่อไหร่ เมื่อมีกระบวนการยุติธรรม มีกระบวนการประชาธิปไตย และมีการอภิปรายในสภาฯ ทุกคนต้องให้ความสนใจ ไม่ใช่เมื่อมีประชาชนสองฝ่ายทะเลาะกันแล้วจะให้ทหารก็ไปรบเพียงอย่างเดียว อย่างนี้ประเทศชาติก็เกิดความเสียหาย

       ขณะที่พ.อ.วินธัย  สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตในช่วงที่มีการชุมนุมปี 53ในหลายคดีที่กล่าวอ้างว่าเสียชีวิตจากการกระทำของทหารว่า สถานการณ์ในช่วงนั้นทหารถูกกดดันต่อต้านด้วยอาวุธสงครามจากกลุ่มผู้ไม่หวัง ดีปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมตลอดเวลา จนบางครั้งถึงขั้นต้องถอนกำลังออก เพื่อลดการสูญเสียโดยต้องเปลี่ยนจุดวางกำลังใหม่ เนื่องจากถูกต่อต้านด้วยอาวุธอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่ามีบุคคลอื่นนอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ ได้มีการใช้อาวุธสงครามกระทำต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่ในหลายเหตุการณ์ ช่วงที่มีการชุมนุมฯ  โดยเฉพาะจุดที่มีทหารประจำอยู่ ทำให้ทหารจะต้องมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เรื่องวิถีกระสุนเองในหลายคดีก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ได้แน่ชัด เพราะทหารได้ตรวจพบว่ามีการใช้อาวุธมาจากหลายทิศทางมาก ยากลำบากในการตรวจจับเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมสิ่งก่อสร้างที่เป็นตึกและอาคาร ขนาดใหญ่ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คืออาวุธปืนของทหารที่ถูกปล้นยึดไปจำนวนมากเมื่อ เม.ย 53 หลายครั้งสามารถตรวจพบได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวถูกนำมาใช้อยู่ในหลายเหตุการณ์ ด้วยกัน และล่าสุดจำนวนหนึ่งเพิ่งมีคนแอบมาทิ้งคืนไว้  แต่ก็ยังไม่ครบ  เพราะฉะนั้นสังคมคงต้องร่วมพิจารณาดูเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ด้วย

       พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมทางการเมือง กองทัพบกไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กล่าวอ้างถึงทหาร  และยืนยันได้ว่าทหารทุกคนมีความรักชาติและรักสถาบัน แต่ด้วยบ้านเมืองเรามีกรอบกติกาและกฎหมาย อีก ทั้งมีองค์กรอิสระมากมายที่จะดำเนินการตามหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ ประเทศชาติ  ควรให้กระบวนการเหล่านี้ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เสธ.อ้ายยื่นหนังสือเอาผิดรัฐ ประกาศขอยุติบทบาท

เสธ.อ้ายยื่นหนังสือเอาผิดรัฐ ประกาศขอยุติบทบาท



       เมื่อวันที่ 30พ.ย.เวลา 11.00 น.ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานสมาคมองค์การพิทักษ์สยาม ในฐานะผู้แทนองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย เข้ายื่นหนังสือต่อ นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน  เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการประกาศ การบังคับใช้กฎหมาย การกระทำ การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 หรือไม่


         พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนมีความประสงค์ที่จะร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ กระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ จึงเข้ามายังผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณาไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

         นายศรีราชา กล่าวขณะรับยื่นหนังสือว่า จะดำเนินตามกฎหมายของผู้ตรวจ วันนี้ยังสรุปคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ คงต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน ส่วนจะดำเนินการต่อไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องดูว่าอยู่ในอำนาจของผู้ตรวจหรือ ไม่ อย่างไรก็ตามจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด

         ต่อมาเมื่อเวลา 11.20 น. พล.อ.บุญเลิศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายศรีราช เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าในวันนี้มายื่นว่าก่อนชุมนุมเราทำหนังสือแจ้งหน่วยงานต่างๆเรียบร้อย แต่รัฐบาลมาประกาศพรบ.ความมั่นคง ทำให้พื้นที่ชุมนุมถูกตัดเป็น 2 ท่อน คนจะมาจากต่างจังหวัดก็ลำบากห้ามใช้รถโดยสารมา พอมาก็ทำกับพวกเรารุนแรงมีการใช้แก๊ซน้ำตา มีการปล่อยงูพิษ ทำให้คนที่จะมาเป็นล้านก็มาไม่ได้ จึงเลิกชุมนุม และยืนยันว่าการชุมนุมปราศจากอาวุธและไม่มีการไปยึดสถานที่ราชการ และรัฐบาลออกกฎหมายความมั่นคงภายในซึ่งไปขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะก่อนหน้านั้นมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญก็บอกอนุญาตให้ชุมนุมได้ ก็ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและนำเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญ

         เมื่อถามว่าน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แกนนำองค์การพิทักษ์สยามบอกเรื่องยังไม่จบเตรียมการเคลื่อนไหวต่อ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ขอยุติบทบาท เพราะพูดไปแล้วว่าไอ้พล.อ.บุญเลิศ มันได้ตายไปแล้วก็ยืนยันอีกครั้ง เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อถามย้ำว่าแล้วที่แกนนำองค์การพิทักษ์สยามจะเคลื่อนไหวอีก พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า องค์การพิทักษ์สยามยังมีอยู่ยังทำงานกันอยู่เช่นดูแลคนถูกจับกุม ดูแลผู้บาดเจ็บ ส่วนจะเคลื่อนไหวอีกเมื่อไหร่นั้นไม่ทราบต้องไปถามโฆษกองค์การพิทักษ์สยาม เพราะจบบทบาทตนเองแล้ว เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์หลังปีใหม่อาจจะมีม๊อบแดงเหลืองมาปะทะกัน พล.อบุญเลิศ กล่าววา เป็นคนโง่ประเมินอะไรก็ไม่ถูก.

ศาลถอนประกัน ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ กรณีข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ

ศาลถอนประกัน ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ กรณีข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ


         30 พ.ย.2555 เวลา15.30น.ศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวของนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ส่วนสส.พรรคเพื่อไทยแกนนำ นปช. อีก 4 คนรอด ทั้งนี้ศาลเพิ่มเงื่อนไขห้ามขึ้นเวที ยุยงปลุกปั่น ห้ามออกนอกประเทศ

        ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.15 น.ที่ผ่านมาศาลได้นัดสอบถามการเพิกถอนคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.จำเลยคดีก่อการร้ายรวม 6 คน คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย  นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล สส.กทม. พรรคเพื่อไทย และนายภูมิกิติหรือ พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง โดยเฉพาะนายก่อแก้ว ถูก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องและส่งพยานวัตถุแผ่นซีดีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ ต่อศาลเพื่อชี้ให้เห็นว่ามีกระทำผิดเงื่อนไขการประกัน  เนื่องจากนายก่อแก้ว มีพฤติการณ์ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 และเสนอให้ตัดงบประมาณศาลรัฐธรรมนูญ

        ภายหลังการเบิกความจำเลยทั้งหมด ในกรณีของนายก่อแก้วนั้น ศาลเห็นว่าให้เพิกถอนคำสั่งการประกันตัว เพราะไม่แน่ใจในกรณีที่ว่าหากปล่อยตัวไปจะมีการพูดยุยงปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งอาจนำมาสู่ความวุ่นวายทางการเมืองอีก และนายก่อแก้วอยู่ในสถานะ ส.ส. และเป็นแกนนำเสื้อแดง เมื่อกล่าวเช่นนั้นในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังมีคำวินิจฉัยก็อาจจะทำให้ ประชาชนเข้าใจได้ว่านายก่อแก้วกำลังข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลจึงเห็นว่าควรเพิกถอนชั่วคราวนายก่อแก้วจนกว่าจะมีค่ำสั่งเป็นอย่างอื่น
ส่วนแกนนำคนอื่นๆ นั้น ที่ศาลอนุญาตให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งต่างกันทั้งเงื่อนเวลาและเงื่อนไข จึงเห็นสมควรให้มีการกำหนดเงื่อนไขใหม่คือการปล่อยตัวชั่วคราวในครั้งนี้ ห้ามกระทำการใดๆ ที่เป็นไปในลักษณะดูหมิ่น ปลุกปั่น ยุยง กระทบกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี และเดินทางออกทนอกราชอาณาจักรจนกว่าจะได้รับอนุญาต

        จากนั้นนายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องควบคุมผู้ต้องขัง บริเวณใต้ถุนศาลอาญา เพื่อเตรียมนำตัวเข้าไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยคาดว่าจะมีการนำตัวนายก่อแก้วไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ เหมือนกับกรณีเจ๋ง ดอกจิก ต่อไป

***************************************
       30 พ.ย. 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. หลังจากที่ศาลอาญาได้นัดสอบถามพยานฝ่ายนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย(พท.) และนัดฟังคำสั่งว่าจะถอนประกัน หรือไม่ ในคดีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 5 คน โดยเฉพาะกรณีนายก่อแก้ว แถลงที่รัฐสภา ทำนองเรียกร้องให้คนเสื้อแดงร่ำลาครอบครัว หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครอง และให้จับกุมตัวตุลาการรัฐธรรมนูญ

โดยวันนี้ ศาลนัดให้นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่  5 เพียงคนเดียว  นำพยาน 3 คนเข้าเบิกความตอบคำถามทนายความเพื่อหักล้างคำร้องของนายนิพิฏฐ์และ สำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ


ล่าสุดศาลได้สั่งเพิกถอนประกันนายก่อแก้ว(จำเลยที่5) เนื่องจากศาลเห็นว่าในการแถลงข่าวที่รัฐสภาเมื่อวันที่17ก.ค.2555 และกรณีไปปราศรัยที่ย่านมีนบุรีผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะคำแถลงดังกล่าวเป็นการมุ่งร้าย ช่มขู่ต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนจำเลยอีก4ราย ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำ นปช. นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย ศาลยกคำร้อง โดยศาลได้เพิ่มเงื่อนไขห้ามขึ้นเวที ยุยงปลุกปั่น และห้ามออกนอกประเทศ

โดยเวลา 16.15 น.  ศาลอ่านคำสั่งมีใจความว่า พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า มีเหตุสมควรเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จำเลยที่ 3 , นพ.เหวง จำเลยที่ 4, นายวิภูแถลง จำเลยที่ 10, นายการุณ  จำเลยที่ 9 และนายภูมิกิติหรือ พิเชษฐ์ จำเลยที่ 11 หรือไม่ เห็นว่า จากพยานหลักฐานที่ปรากฏในชั้นนี้กับข้อเท็จจริงที่ศาลได้สอบถามจำเลยที่ 3, 4, 9,10 และ 11 แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ 3, 4, 9,10 และ 11 ได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชนและร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองหรือแสดงความคิดเห็น ทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงใดที่แสดงว่าจำเลยที่ 3, 4, 9,10 และ 11 กระทำการใดๆ อันเป็นการผิดเงื่อนไขที่ศาลได้กำหนดในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และยังไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 3, 4, 9,10 และ 11 ได้กระทำการใดๆอันถือว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือภัยอันตรายประการอื่น จึงยังไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 3, 4, 9,10 และ 11

ส่วนนายก่อแก้ว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งใจความว่า ลักษณะถ้อยคำที่จำเลยที่ 5 แถลงออกมาไม่เพียงแต่เป็นการยั่วยุ ปลุกระดม กลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนทั่วไปในสังคม เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนอาจลุกขึ้นมากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อต่อ ต้านการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงตามที่จำเลยที่ 5 กล่าวไว้ ก่อให้เกิดเหตุไม่สงบวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง นอกจากนี้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็น 1 ในแกนนำของคนเสื้อแดงออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เป็นการส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงเข้าใจได้ว่าสิ่งที่จำเลยที่ 5 แถลงคือมติของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ 5 ว่าต้องการให้ผู้ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับฝ่ายของตนรวมทั้งตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญที่กำลังทำหน้าที่เข้าใจว่าจำเลยที่ 5 สามารถควบคุมมวลชนให้กระทำการตามที่ตนกล่าวได้ หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาในทางตรงข้ามกับที่จำเลยที่ 5 ต้องการ เป็นการกล่าวข้อความยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม ทั้งต่อมวลชนฝ่ายตนเองและฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง ถึงขนาดที่จะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน อันเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งไว้ และยังถือได้ว่าจำเลยที่ 5 อาจก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น จึงยังไม่แน่ว่าหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 ต่อไป จำเลยที่ 5จะไปกล่าวหรือแถลงข้อความในทำนองยั่วยุ ปลุกปั่น อย่างใดอีก

กรณีมีเหตุสมควรที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 หมายขังจำเลยที่ 5 ไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

อนึ่ง เนื่องจากในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 3, 4, 9, 10 และ 11 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระยะเวลาที่ต่างกัน เงื่อนไขในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไม่เหมือนกัน จึงเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 3, 4, 9, 10 และ 11 เสียใหม่ โดยให้มีเงื่อนไขเดียวกัน จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 3, 4, 9, 10 และ 11 โดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามจำเลยที่ 3, 4, 9, 10 และ 11 กระทำการใดๆอันเป็นการดูหมิ่นผู้อื่น หรือยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยที่ 3, 4, 9, 10 และ 11 เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

ภายหลังศาลมีคำสั่งเพิกถอนปล่อยชั่วคราวนายก่อแก้ว บรรดาแกนนำ นปช. นายณัฐวุฒิ นายจตุพร น.พ.เหวง นางธิดา นายวิภูแถลง นายยศวริศ นายวีระกานต์ ต่างเดินเข้าไปพูดปลอบและให้กำลังใจนายก่อแก้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายก่อแก้ว ซึ่งเดินออกมาพร้อมชูสองนิ้ว ขึ้นรถตู้นำตัวไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ทันที โดยมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ขับนำหน้า ส่วนแกนนำคนที่เหลือก่อนเดินทางกลับก็ได้เดินไปพูดคุยกับมวลชนที่มารอให้ กำลังใจพร้อมบอกว่า “ไม่เป็นไร เราจะสู้กันต่อไป” หลังจากนั้นแกนนำที่เหลือก็ได้เดินทางกลับทันที 

นายพลปากพล่อยพลิกลิ้น

จากวันนั้น มันบอกว่า เสธ.อ้ายตายแล้ว

วันนี้ ชายชาดตะหานมันบอกว่า พร้อมรีเทิร์น - หากประชาชนเรียกร้องย้อนเวลาม็อบ!กับวาทะยอมแพ้'เสธ.อ้าย ตายแล้ว'

 17.40 น. หลังจาก พล.อ.บุญเลิศ ได้ประกาศยุติการชุมนุม แต่ประชาชนที่มาชุมนุมยังไม่ยอมเดินทางกลับ ทำให้ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงอีกครั้งเมื่อเวลา ว่า "อยากจะกล่าวว่าเสียใจ และพล.อ.บุญเลิศ มันได้ตายไปแล้ว"

       "พล.อ.บุญเลิศ" ระบุขณะนี้ไม่ขอเป็นแกนนำ - อพส. ยังไม่ได้คุยกันภายในว่าใครจะเป็นแกนนำ อาจเป็น "พล.อ.ปฐมพงษ์" หรือ "น.ต.ประสงค์" ก็ได้ แต่ก็พร้อมกลับมาทำหน้าที่แกนนำหากประชาชนเรียกร้อง

 นสพ.มติชน ฉบับ วันที่ 28 พ.ย. รายงานว่าเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 พร้อมภรรยากว่า 30 คน และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี ได้เข้าพบ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ที่สนามม้านางเลิ้ง เพื่อให้กำลังและมอบช่อดอกไม้ หลังจากที่ พล.อ.บุญเลิศประกาศยกเลิกการ ชุมนุมและประกาศยุติทุกบทบาทเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

จากนั้น พล.อ.บุญเลิศกล่าวถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของ อพส.ว่า ยังไม่มีกำหนดว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร ต้องการประชุมกันอีกที หากมีการระดมมวลชนอีก เชื่อว่าจะมีผู้ชุมนุมเข้าร่วมจำนวนมาก

"ทั้งนี้ ไม่ขอเป็นแกนนำแล้ว ส่วนใครจะขึ้นมาแทนนั้นยังไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกันภายใน อพส.ว่าใครจะเป็นแกนนำ ซึ่งอาจจะเป็น พล.อ. ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ หรือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ก็ได้ แต่หากประชาชนเรียกร้องให้ผมเป็นผู้นำในการชุมนุมครั้งต่อไปก็พร้อมรับ หน้าที่ต่อ" พล.อ. บุญเลิศกล่าว

ต่อคำถามที่ว่าห่วงหรือไม่ที่ถูกสมาชิกพรรคเพื่อไทยแจ้งความดำเนินคดีข้อ หากบฏและซ่องโจรระหว่างชุมนุม พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ไม่ห่วง แต่จะแจ้งความกลับอีกด้วย ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประกาศยกเลิกการชุมนุมมาจนถึงวันนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับคนใน รัฐบาล รวมไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่าวันนี้กำลังใจยังดีอยู่ ไม่ได้รับงานเพื่อมาจุดประกายในเรื่องของการชุมนุม สำหรับการดูแลเยียวยา ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ทาง อพส.จะเป็นผู้ดูแลเอง โดยจะตั้งศูนย์ช่วยเหลือ แต่จะต้องดูอีกทีว่า ตอนนี้มีเงินสำหรับการเยียวยามากน้อยเพียงใด และจะพยายามดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ "จะดูว่าเงินที่ได้รับบริจาคเหลือเท่าไหร่ แล้วจะช่วยคนละเท่าไหร่ ตามกำลัง ตอนนี้มีการคุยเรื่องนี้แล้ว ที่เราไปตั้งรับบริจาคได้ 5 แสนกว่า มีคนโอนเข้าบัญชีผมบ้างคนอื่นบ้าง 1 ล้านบาท รวมทั้งหมดไม่เกิน 2 ล้าน ต้องรอดูค่าเครื่องเสียงก่อนว่าจะเหลือเท่าไหร่" พล.อ.บุญเลิศกล่าว

ทั้งนี้ พล.อ.บุญเลิศ ได้เป็นแกนนำพาผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนประกาศยุติการชุมนุมในช่วงเย็น และประกาศยุติบทบาทในฐานะแกนนำ อพส. ก่อนมีข่าวว่าอาจกลับมามีบทบาทอีกดังกล่าว

  

เปิดโฉมหัวหน้ากบฏแช่แข็งคนที่2!

          แล้วพลันที่ม็อบ เสธ.อ้ายสลายตัวลงไป น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กลายเป็นผู้ที่แสดงตัวชัดแจ้งกว่าใครอื่นว่าจะเป็นแม่ทัพนำม็อบต่อไปในการ โค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีศาจคาบไปป์เจ้าของฉายาหน้าแหลมฟันดำให้เหตุผลว่า ในการต่อสู้กับนักการเมืองชั่วเราจะไปยอมแพ้และถอยไม่ได้เด็ดขาด จะต้องต่อสู้ตลอดไป

         นี่เป็นการส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าในม็อบที่จะเกิดขึ้นหลังปี ใหม่ 2556 ท่าทางจะต้องมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นแกนนำหลักอย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาถือว่าเขาเป็นคนที่มีบทบาทในการโค่นล้มรัฐบาลอยู่หลาย รัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา

         นี่ยังเป็นข้อสรุปที่บอกได้ว่า ถึงแม้จะไม่มี เสธ.อ้ายอีกต่อไป แต่กลุ่มความคิดสุดโต่งยังคงมี เสธ. อื่นๆอีกตั้งหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของฉายา CIA เมืองไทย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ! รายนี้ถือว่ามีความเก๋าเกมในการวางแผนโค่นล้มรัฐบาลเป็นประสบการณ์ทุนเดิม มากมาย





         เมื่อมองไปอย่างนี้แล้วจะเห็นได้ว่าพลังของม็อบโค่นล้มรัฐบาลในครั้งต่อ ไปคงจะไม่มีเพียงลำพังกำลังขององค์การพิทักษ์สยามเท่านั้น แต่ว่าจะมีเครือข่ายหลักๆอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้ามา เป็นแกนกลางด้วย และอาจจะยังมีอีกหลายภาคี ทั้งกลุ่มสันติอโศกที่นำทัพโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กลุ่มเสื้อหลากสีของ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ รวมทั้งกลุ่มกรีนที่เป็นคู่แฝดแยกออกได้ยากกับกลุ่มเสื้อเหลือง เพียงยังไม่ถึงสิ้นปีเราก็พอมองเห็นโฉมหน้าของกลุ่มกบฏแช่แข็งในโฉมใหม่กัน แล้ว เพียงแต่มีข้อสงสัยว่ายุทธการของกลุ่มที่จะแช่แข็งประเทศไทยกลุ่มใหม่นี้จะ เริ่มต้นกันตรงไหนและแปรขบวนไปอย่างไร?

        ในด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ข่าวคราวนี้สอดคล้องกันในหลายๆข่าว รวมทั้งข่าวกรองของสภาความมั่นคงแห่งชาติที่วิเคราะห์ว่าการเคลื่อนไหวของ ม็อบนั้นคงจะต้องเป็นหลังปีใหม่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมอาจจะเป็นการพักยกไประยะหนึ่งเท่านั้นเอง เครือข่ายของกลุ่มพันธมิตรฯเสื้อเหลืองก็วิเคราะห์ว่า ภายหลังปีใหม่ไปแล้วสถานการณ์น่าจะอยู่ในขั้นสุกงอมที่จะสามารถขับไล่รัฐบาล ได้

นี่เป็นการวิเคราะห์ที่แตกต่างจากการวิเคราะห์กลุ่มของ เสธ.อ้ายที่ผ่านมา!

การวิเคราะห์นี้อาจจะสอดคล้องกับกรณีคดี 98 ศพที่มีความคืบหน้าไปอย่างมากมายหลายคดี ตั้งแต่คดีของนายพัน คำกอง คดีของนายชาญณรงค์ พลศรีลา หรือคดีของนายชาติชาย ซาเหลา เป็นที่คาดหมายได้ว่าคดีที่สืบเนื่องมาจากการสลายการชุมนุมนี่เองจะเป็น ปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเร้าที่จะให้ม็อบโค่นล้มรัฐบาลนั้นเตรียมแปรขบวน ขึ้นมาสู่การปฏิบัติการ

          นอกจากจะเกี่ยวกับคดีสลายการชุมนุมแล้วอาจจะวิเคราะห์สืบเนื่องมาจากคดี ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร รวมทั้งม็อบของ เสธ.อ้ายที่ล้มเหลวนอกระบบ เหตุของความล้มเหลวทั้งหมดนั้นคงจะทำให้อำนาจแฝงเบื้องหลังต้องออกมาแสดงเอง อีกครั้ง โดยอาศัย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นแม่ทัพหลัก แต่การจัดทัพเที่ยวหน้านี้คงน่าจะจัดอยู่หลายกระบวนทัพทีเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าจะหนาแน่นเหมือนกับสงครามเก้าทัพหรือไม่? แต่ที่พอจะเข้าใจกันได้นั้นคงจะมีความพยายามปั่นกระแสชาตินิยมหรือความคลั่ง ชาติให้สูงมากกว่าปัจจุบัน เป็นไปได้ที่อาจจะมีการดึงเอาปัญหาความขัดแย้งทางกัมพูชามาเป็นชนวนเหตุที่ จะผลักดันสถานการณ์ให้เป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายของการโค่นล้มรัฐบาล

           กระแสตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่จะต้องจับตามองอยู่บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในเดือนเมษายน 2556 จะเป็นช่วงที่ศาลโลกอาจจะต้องตีความคำพิพากษาเขาพระวิหารตามการร้องขอของ ฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์ในช่วงดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่น่าจะโฟกัสเป็นอย่างยิ่งและไม่ควร กะพริบตาเด็ดขาด อีกทั้งสามารถคาดหมายได้ว่าการขับเคลื่อนโค่นล้มรัฐบาลในปีหน้านั้น สถานการณ์มีโอกาสจะกลายเป็นสงครามครั้งสุดท้ายได้ไม่ยาก มองในแง่โหราศาสตร์ก็มีความเป็นไปได้เช่นนั้น

          หรือในด้านการเมือง สนามเลือกตั้ง กทม. ที่เป็นสนามสำคัญก็จะมีการขับเคลื่อนในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย แน่นอนที่ฝ่ายประชาธิปัตย์คงไม่อยากที่จะพลาดหวังในสนาม กทม. เด็ดขาด เมื่อประเมินสถานการณ์โดยภาพรวมแล้ว ช่วงจังหวะของการประจันหน้าสัปยุทธ์ทางการเมืองครั้งใหญ่คงจะอยู่ในช่วง เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนแน่นอน น.ต.ประสงค์นั้นเป็นแม่ทัพที่รบนอกแบบ แต่ไม่รู้ว่าทัพของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจะรบอย่างไร? จะเล่นบทแนวร่วมแขนงไผ่กับ น.ต.ประสงค์สักแค่ไหนในการโค่นล้มรัฐบาล แต่ยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็คงจะไม่อยู่เฉย

         เพียงแต่ว่าจะหลบฉากอยู่ตรงส่วนไหนของขบวนการเท่านั้น และทัพนี้ก็ถือเป็นอีกทัพที่สำคัญเช่นเดียวกัน ทัพของแมลงสาบนั้นยั่งยืนมาโดยตลอด เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่สูญพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้ และยังคงไม่สูญพันธุ์ได้ง่ายๆ ขอให้จับตาดูให้ดี!

จ่อตั้งข้อหา เสธ.อ้าย นำผู้ชุมนุมฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความมั่นคง


          จ่อตั้งข้อหา เสธ.อ้าย นำผู้ชุมนุมฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความมั่นคง



         ตำรวจเร่งตรวจสอบ พยานหลักฐานก่อนตั้งข้อกล่าวหา “เสธ.อ้าย” ฐานให้มวลชนใช้ความรุนแรงฝ่าแนวกั้นตำรวจที่ประกาศตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง “เฉลิม” ชี้ม็อบไล่รัฐบาลยังไม่หมด แค่พักยก เชื่อมาอีกแน่แต่จะแรงแค่ไหน ใครเป็นแกนนำยังยากที่จะประเมินตอนนี้ เพราะมีหลายสายที่จะร่วมมือกัน ระบุยิ่งคดีฆ่าคนเสื้อแดงชัดเจนขึ้นเท่าไรยิ่งเป็นตัวเร่งให้มีการชุมนุมขับ ไล่รัฐบาลเร็วขึ้นเท่านั้น ด้านช่างภาพเอเอสทีวี ทีนิวส์ ขึ้นโรงพักแจ้งดำเนินคดีตำรวจทำร้ายร่างกาย
+++++++++++++++++++

            พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวหลังเข้าเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการดูแลรักษาความสงบ เรียบร้อยในระหว่างการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามว่า การดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต้องดูหลักฐานอย่างละเอียดและต้องนำทุกอย่างมา ประกอบกัน ทั้งประกาศต่างๆ การปราศรัย การอภิปราย
“การฝ่าฝืนประกาศที่ออกตาม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงแห่งชาติถือเป็นความผิด เพราะประกาศต่างๆออกมาล่วงหน้า มีการเตือนและเปิดเส้นทางเข้าสู่พื้นที่ชุมนุมโดยง่ายอยู่แล้ว การพยายามใช้ความรุนแรงฝ่าแนวกั้นนั้น พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย”

           ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุว่าอาจมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกครั้งหลังปีใหม่ว่า ยังไม่จบ แค่มวยพักยก เชื่อว่ามีแน่และมีหลายกลุ่ม ยิ่งศาลอาญาสั่งว่าแนวร่วมเสื้อแดงเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำให้ต้องมีคนถูกจับเรื่องฆ่าคนตาย ใครสั่งคนนั้นก็โดน ยิ่งเป็นตัวเร่งให้มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเร็วขึ้น


         “ตำรวจและทหารที่ปฏิบัติตามหน้าที่พวกนี้ปลอดภัย แต่คนสั่งการหากไม่มีเหตุผลต้องรับผิดชอบ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวและว่า การชุมนุมขับไล่รัฐบาลจะมีอีกแน่นอน แต่จะแรงหรือไม่ ใครจะมาเป็นแกนนำยังบอกไม่ได้ แต่เป็นจุลกฐินที่ร่วมกันหลายสาย


          ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) นางเลิ้ง นายสันติ เต๊เตีย ช่างภาพเอเอสทีวี และนายทศฤทธิ์ วัฒนราษฎร์ ช่างภาพทีนิวส์ พร้อมด้วยนายชาญวิทย์ กองเพชร ทนายความจากสภาทนายความ และนายศักดิ์ณรงค์ คงศิริ ทนายอาสา เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.พูวิศ ศรีอ่อน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.นางเลิ้ง ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ช่วงการชุมนุม ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา

        นายสันติระบุว่า วันเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างนั้นเห็นตำรวจกำลังทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมและหันมาทำร้าย จึงได้นำบัตรสื่อมวลชนออกมาแสดงตัวพร้อมกับชี้ปลอกแขนว่าเป็นสื่อมวลชน แต่ตำรวจก็ยังทำร้ายร่างกายอีก นอกจากนายสันติแล้วผู้สื่อข่าวที่อยู่ด้วยกันก็ถูกทำร้ายด้วย หลังเหตุการณ์สงบได้ถูกนำตัวไปกักขังกว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่อุปกรณ์ถ่ายภาพพังเสียหายและถูกยึดกล้องกับโน้ตบุ๊คไป

       ทั้งนี้ สภาทนายความจะนำสื่อมวลชนที่ถูกตำรวจทำร้ายร่างกายระหว่างมีการปะทะกันช่วง การชุมนุมไปร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในวันที่ 29 พ.ย. นี้

       ร.ต.อ.พูวิศกล่าวว่า หลังสอบปากคำเบื้องต้นแล้วจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

“หมอเหวง” เร่ง “สุรพงษ์” เซ็นรับรองไอซีซี

 “หมอเหวง” เร่ง “สุรพงษ์” เซ็นรับรองไอซีซี
       วันนี้ (30 พ.ย.)  ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว  นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) , นายจตุพร พรมหมพันธุ์ แกนนำนปช. , นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ แกนนำนปช. ร่วมกันแถลงข่าวประจำสัปดาห์
       โดย นพ.เหวง  กล่าวว่า ขอให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ลงนามประกาศรองรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ  อย่าเฉไฉ  ดึงเรื่องให้ยาวนานออกไป เราต้องการให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาล เราไม่ได้เรียกร้องให้ทำสัตยาบรรณ เพราะต่างกันมากมาย  ซึ่งสามารถทำได้ทันที  โดนไม่ต้องผ่านครม.ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย  เพียงลงนาม ก็มีผลบังคับใช้ได้ทันที  เพราะเป็นเพียงเปิดประตูให้ไอซีซี เข้ามารวบรวมหลักฐาน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เข้ามาตรา 190  เพราะการประกาศเจตจำนงไม่ใช่สนธิสัญญา  คุณจะเซ็นหรือไม่  ถ้าไม่เซ็นก็บอกคนไทยเลยว่าไม่เซ็น   
       ทั้งนี้หากกลัวศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเข้าข่ายมาตรา  190 และกลัวยุบพรรค  ตนกราบเรียนไปยังศาลรัฐธรรนูญ หากพรรคประชาธิปัตย์และสว. ไปยื่นตีความ  ขอให้ท่านศึกษาคำสั่งของศาลโลก เพื่อเป็นบรรทัดฐาน ว่า การประกาศ รับรองอำนาจศาลฝ่ายเดียวไม่ใช่สนธิสัญญา

เอเชียโซไซตี เทียบเชิญ "ทักษิณ" บรรยายการเมือง

เอเชียโซไซตี เทียบเชิญ "ทักษิณ" บรรยายการเมือง


          1 ธันวาคม 2555 go6TV - เว็บไซท์ สถาบันเอเชียโซไซตี (Asia Society) สำนักงานฮ่องกง เผยแพร่กำหนดการ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้รับเชิญให้เข้าร่วม "เสวนาโต๊ะกลม" ที่จัดโดยสถาบันเอเชียโซไซตี วันที่ 11 ธันวาคม 2555 เวลา 12.30 - 14.00น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็นเวลา 90 นาที ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว สามารถซื้อบัตรได้ในราคา 800 ดอลลาร์สหรัฐ

        ทั้ง นี้สถาบันเอเชียโซไซตี (Asia Society) เป็นสถาบันความร่วมมือระหว่างชาติที่มีจุดหมายในการสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปเอเชียรวมถึงหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2499 โดย จอห์น ร็อกกะเฟลเลอร์ ที่ 3 โดยมีสำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์กซิตี ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานสาขาทั่วโลกที่ ฮิวสตัน ลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก วอชิงตัน ดี.ซี. ฮ่องกง มะนิลา เมลเบิร์น เซี่ยงไฮ้ และมุมไบ

"อุ๊งอิ๊ง" ไม่โกรธ หลังแอร์สาวแก่มุ่งอาฆาตวางแผนนำกาแฟร้อนสาด

คาเธย์ แปซิฟิก ฮ่องกง ตั้งกรรมการด่วน "แอร์โฮสเตทสาว" คิดอาฆาตร้ายสาดกาแฟใส่ “แพทองธาร”

            30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - นายยงยุทธ์ ลุจินตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทยและพม่า สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก เปิดเผย "มติชนออนไลน์" ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานใหญ่สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก ในฮ่องกง ได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 โดยออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที ที่มีกระแสข่าวแพร่สะพัดถึงกรณีของลูกเรือสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก  กระทำผิดมารยาทในระหว่างการให้บริการผู้โดยสารเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-ฮ่องกง โดยจะดำเนินการสรุปแล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะด้วยข้อมูลที่ถูกต้องให้เร็วที่สุด

           โดยได้แต่งตั้งฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล  ฝ่ายบริหารพนักงานให้บริการบนเครื่องบิน และ ฝ่ายอื่น ๆ เข้ามาร่วมเป็นผู้พิจารณาในคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งเน้นการสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

          พร้อมทั้งกำหนดขั้นตอนการทำงานชัดเจน เริ่มต้นจากการตรวจสอบหาข้อมูลเบื้องต้นลงมือตรวจสอบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด เมื่อรวบรวมได้ทั้งหมดแล้ว หากพบพนักงานที่ถูกกล่าวถึงในสังคมออนไลน์กระทำผิดจริง ทางบริษัทจะประกาศบทลงโทษพนักงานต่อไป
เพราะทางสำนักงานใหญ่และบริษัทได้กำหนดนโยบายสูงสุดที่พนักงานทุกระดับต้องยึดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือจะต้องเป็นสายการบินระดับนานาชาติที่ให้บริการลูกค้าดีที่สุด โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ๆ ก็ตาม

          อย่างไรก็ตามทางสำนักงานใหญ่สายการบินคาเธย์ แปซิฟิก ยืนยันจะเร่งตรวจสอบข้อมูล โดยให้คณะกรรมการบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งสรุปข้อมูลเพื่อนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะทั่วโลกทันทีภายใน 1-2 วันนี้

 

         แอร์โฮสเตสคลั่งม็อบแพ้! เกือบสาดกาแฟใส่หน้า "แพทองธาร ชินวัตร" บนเครื่องบิน!

           29 พฤศจิกายน 2555 go6TV - กระหึ่ม โลกโซเชี่ยลมีเดีย เมื่อมีบุคคลหนึ่งอ้างตนว่าเป็นพนักงานบริการประจำเครื่องบิน สายการบินหนึ่ง ได้เขียนข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว แสดงความคับแค้นใจ เมื่อได้พบว่า เที่ยวบินที่ตนกำลังให้บริการ มีผู้โดยสารนามสกุล “ชินวัตร” และกำลังเดินทางจากกรุงเทพ ไปยังฮ่องกง  เธอบรรยายความคลั่งแค้น ที่ม็อบเสธ.อ้าย พ่ายแพ้ราบคาบเมื่อวันก่อน และยิ่งโกรธเมื่อรู้ว่า เธอต้องให้บริการ “บุคคลวีไอพี” ที่เธอรังเกียจจนถึงขนาดขอเปลี่ยนเที่ยวบิน แต่ได้รับการปฏิเสธ เลยเถิดถึงขนาดว่าจะหาทางกลั่นแกล้งทางใดทางหนึ่งระหว่างอยู่บนเครื่องบิน เช่นการสาดกาแฟใส่หน้า  โดยข้อความทั้งหมดที่เธอเขียนนั้น มีดังนี้

        “เศษกระดาษแผ่นนี้พวกอาชีพเดียวกับฉันรู้ดีว่ามันคืออะไร ดูชื่อผู้โดยสารของฉันวันนี้เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกงเช้านี้สิ ตอนที่รู้ว่ามีผู้โดยสารคนนี้บนเครื่อง ประตูเครื่องกำลังจะปิดพอดี

           ที่จริงฉันเคยได้ยินเพื่อนๆบอกว่าไอ้อีตระกูลนี้ มันเดินทางไปฮ่องกงกับพวกเราบ่อยๆ ฉันยังเคยคิดว่าถ้ามีพวกมันบนเครื่อง ก็ต้องไม่มีฉันทำงานบนนั้น.

           ฉันรีบบอกหัวหน้าว่าวันนี้คงทำงานไม่ได้แล้ว หัวหน้าตกใจว่าเป็นไร เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ ไฟลท์ก็เต็ม ถ้าอยู่ๆใครไม่ทำงานซักคนที่เหลือก็เหนื่อยเลยนะนั่น

          พอบอกเหตุผล หัวหน้าก็น่ารักบอกว่าเดี๋ยวย้ายให้ไปทำงานจุดอื่นไม่ต้องเจอกับมันก็ได้ แล้วเตรียมออกเดินทาง ฉันรีบโทรหาที่ปรึกษาด่วน บอกว่าเอาอะไรไปราดหัวมันในไฟลท์นี้ได้มั้ย ได้คำแนะนำว่าอย่าทำ เพราะจะผิดกฎหมายฮ่องกงและไม่คุ้มค่ากัน ความรู้สึกโกรธ เกลียดพวกมันยังไม่จางหายจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวาน ทำให้คับแค้นใจยิ่งขึ้นจนน้ำตาไหลออกมา

          ขณะ เครื่องบินขึ้นฉันนั่งสงบสติอารมณ์ จนดีขึ้นแล้ว ก็คิดได้ว่า คนตระกูลนี้มันทำลายความสุขของคนไทยมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกมันทำลายความสุขและความดีอีก ใจก็สงบขึ้นมาบ้าง บอกหัวหน้าว่าจะทำงานตามปกติ หัวหน้าก็ตกลงแต่ไม่ต้องไปบริการมัน (คงป้องกันปัญหาด้วย) ตลอดเที่ยวบินมันสวมแว่นกันแดดและหลับเป็นส่วนใหญ่

            มีแอบคิดแผนกับน้องคนไทยที่ไม่ชอบพวกมันเหมือนกัน ว่าจะเข้าไปพูดถากถางพ่อมันก่อนเครื่องลงดีมั้ย. แต่ แล้ว สติก็ทำงานมากกว่าอารมณ์ ไม่เข้าไปตอแยกับมัน รู้สำนึกว่า ทำไปก็ไม่มีผลต่อคนที่จิตสำนึกบอดอย่างพวกมัน แถมเราอาจจะต้องเพิ่มภาระเรื่องที่ต้องต่อสู้ขึ้นอีก "อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง"

         ฉันนั่งสงบใจคิดขณะเครื่องลง ความรู้สึกของเสธ. อ้าย ตอนที่พูดคำว่า " เสธ. อ้าย ได้ตายไปแล้ว " เมื่อเย็นวานนี้ คงเจ็บปวดมากกว่าฉันตอนนี้นัก ฉัน กลั้นน้ำตาที่อยากไหลออกมาไว้แค่นั้น กลืนมันกลับเข้าไปในอก. บอกตัวเองว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม

      อย่างน้อยวันนี้ ฉันเอาชนะความโกรธ ความเกลียดอย่างแรง ที่มีอยู่ ไม่ให้มันมามีอำนาจสร้างปัญหาเพิ่มทุกข์ให้ฉันได้

        แพรทองธาร วันนี้ไม่โดนฉันเอากาแฟสาดหน้า แต่มันไม่รู้ว่าฉันจะต่อสู้ ทำให้พวกมันไม่ได้อยู่เป็นเสนียดจัญไรบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป

โลกโซเชียลเน็ตเวิร์คกระจายข่าวพนักงานแอร์โฮสเตสของสายการบินคาเธย์แปซิฟิค โพสต์ข้อความว่าแค้นที่ม็อบเสธ.อ้ายพ่ายแพ้ เลยแทบกลั้นไม่ไหวเกือบเอากาแฟรดหัว"แพรทองธาร"ลูกสาวทักษิณบนเครื่องบิน ขณะบินไปฮ่องกง
ข้อมูลการเดินทางของแพรทองธาร ชินวัตร ที่แอร์โฮสเตสผู้นี้นำมาเปิดเผย แต่ล่าสุดได้ถูกลบออกจากfacebookของเจ้าตัวแล้ว แต่มีผู้แคปเจอร์ภาพไว้และเผยแพร่ในวงกว้างอย่างแพร่หลาย
ช่วงค่ำวันที่ 29 พฤศจิกายน ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คได้มีการแชร์ข้อมูลเรื่องที่มีผู้ใช้ชื่อ 
Honey Lochanachai
Honey Lochanachai อ้าง ตัวเป็นแอร์โฮสเตสสายการบินคาเธย์แปซิฟิค ได้โพสต์ข้่อความที่ช็อคผู้โดยสารว่าเธอแทบจะกลั้นไม่ไหวเกือบเอาแฟราดหัว ลูกสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะแค้นใจที่ม็อบเสธ.อ้ายพ่ายแพ้

facebookของเธอให้ข้อมูล"มุมมองทางด้านการเมือง"ไว้ว่า เป็นพันธมิตร เสื้อเหลือง รักชาติ รักสถาบัน เทิดทูนพระมหากษัตริย์

โดยข้อความละเอียดที่เธอโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังม็อบเสธ.อ้ายประกาศสลายการชุมนุมเพียง 1 วัน มีดังต่อไปนี้
 



Honey Lochanachai

เศษกระดาษแผ่นนี้พวกอาชีพเดียวกับฉันรู้ดีว่ามันคืออะไร ดูชื่อผู้โดยสารของฉันวันนี้เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกงเช้านี้สิ ตอนที่รู้ว่ามีผู้โดยสารคนนี้บนเครื่อง ประตูเครื่องกำลังจะปิดพอดี 
ที่ จริงฉันเคยได้ยินเพื่อนๆบอกว่าไอ้อีตระกูลนี้ มันเดินทางไปฮ่องกงกับพวกเราบ่อยๆ ฉันยังเคยคิดว่าถ้ามีพวกมันบนเครื่อง ก็ต้องไม่มีฉันทำงานบนนั้น.
ฉันรีบบอกหัวหน้าว่าวันนี้คงทำงานไม่ได้แล้ว หัวหน้าตกใจว่าเป็นไร เมื่อกี้ยังดีๆอยู่ ไฟลท์ก็เต็ม ถ้าอยู่ๆใครไม่ทำงานซักคนที่เหลือก็เหนื่อยเลยนะนั่น
พอบอกเหตุผล หัวหน้าก็น่ารักบอกว่าเดี๋ยวย้ายให้ไปทำงานจุดอื่นไม่ต้องเจอกับมันก็ได้ แล้วเตรียมออกเดินทาง


ฉันรีบโทรหาที่ปรึกษาด่วน บอกว่าเอาอะไรไปราดหัวมันในไฟลท์นี้ได้มั้ย ได้ คำแนะนำว่าอย่าทำ เพราะจะผิดกฎหมายฮ่องกงและไม่คุ้มค่ากัน ความรู้สึกโกรธ เกลียดพวกมันยังไม่จางหายจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวาน ทำให้คับแค้นใจยิ่งขึ้นจนน้ำตาไหลออกมา

ขณะเครื่องบินขึ้นฉันนั่งสงบ สติอารมณ์ จนดีขึ้นแล้ว ก็คิดได้ว่า คนตระกูลนี้มันทำลายความสุขของคนไทยมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกมันทำลายความสุขและความดีอีก ใจก็สงบขึ้นมาบ้าง บอกหัวหน้าว่าจะทำงานตามปกติ หัวหน้าก็ตกลงแต่ไม่ต้องไปบริการมัน (คงป้องกันปัญหาด้วย)
ตลอดเที่ยวบินมันสวมแว่นกันแดดและหลับเป็นส่วนใหญ่

มีแอบคิดแผนกับน้องคนไทยที่ไม่ชอบพวกมันเหมือนกัน ว่าจะเข้าไปพูดถากถางพ่อมันก่อนเครื่องลงดีมั้ย.แต่ แล้ว สติก็ทำงานมากกว่าอารมณ์ ไม่เข้าไปตอแยกับมัน รู้สำนึกว่า ทำไปก็ไม่มีผลต่อคนที่จิตสำนึกบอดอย่างพวกมัน แถมเราอาจจะต้องเพิ่มภาระเรื่องที่ต้องต่อสู้ขึ้นอีก
"อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง"

ฉันนั่งสงบใจคิดขณะเครื่อง ลง ความรู้สึกของเสธ. อ้าย ตอนที่พูดคำว่า " เสธ. อ้าย ได้ตายไปแล้ว " เมื่อเย็นวานนี้ คงเจ็บปวดมากกว่าฉันตอนนี้นัก ฉันกลั้นน้ำตาที่อยากไหลออกมาไว้แค่นั้น กลืนมันกลับเข้าไปในอก. บอกตัวเองว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม

อย่างน้อยวันนี้ ฉันเอาชนะความโกรธ ความเกลียดอย่างแรง ที่มีอยู่ ไม่ให้มันมามีอำนาจสร้างปัญหาเพิ่มทุกข์ให้ฉันได้

แพรทองธาร วันนี้ไม่โดนฉันเอากาแฟสาดหน้า แต่มันไม่รู้ว่าฉันจะต่อสู้ ทำให้พวกมันไม่ได้อยู่เป็นเสนียดจัญไรบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป

ภาพจากfacebookและขณะเธอร่วมชุมนุมกับพธม.


มีการเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปในวงกว้าง ขณะที่facebookของ Honey Lochanachai ได้ลบเรื่องอื้อฉาวนี้ออกไปแล้ว และยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆจากสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค Cathay Pacific Airways  ต้นสังกัดของแอร์โฮสเตสรายนี้

ทั้งนี้มีผู้เข้่าไปเขียนข้อความในเวบเพจของ Cathay Pacific Airways หลายราย เรียกร้องให้มีการสอบสวนและลงโทษแอร์โฮสเตสรายนี้


Your flight attendant is so stupid to post FB. Shje cannot work as flight attendant any more...

จัดหนัก มาแล้ว เอารายชื่อผู้โดยสารมาเปิดเผย 

ขู่จะทำร้ายผู้โดยสารแบบนี้เอาไว้ไม่ได้

ถ้าสายการบินไม่ดำเนินการใด ผมจะไปร้องเรียนต่อรัฐบาลของฮ่องกงต่อไป

I would like to complane about your staff

Your flight attendent had posted in facebook on 25 November that

She was not happy to give sevice to passenger

Who are Ms.Paethongthan shinavatara she happened to be the daughter of Ex Pm. of Thailand

Mr.Thaksin shinnavatara

and she said that she would like to put coffee on her face

and she show the name of passenger on facebook

Is it suppose to be confident ?

this is show the world how professional of you company

I will not fell save to fly with you airline anymore

Nopporn Narmchaingtai

185/54 Sathorn rd. Soi 3 bangkok 10120 Thailand




One of your flight attendent "Honey Lochanachai" posted hate message on her fb today regarding your customer. She's very disgraceful after threatening to harm her on fb. What is your responsibility to the public? Besides your manager knew about it and did noting.... still put her on that flight....... Wow what kind of airline is this ?????????


BTW, she threatened by stating that "i want to pour something over her (customer's)'s head". .... more... How arrogant and ignorant she is.. she posted "company has to choose one is it bher (customer) or me?????"...... You have to do something with this kind of behavior and let us know.
Many of us using your service and we are now wondering if your employees who are unhappy with us will put something in the food behind the closed door???
แอร์โฮสเตสของสายการบินคาเธย์แปซิฟิครายหนึ่งเพิ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่าทำออ รัลเซ็กซ์ให้กัปตันเมื่อปีกลาย ต่อมาถูกไล่ิออกทั้งแอร์ฯและกัปตัน ส่วนกรณีอื้อฉาวล่าสุดเกี่ยวกับแอร์ฯคลั่งการเมืองจนแทบจะทำร้ายผู้โดยสาร ที่เป็นลูกสาวนักการเมืองที่เธอเกลียดจะลงเอยอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป



          "อุ๊งอิ๊ง" ไม่โกรธ 

          หลังแอร์สาวแก่มุ่งอาฆาตวางแผนนำกาแฟร้อนสาด

30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หลานสาวนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นบุตรสาวของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์อินสตาแกรม (Instagram) กรณี แอร์โฮสเตสสาวแก่ของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ที่มีความคิดมุ่งอาฆาต และจ้องทำร้าย นางสาวแพทองธาร บนเครื่องบิน ด้วยการนำเครื่องดื่มร้อน สาดใส่หน้าและบริเวณศีรษะ ระหว่างเดินทางไปยังฮ่องกง  โดยมีข้อความดังต่อไปนี้


        แค่ เดินทางไปหาพ่อเพราะคิดถึงและเดินทางไปทำงานเพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าเคยทำอะไรให้โกรธก็ขอโทษด้วยละกันนะคะ ไม่คิดว่าจะมีความคิดแบบนี้ เพราะเดินทางบ่อยก็เจอแต่แอร์น่ารักๆทั้งนั้น”

           ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก ต่างโพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เป็นจำนวนมาก อาทิ "สายการบินไรนิ จะได้ไม่ต้องใช้บริการ แอร์มีจิตใจอย่างนี้นะน้องออกมาอยู่บ้านดีกว่าจิตใจต่ำแต่บินสูง ใครรู้ช่วยบอกสายการบินไรจะได้ให้รู้ไปว่ามีแอร์จิตใจอย่างนี้อยู่แล้วการ บินคุณจะเจริญ" และ "ทนไม่ไหวก็โดดเครื่องบินตายไปเลยซี่ อีตัวอิจฉา" เป็นต้น








           ทั้ง นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด ทางผู้บริหารระดับสูงของสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคอยู่ระหว่างการหารือโดยคาด ว่าจะมีมาตรการลงโทษขั้นสูงสุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป



             30 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวเครือข่ายสังคมออนไลน์ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา กรณี ผู้ที่ใช้ชื่อ Honey Lochanachai  แอร์โฮสเตสสาวแก่ สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค โพสต์ข้อความแสดงความอาฆาต โดยมีความคิดมุ่งทำร้ายผู้โดยสารลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก กรณีไม่พอใจ ที่เห็น "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้อง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกัน โดยคิดที่จะทำร้ายด้วยการสาดกาแฟร้อนใส่หน้า

กรณี ดังกล่าว ทำผู้โดยสารท่านอื่นและประชาชนทั่วไปรู้สึกเจ็บแค้นแทน นางสาวแพรทองธาร โดยได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง สายการบิน ต้นสังกัด ให้ลงโทษการกระทำของแอร์โฮสเตสสาวรายนี้แล้วนั้น 
ล่าสุด ในเวลา 20.20น. ที่ผ่านมา สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ชี้แจงผ่าน เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/cathaypacificTH ระบุว่า ทาง สายการบินได้รับทราบเรื่อง และจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว ข้อความในโพสต์ได้ระบุถึงเที่ยวบินที่ได้มีการเดินทางเสร็จสิ้นแล้วและไม่มี การรายงานเหตุการณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพนักงานต้อนรับในเที่ยวบิน นั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนจำนวนมากกล่าวตำหนิสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ลงในเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก อาทิ ทำไม พนักงานต้อนรับสายการบินนี้มีนืสัยแย่มากๆไม่รู้จักคำว่าลูกค้าเหรอ โหงั้นไม่พอใจใครก็คงจะเข้าไปทำร้ายลูกค้าหรือบอกข้อมูลการบิน น่ากลัวจังต้องบอกเพื่อนๆและคนรู้จักให้เลิกใช้บริการสายการบินนี้แล้วน่า กลัวชะมัดแอร์ที่นี่ และ ขณะนี้การ เดินทางของคุณอุ้งอิ้ง(แพรทองธาร)ในเที่ยวบินนั้น ได้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะโดยพนักงานของคุณไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้คุณอุ้งอิ้งอาจจะอยากเปิดเผยหรือไม่อยากจะเปิดเผยให้ใครรับรู้ ก็ได้ กับการเดินทางในเที่ยวบินวันนั้น ซึ่งถ้าเธอไม่ต้องการจะให้เป็นที่เปิดเผย ก็ถือได้ว่าคุณอุ้งอิ้งได้รับผลกระทบและเสียหายไปแล้ว เพราะเธออาจจะมีความต้องการที่จะปิดบังไม่อยากจะให้บุคคลใดบุคคนหนึ่งได้รู้ ถึงการเดินทางของเธอก็ได้ เป็นต้น 

 
ภาพข่าว แอร์โฮสเตสคาเธ่แปซิฟิค "อมนกเขา" นักบินบนสื่อต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค เป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ถูกวิจารณ์เรื่องภาพลักษณ์ที่ตกต่ำของสายการบินบ่อยครั้ง โดยก่อนหน้านี้ เกิดเหตุแอร์โฮสเตสสาวทำออรัลเซ็กส์ให้กับนักบินบนเครื่องบิน ซึ่งภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ผลสำรวจจากกรุงเทพธุรกิจ ระบุว่า ผู้บริโภคนิยมเดินทางกับสายการบินแอร์เอเชียและเจทสตาร์ มากกว่าสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผยนักบิน-แอร์"คาเธ่ย์ แปซิฟิก"พ้นสภาพพนักงานแล้ว หลังก่อเหตุ"ออรัลเซ็กส์"-บ.ชี้กระทบภาพรวม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313296210&grpid=01&catid=&subcatid

คาเธ่ย์ แปซิฟิคสอบสวนหนัก ภาพหลุดแอร์โฮสเตสออรัลเซ็กส์นักบิน

http://news.tlcthai.com/news/8896.html

อนาถ! คาเธย์แปซิฟิก 

ปกป้องแอร์สาวแก่จ้องราดกาแฟใส่อุ๊งอิ๊ง ไม่มีความผิด