วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


คณะราษฎร ทหาร ตำรวจ ประชาธิปไตย 2554 ที่ไม่อาจทนได้ต่อไปอีกแล้ว
             ความจริงต่อจากนี้ ไม่ใช่แถลงการณ์ของคณะทหารตำรวจประชาธิปไตย 2554 ฉบับที่ 4 แต่เป็นความจริงร่วมกันระหว่าง คณะราษฎร ทหาร ตำรวจ ประชาธิปไตย 2554 ที่ไม่อาจทนได้ต่อไปอีกแล้ว

             เป็นที่ทราบกันว่า รัฐบาลของนายกทักษิณ ไม่เป็นที่พอใจของ XXXX ไทย
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไทยรักไทย, รัฐบาลพลังประชาชนสืบเนื่องถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์
พรรคเพื่อไทย รัฐบาลทั่วโลกรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย แต่ ณ ปัจจุบัน 
ผลของความไม่พอใจนี้กระทบต่อโลกแล้ว โดยมีความเดือดร้อนของคนไทย 60 ล้านคน
เป็นตัวประกัน

นี่คือหลักฐาน........มาดูน้ำจากเขื่อนใหญ่สองเขื่่อน
จากหลักฐานของกรมชลประทาน ของทั้งสองเขื่อนมีเส้นสเกล

เส้นประสีแดง --------   คือเกณฑ์เก็บกักน้ำสูงสุดและต่ำสุด
เส้นสีเขียว                 คือปริมาณน้ำปี 2552
เส้นสีน้ำเงิน                คือปริมาณน้ำปี 2553
เส้นสีแดง                    คือปริมาณน้ำปี 2554

ดูความแตกต่างของการเก็บกักน้ำทั้ง 3 ปี มันมีความจริงดังนี้

           ปี 2552 และ 2553 จะมีการผ่องถ่ายน้ำในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนแล้วจึงเริ่มเก็บกักน้ำใหม่ เพราะว่าระดับน้ำในเขื่อนทั้งสองเขื่อดังกล่าวจะได้รับน้ำฝน ซึ่งตกมาปริมาณมาก แต่มาดูในปี 2554 มีการเก็บกักน้ำตั้งแต่ 9 พฤษภาคม (ซึ่งความจริง
ต้องปล่อยไม่ใช่เก็บ) เก็บสะสมเรียกว่าเส้นกราฟชันเกิน 45 องศาโดยเฉพาะเขื่อนที่สอง
กราฟชันถึง 60 องศา เกินระดับเก็บกักน้ำสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม

แล้วเหตุใดถึงไม่ปล่อยมา???


           สะสมไว้ทำอะไรทั้งสองเขื่อน จากกราฟตามพื้นที่สีชมพูที่แรเงาแสดงไว้   ดังเหตุผลที่ท่าน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ชี้แจงไว้ดังนี้

           การปล่อยน้ำแล้วน้ำท่วมแบบนี้ ควรต้องมีคนรับผิดชอบ ต้องมีการสอบสวน ถือว่า เป็นการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าปล่อยน้ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้อภัยไม่ได้ แต่ปล่อยโดยหวังทำลายการบริหารของรัฐบาล หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ผู้บริหาร คนใดคนหนึ่ง มันผิดมหันต์   


            “ไม่มีเจตนาแอบแฝงได้ไง ปล่อยไม่หยุด ปล่อยยาว ไปดูบันทึกของกรมชลประทานหรือกฟผ. ไม่เคยปล่อยน้อยลง มาน้อยลงตอนหลัง ตอนฝนหยุดตกแล้ว อ้างฝนตกเข้าเขื่อนมากต้องปล่อยมาก เขื่อนทำไว้ระบายน้ำอัตโนมัติ  ถ้าน้ำขึ้นมาก ๆ ไม่ให้ล้นสันเขื่อนมีสปริงเวย์ ให้น้ำระบายออกอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเขื่อ นรับน้ำไม่ได้ คนไม่รู้กลัวเขื่อนแตก แต่ไม่มีเขื่อนที่ไหนในโลกแตกเพราะน้ำท่วมเลย ไม่มี สร้างมาแข็งแรงมาก เขื่อนใหญ่ ๆ ไม่มีแตก เพราะน้ำล้นเขื่อน มีแต่เขื่อนเล็ก ๆ ทำด้วยดินอัด หินอัดน้ำล้น แต่เขื่อนภูมิพลคอนกรีตไม่มีทาง มีความปลอดภัย”


           แล้วความจริงของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช กับความจริงของข้อมูล ปริมาตรน้ำในอ่าง
เก็บน้ำของเขื่อนพ่อและแม่ จาก website กรมชลประทาน http://www.rid.go.th/waterreport/

          ที่มาสอดคล้องกับความเคียดแค้น ชิงชัง ขอ งXXXX ไทยที่มีต่อรัฐบาลของนายกทักษิณ เพราะเริ่มมีการเก็บกักน้ำตั้งแต่วันประกาศยุบสภา แล้วเก็บอย่างจริงจังเมื่อรู้ผลการ เลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ดูหลักฐานได้ เส้นกราฟสีแดงของทั้สองเขื่อน ชันสูงขึ้นอย่างตั้งใจ
        ขงเบ้งแห่งน้ำที่มีนางเตียวเสี้ยนออกมาบอกว่า ยืนมองดูน้ำ บนชั้น 16 ตลอดเวลา รู้ว่าเป็นช่วงสุญญากาศไม่มีใครมีอำนาจสั่งการได้ นอกจาก  ขงเบ้งเพียงผู้เดียว เพราะกกต.รับรองตั้งรัฐบาลได้ก็ 30 วัน

โปรดเกล้านายก 5 ส.ค. 54 รับสนองฯ 8 ส.ค. 54  ครม. 9 ส.ค. 54 
แถลงนโยบาย 23 -24 ส.ค. 54 น้ำท่วมถึงอยุธยาแล้ว

        มีความจริงที่ปรากฏที่ข้าราชการประจำยังคงปฏิบัติหน้าที่สนองงานขงเบ้งผู้หยั่งรู้น้ำแห่งสยามประเทศ ที่ประกาศสงครามครั้งสุดท้ายก่อนจะลาโลกไปโดยใช้น้ำเป็นอาวุธ 
เพราะจากที่สังหารพี่ชายอย่างเลือดเย็นได้ บงการให้เสื้อเหลืองยึดสนามบิน ดูดาย
ต่อการตายของเสื้อแดงนับร้อยศพ จึงไม่ยี่หระต่อการตายของ 300 กว่าศพ และมหาทุกข์ยาก
ของประชาชนทั้งประเทศเพียงแค่ไฟริษยาที่สะสมอยู่ในตนเองจึงใช้ความรู้เรื่องน้ำที่ตัวเอง
สั่งการและควบคุมได้ทั้งระบบมาเป็นศาสตราวุธ หวังสังหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์

           โดยน้ำที่ไหลผ่านมาจากวังน้อยจะเข้าท่วมทางเหนือของคลองระพีพัฒน์ ทางเหนือของตลาดไท มีการทำลาย แนวกั้นที่คลอง 4 และคลอง 5 เท่านั้นยังไม่พอ ยังให้ทหารมาวางระเบิดที่แนวกั้นที่คลอง 6 เพื่อหวังให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมทุ่งรังสิตโดยเร็วและอย่างฉับพลัน (ขัดขวางแผนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ต้องการผันน้ำออกไปทางคลอง 7 และคลอง 12 -13 ผันน้ำไปทางหนองเสือ และไปสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ผันน้ำออกสู่ทะเลต่อไป) น้ำก็มาเอ่อล้นเหนือคลองรังสิตประยูรศักดิ์

           และในที่สุดก็มีทหารมาทำลายแนวกั้นที่คลอง 1 เพื่อให้น้ำไหลเอ่อล้นเข้าท่วม
ศปภ.ดอนเมือง ศูนย์บัญชาการแก้น้ำท่วม... รัฐบาลรู้เรื่องนี้ก็รีบไปแก้ไขที่จุดที่มีมวลน้ำไหล
เข้ามามากที่สุด คือที่กิโลเมตร 56-57 ถนนพหลโยธิน แต่ มจร.ก็ออกมาทำลายแนวกั้นนี้ 
โดยบอกว่ารับรับสั่งของสมเด็จพระเทพให้มาดำเนินการ

     ... และกทม. ก็ไม่ยอมเปิดประตูน้ำในพื้นที่กทม.ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะมีคำสั่งให้รอไป
3 – 7 วัน ก่อน...(รู้ไหมว่าเวลา 3- 7 วันมวลของน้ำก้อนใหญ่ที่สะสมโดยไหลมาจากเขื่อนป่าสัก-นครสวรรค์  อยุธยา โรจนะ วังน้อย ระพีพัฒน์ มาสะสมพลังบริเวณ พนังกั้นน้ำคลองหกวา มีพลังมากมายมหาศาลเพียงใด
        เพราะเมื่อรัฐบาลใช้มาตรา 31 ของ พรบ. สาธารณภัยมันก็สายเกินไปแล้ว...และมาดูความจริงในวันนี้ ประตูน้ำในเขต กทม. ไม่ได้เปิดตามคำสั่งรัฐบาลเลย นี่คือเหตุผลทั้งปวงที่ปี   2554 น้ำไม่ท่วมหนองเสือ ไม่ท่วมบางน้ำเปรี้ยว แต่น้ำท่วมดอนเมือง มีข้อมูลที่สนับสนุนอีกดังนี้ 

          เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ว่าที่ประชุมได้มี มติเตรียมทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการให้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลื่อนการจัดขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคจากวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2554 ไปเป็นปี พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นปีมหามงคลเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันเกิดสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในหลายพื้นที่ของ ประเทศไทย และทางกองทัพเรือแจ้งว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีความสูงและแรงมาก ประชาชนทุกข์ยากมากขนาดนี้ กรมชลยังอ้างที่ต้องเก็บน้ำไว้เพื่อให้น้ำนิ่ง น้ำมาก เพื่อฝึกซ้อม ขบวนเรือ ทั้งงานทอดกฐิน ทั้งงานแห่เรือ โดยมีตารางการฝึกซ้อมดังนี้

การจัดงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนิน

         ถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ทางกองทัพเรือจะจัดให้มีการซ้อมย่อย เพื่อเตรียมการจัดขบวนฯ ในงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนิน ถวายผ้าพระกฐิน โดยจะซ้อมย่อยครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 - 19.00 น. และซ้อมย่อยครั้งสุดท้ายในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 – 19.00 น. โดยจะเป็นการซ้อมย่อยทั้งหมด 8 ครั้ง และซ้อมใหญ่ 2 ครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม และ วันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 - 19.00 น.

          ริ้วขบวนเรือพระราชพิธีทอดตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยา ต้นขบวนเรือพระราชพิธีฯ เริ่มจากสะพานพระราม 8 ส่วนท้ายขบวนเรือพระราชพิธีฯ ไปสิ้นสุดที่ท่าวาสุกรี การจัดซ้อมย่อยขบวน พยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ ใช้เรือจำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ โดยมีกำหนดการซ้อมย่อย และ ซ้อมใหญ่ ดังนี้

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น.(ซ้อมย่อย)
วันอังคารที่ 6 กันยายน 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น.(ซ้อมย่อย)
วันอังคารที่ 13 กันยายน 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น.ถึงเวลา 19.00 น.(ซ้อมย่อย
วันอังคารที่ 20 กันยายน 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น.(ซ้อมย่อย)
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. (ซ้อมย่อย)
วันพุธที่ 28 กันยายน 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. (ซ้อมย่อย)
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. (ซ้อมย่อย)
วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. (ซ้อมย่อย)
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น.ถึงเวลา 19.00 น.(ซ้อมใหญ่)
วันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00 น.ถึงเวลา 19.00 น. (ซ้อมใหญ่)

         สำหรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554

            การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งนี้ เป็นขบวนใหญ่ 5 ริ้ว ใช้เรือราชพิธีทั้งสิ้น 52 ลำ เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินฯ ในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงระหว่างสะพานกรุงธนถึงสะพานพุทธฯ ใช้เวลาในการเดินทางขบวนฯ ประมาณ 45 นาที และกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ เป็นฝีพายประจำเรือพระราชพิธี จำนวน 2,200 นาย ความยาวขบวนเรือจากหัวถึงท้ายขบวน ยาว 1,280 เมตร กว้าง 90 เมตร เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินฯ ในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงระหว่างสะพานกรุงธนถึงสะพานพุทธฯ สถานที่รับเสด็จฯท่าวาสุกรี ส่งเสด็จฯ ณ ฉนวนน้ำ วัดอรุณราชวราราม ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร เดินทางขบวนฯ ประมาณ 45 นาที ในการนี้ได้มีการประพันธ์บทเห่เรือ จำนวน 3 บท โดยนาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย ข้าราชการบำนาญ สังกัดกองทัพเรือ

         นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ต้องเก็บน้ำไว้ อธิบดีกรมชลประทานและ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำอ้างว่ามันมีเหตุผลลึก ๆ ที่ไม่สามารถตอบได้ขอก้าวข้ามคำถามนี้ไปว่าทำไมต้องเก็บน้ำไว้...?

         คำถามคาใจของทุกคน ปีที่ผ่าน ๆ มาก็มีการแห่เรือ ก็มีการทอดกฐิน แต่ไม่จำเป็นต้องเก็บน้ำไว้ที่เขื่อนดังกล่าวมากมายขนาดนี้ ทุกคนจึงเชื่อเหมือน ๆ กันว่า... น้ำพระ.........ทานนี้มีไว้ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช สงสัยจริงหรือไม่

           ผบ.ทบ. กับ ถั่ว..อ้า    ออกมาบอกว่า ใน XXX ให้น้ำท่วม..... ไม่ต้องปั๊มน้ำออก ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ 

           แต่ความจริงตอนน้ำก้อนใหญ่กำลังโจมตีอยุธยา ผบทบ.สั่งถอนทหารของ พล.ม2. จำนวน 2,000 นาย มากู้พระตำหนักศิริยาลัยซึ่งเป็นเรือนไม้สักอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดชัยวัฒนาราม  และหลังจากนั้นใน 25 ต.ค. 54 ผบทบ. ก็ให้ทหารมาก่อกระสอบทรายป้องกันพระตำหนักต่าง ๆ ในวังสวนจิตรลดา, พระที่นั่งอัมพรสถาน... 

คำพูดกับความจริงต่างกันสิ้นเชิง

           คนสงสัยกันทั้งเมืองว่า เหตุใดมวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลมาจากเขื่อนต่าง ๆ ถึงมาโจมตีพื้นที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นเมืองนครสวรรค์ เมืองอยุธยา นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ และกทม.ถึงเป็นเวลาห้วงเดียวกับน้ำทะเลหนุนสูงสุดทุกครั้ง

           ... คำตอบ ขงเบ้งผู้หยั่งรู้เรื่องน้ำ ปล่อยน้ำออกจากเขื่อนมาหลายสิบปีจะคำนวนไม่ได้เชียวหรือว่าน้ำก้อนใหญ่ปล่อยวันไหนจะไหลมาสู่ตรงไหนเวลาไหนให้มาประจวบทัพกับน้ำทะเลหนุน ง่าย กว่าเลี้ยงหมาทองแดงอีก

         มันสุดจะทนแล้ว ทำกับพี่กับมหาดเล็ก ตัวเองก็อาจเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทำกับประชาชนและหลอกลวงคนทั้งประเทศมาตลอด น้ำพระ..........ทานนี้ไม่ขอรับไว้
ขอถวาย.........เพลิงตอบแทน แทน

คณะทหารตำรวจประชาธิปไตย 2554.

http://redusala.blogspot.com