วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554


พรรคประชาธิปัตย์และการ “เร่งเครื่อง”
ให้เข้าสู่วิกฤติการณ์ทางการเมือง.....
บทความแปล: พรรคประชาธิปัตย์และการ เร่งเครื่องให้เข้าสู่วิกฤติการณ์ทางการเมือง.....


อ้างอิง:http://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2011/09/11/democrat-party-an...
บทความลงพิมพ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554 
แปลโดย: ดวงจำปา

           พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศว่า เวลาได้หมดลงแล้วสำหรับรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ผู้ช่วยโฆษกของพรรคซึ่งได้พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งมาอย่างย่อยยับเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ได้ประกาศก้องว่า รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งได้เข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้น ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว

          ผู้ช่วยโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถพร พลบุตร ได้เตือนว่า ประชาชน (ชาวไทย ผู้แปล) ควรที่จะเตรียมพร้อมกับวิกฤติการณ์ทางการเมืองรอบใหม่ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นภายในหกเดือนนี้ เพราะว่า รัฐบาลซึ่งบริหารโดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ได้ละเมิดอำนาจของตนเอง เพื่อผลประโยชน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร...เขายังได้อ้างต่อไปด้วยว่า การใช้อำนาจของรัฐบาลไปในทางที่ผิดนั้น ได้เริ่มเป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมไทย ไม่สามารถที่จะยอมรับได้
           ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการ “ละเมิดอำนาจ” เหล่านี้ รวมไปถึง “การสร้างความกดดันเพื่อจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษจาก นายกฯ ทักษิณ, ความพยายามที่จะรื้อฟื้นคดีที่ดินรัชดาภิเษกขึ้นมาใหม่, การย้ายพนักงานของรัฐที่เป็นไปโดยไม่ชอบธรรม, และการแต่งตั้งบุคคลที่มีข้อหาอันฉกาจฉกรรจ์ให้ไปมีตำแหน่งทางการเมือง....

       นอกไปจากเรื่องเหล่านี้แล้ว, เขาก็ยังเพิ่มเรื่อง นโยบายหลักของรัฐบาล เป็นต้นว่า เงินค่าครองชีพขั้นต่ำจำนวน 300 บาทต่อวัน, เงินเดือน 15,000 บาท ต่อเดือนสำหรับบุคคลที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี และโปรแกรมการประกันข้าวเปลือกซึ่งเต็มไปด้วยข้อบกพร่องและสามารถส่งผลกระทบไปถึงเสถียรภาพของโครงการด้วย

         ท้ายสุดแล้ว, นายอรรถพร ได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้เพียงเดือนเดียว ให้ลาออกไปเสีย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว รัฐบาลจะเผชิญกับแรงต่อต้านซึ่งทวีเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ จากหลายทางสังคมหลายฝ่าย.

         สมควรหรือไม่ ที่นายอรรถพรควรจะถูกเฉดหัวออกไปในฐานะของบุคคลที่วิกลจริต ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่สามารถยอมรับกับความจริงได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่เคยมีความสามารถที่จะชนะการเลือกตั้งเลย? เราไม่ได้คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เหตุผลต่างๆ สำหรับทัศนคตินี้ก็คือ:

         ข้อที่หนึ่งเมื่อไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและแกนนำคนเสื้อแดง นายจตุพร พรหมพันธ์ ได้ทราบมาว่าได้กล่าวข้อความดังนี้ “กลุ่มผู้มีอำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญกำลังสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อจะทำลายรัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทย” เรื่องนี้ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลย ที่กลุ่มอำมาตย์ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านนายกฯ ทักษิณ กำลังลงมือปฎิบัติงาน, วางแผนและสร้างยุทธวิธีอยู่

          ข้อที่สองพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงให้เห็นอยู่เสมอว่า ตัวพรรคเองไม่ยอมรับกระบวนการการเลือกตั้ง ดังนั้น จะไม่มีการพ่ายแพ้การเลือกตั้งโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะแพ้ยับเยินขนาดไหน ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเคารพในผลการเลือกตั้งเหล่านี้

          ข้อที่สามพรรคประชาธิปัตย์มีประวัติอันยาวนานในการพึ่งพาขุมกำลังที่มีอำนาจการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ซึ่งไม่ได้มาจากครรลองระบอบประชาธิปไตย เพื่อที่จะยกพรรคของตัวเองให้กลายเป็นรัฐบาลได้ โดยการตกลงเงื่อนไขกับ ฝ่ายสถาบันฯ, ทางกองทัพ, กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มอำมาตย์ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง

           ข้อสุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์เองก็คาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์แบบเก่าเกิดขึ้นอีก นายกฯ ทักษิณได้ชนะการเลือกตั้งอย่างมโหฬารที่สุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 และถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ทางฝ่ายกองทัพก็นำเอารถถังเข้ามายึดอำนาจ เพียงแค่ 14 เดือนต่อมา หลังจากการก่อกวนปลุกปั่นอย่างเป็นเวลายาวนาน โดยฝ่ายกำลังต่อต้านนายกฯ ทักษิณ

          สำหรับนายอรรถพรและพรรคของเขานั้น การพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็เปรียบเสมือนกับ หลุมบ่อที่กระเทือนบนท้องถนนเท่านั้น และในไม่ช้านี้ ก็สามารถที่จะฟันฝ่าเรื่องเหล่านี้ไปได้ โดยการใช้ การโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านนายกฯ ทักษิณ, ใช้สำนวนโวหาร และโดยการใช้สื่อของฝ่ายเสื้อเหลือง, กลุ่มนักวิชาการ และ กลุ่มผู้รวบรวมมวลชน ให้ เริ่มเร่งเครื่องให้เกิดการเคลื่อนไหวต่างๆ ขึ้นมา




ความคิดเห็นของผู้แปล:
          สิ่งที่ดิฉันเห็นเป็นอย่างแรก ก็คือ การโกหกกับคำว่า "การปรองดอง" เพราะไม่อย่างนั้น นายคนนี้จะไม่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้อย่างเด็ดขาด

          รอบนี้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการดำเนินการในรูปแบบเดิม สร้างความปั่นป่วนปลุกระดมให้กับบ้านเมืองอีก เราก็คงเห็นพวกแดง hardcore ออกมาปกป้องรัฐบาลที่พวกเขาเลือกแน่ๆ เป่านกหวีดเรียกคนเสื้อแดง โดยการนัดกันแค่นั้น ก็คงจะได้สองหมื่นคนขึ้นไป

         ที่สำคัญคือพวก สื่อ และ นักวิชาการ รวมไปถึง นักปลุกระดมที่ออกมาอย่าง หมอตุลย์ นั้น ก็ควรจะต้องระวังตัว ระวังปากให้ดีเหมือนกัน เพราะเหตุการณ์ในปัจจุบัน มันไม่เหมือนเมื่อสมัย พฤษภาคม 2553 แน่ๆ และ ถ้าจะให้กองทัพฯ เข้ามายุ่งอีก ดิฉันไม่อยากจะวาดภาพ แต่คิดว่า จะเป็นแบบรัสเซีย หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป

          และถ้ามีการตัดสินโดยทางฝ่ายตุลาการภิวัฒน์ อีกครั้งหนึ่ง รับรองได้ว่า ประชาชนเขาไม่ยอมแน่ เผลอๆ กระบวนการยุติธรรมก็อาจจะถึงความระส่ำระสายง่ายๆ ถ้าเกิดทำอะไรขัดขวางสายตาของประชาชนส่วนใหญ่เขา

          ดิฉันคาดว่า ฝ่ายทหารจะโดนหนักที่สุดในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีอาวุธยุโธปกรณ์ดีแค่ไหน มันก็จะต้องมีบุคลากรอยู่เบื้องหลังตลอด พลังความแค้นของคนมันถึงจุดแล้ว และหลายๆ ท่านก็คงจะไม่ยอมให้ใครมาปล้นอำนาจได้อย่างง่ายๆ

          งานนี้ พรรคประชาธิปัตย์น่าจะถูก “ยำ” จากต่างประเทศด้วย นี่ขนาดคนเขียนบทความนี้ เขาอยู่ทางยุโรป ก็ยังทราบรายละเอียดขนาดนี้ ลองคิดดูซิว่า ศัตรูซึ่งพรรคของคุณได้ไปสร้างไว้ทั่วโลกนั้น มีขนาดไหน นี่ยังไม่รวมถึง ประเทศจีนและรัสเซียเสียด้วยซ้ำไป

          ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเรื่องการยึดอำนาจเกิดขึ้น พรรคที่จะพังคือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเกือบทั้งโลก ไม่มีใครไปคบค้าสมาคมด้วย และอย่าหวังพึ่งฝ่ายอำมาตย์เลย เพราะพวกนี้ ก็จะไปไหนมาไหนไม่ได้เหมือนกัน

          ตามบทความนี้ แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าพรรคแมลงสาปจะแพ้การเลือกตั้งแค่ไหน มันก็ไม่ยอมรับฟัง ผลการตัดสินของประชาชนทั้งสิ้น จะเอาแต่พึ่งกับอำนาจจากมือที่มองไม่เห็น อยากจะถามจริงๆ ว่า อำนาจเหล่านั้นน่ะ คุณคิดว่าจะกลับมาง่ายๆ อีกครั้งหนึ่งเชียวหรือ?

          รอบนี้ ผู้เขียนเขาวิเคราะห์มาแล้วว่า การปั่นป่วนควรจะมาในรูปแบบใด เราก็ต้องเตรียมพร้อมค่ะ สงครามยังไม่หยุด เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมหยุดและยอมแพ้

           เขาจะเอา นายกฯ ทักษิณ เข้ามาสร้างกระแสต่อต้านนั่นเอง เราจะเห็นเหตุผลสองข้อแรก ที่นายอรรถพรกล่าวไว้ การโยงเอาตัว นายกฯ ทักษิณเข้ามา เป็นเรื่องง่าย ต่อการปลุกปั่น สร้างความเกลียดชัง และสร้างมวลชนเหมือนคราวที่ผ่านมาเมื่อปี พ.ศ. 2549

           ที่แปลกใจมากก็คือ ยังมีประชาชนพอสมควร โดยเฉพาะทางภาคใต้ และกรุงเทพฯ กระทำการสนับสนุนกับวิธีการสกปรกของพรรคนี้อยู่อีกหรือคะ? แล้วคุณจะเอาการปกครองแบบไหนเข้ามาใช้ในประเทศ แสดงว่า คุณไม่เข้าใจถึงระบอบประชาธิปไตยที่มาจากเสียงคนส่วนใหญ่ของประเทศกันเชียวหรือ?

          พวกเราเสื้อแดง พร้อมหรือยังคะ ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ดิฉันหวังว่า คงจะไม่มีเรื่องของ “สันติ อหิงสา อโหสิ” ในคำศัพท์นะคะ เรามีสิทธิ์ที่และความชอบธรรมต่อการปกป้องรัฐบาลที่พี่น้องเสื้อแดงได้เลือกให้เข้ามาบริหารประเทศ ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยแน่ๆ ค่ะ

ดวงจำปา
อิง:http://thaipoliticalprisoners.wordpress.com/2011/09/11/democrat-party-an...
บทความลงพิมพ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554
http://redusala.blogspot.com

คุก เปิดรออภิสิทธิ์ ?!!
                                                                                          โดย....สอาด จันทร์ดี

         พรรคประชาธิปัตย์คงจะเชื่อสุดลิ่มทิ่มประตูว่า คนอย่างพวกเขาใครจะกล้าเอาเข้าคุก ?
        แต่ช้าแต่...มันบ่แน่ดอกนาย...ดูให้ดี ประตูคุก เริ่มเปิดแง้มให้เห็นไรๆแล้วนะจะบอกให้

                นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คนเสื้อแดงจะสามารถ “นับถอยหลัง” จากคดี ๒๐ ปี ให้ย่นระยะทางถอยกลับมาอยู่ในอายุ ๔ ปีของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้โดยไม่ยาก พร้อมกับเชื่อกินขนมได้เลยว่าทั้งตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอีกหลายคนไม่ชิง “ผูกคอตาย” ไปก่อน คงไม่พ้นเข้าไปนอนในคุก อย่างไม่มีทางหนีไปไหนพ้น

                พี่น้องคนเสื้อแดงคงจะเกิดความสงสัยว่าใครจะกล้าเอาคนพวกนี้ติดคุกได้ เนื่องจากพวกเขาสั่งยิงคนภายใต้กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ อันได้แก่ พรก. ฉุกเฉิน ซึ่งได้ใช้ในสถานการณ์ ศอฉ. ประการสำคัญพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีฆ่าโดยตรง พรรคเพื่อไทยเสียหายในคดีถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างเดียว ซึ่งเป็นความผิดคนละประเด็น จะไม่สามารถ “กล่าวโทษ” อดีตรัฐบาลอภิสิทธิ์ในคดีฆ่าได้ ?

                เปล่า...เข้าใจผิดขอรับ กล่าวคือเจ้าของคดีที่แท้จริงได้แก่ “ญาติหรือพ่อแม่ลูกเมียของคนตาย” ที่จะสามารถร้องต่อศาลได้อย่างยิ่งใหญ่ ใหญ่กว่าขุนเขาพระสุเมรุ และใหญ่กว่าท้องฟ้ามหาสมุทร เมื่อญาติหรือพ่อแม่-ลูกเมียของคนตาย (ที่ถูกทหารฆ่า) พากันกันแห่ไปร้อง ไม่ต้องครบ ๙๑ ศพดอกครับ เอาเพียง ๑๓ ศพเท่านั้น บักหำน้อยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็มีอันตาเหลือกด้วยความตกใจ

                เรื่องที่จะทำให้ตาเหลือกอย่างหนักก็เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน) เขาจะทำการตรวจสอบในรายละเอียด ครบ ๑๓ ศพแล้วลงความเห็นว่าคนตาย-ตายเพราะเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่รัฐ หาใช่ตายด้วยชายชุดดำก็หาไม่ หรือหากแม้นว่านายอภิสิทธิ์ จะยืนยันว่าชายชุดดำเป็นคนยิง แล้วไหนละ...ภาพสักแผ่นที่เป็นภาพของพวกชายชุดดำพวกนั้น ?

                ชายชุดดำที่มีภาพเป็นหลักฐานล้วนแต่เป็นทหารไทยทั้งสิ้น ที่จะสามารถพิสูจน์ว่าชายชุดดำพวกนั้นอยู่ในราบ ๑๑ หรือว่าฐานรบ ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี หรือปราจีนบุรี ?

                ใช่ อภิสิทธิ์กับพวกมีสิทธิ์โต้แย้ง (ข้างๆคูๆ)ก็ให้โต้แย้งไปหรือว่าจะปฏิเสธคอเป็นเอ็นขนาดไหนเพียงไร ก็ให้ปฏิเสธไป ในที่สุดการนำสืบพยานหลักฐานก็จะเผยใบหน้าให้เห็นว่าชายชุดดำพวกนั้นมียศเป็นนายสิบ นายร้อย และนายพัน ...เฮ้อ...มันดิ้นไม่หลุดดอกครับ

                ท่านผู้อ่านครับ ผมไม่จำเป็นต้องมีเอกสารอ้างอิงในการเขียน ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อญาติพี่น้องพ่อแม่ลูกเมียของคนตายเอามาแสดงว่าไม่ได้ปรักปรำ เรียกว่าไม่ต้องอ้างอิงใดๆเลยก็ตาม ก็สามารถที่จะเขียนแบบ “ฟันธง” ได้อย่างตรงประเด็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับอดีตรองนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (และพวก) หนีคุกไม่พ้นคุกดอกท่านเอ๋ย

                ประตูคุกเริ่มแง้มให้เห็นแล้วครับพระคุณท่าน
                เพราะฉะนั้น...นับแต่วันนี้เป็นไป พวกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยากซ่าสุดแสบ ซ่าไปเถิดครับ ซ่าให้สนุก เพราะมันจะเป็นความสนุก “ยกสุดท้าย” ของพวกคุณที่ขึ้นไปโรมรันบนเวทีสัตว์นรก ที่เอาคนโหดมาบริหารประเทศ มันจึงเป็นยกสุดท้ายของพวกไดโนเสาร์ (สัตว์โบราณ) อย่างไม่มีทางเป็นอื่น

                คนโหดในประเทศไทยพวกนี้มีพฤติกรรมสดสวยด้วยการทำบุญบังหน้า อ้าปากให้พรประชาชนบังบาป และยังแต่งตัว ประดับด้วยเพชรนิลจินดาบดบังเรือนร่างอันโสโครก คนพวกนี้ “โหดเหี้ยม” ผิดมนุษย์และเป็นคนขายชาติตัวจริง ?
                ผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าพวกคุณขายชาติจริงตรงไหน จริงไม่จริงขอให้หันกลับไปดูการยึดอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ คราวโน้น จะพบว่าพวกคุณได้ฉุดกระชากประเทศไทยทั้งประเทศให้ถอยหลังเข้าคลอง เกิดภาวะวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำอีก ชาวโลกเขาไม่คบด้วย ดังจะเห็นได้จากหลายประเทศไม่ยอมเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไปเป็นแขก-เปิดสัมพันธไมตรี ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราวฟ้ากับดิน

                ประเทศมหาอำนาจเขาเกลียดชังพฤติกรรมการให้ทหารยึดอำนาจ
                แล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้เชียวหรือว่าชาวโลกเขารังเกียจ

                นี้ไง...คือรูปร่างข้อหาขายชาติที่แท้จริง !

                ผมว่าพวกคุณรู้...แต่พวกคุณมันสันดานดิบ ประเภทชอบของเผด็จการ กล้าที่จะหากินในชาติในสภาพที่ประเทศตกต่ำ จึงมีคำถามว่าชอบของฟรี บริโภคฟรี ใช่หรือเปล่า ? คงจะขอบมากกระมัง จึงนิยมชมชอบการได้เป็นรัฐบาลด้วยการปล้นอำนาจเขามา และนิยมชมชอบในการสร้างรัฐธรรมนูญเผด็จการเอาขึ้นมาสนองตัณหาของพวกคุณ บ้านเมืองจะป่นปี้ขนาดไหนไม่สน

                แม้กระทั่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็ยังไม่สน

                อยากจะบอกความจริงให้รู้ตัวว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่แสนดีในอดีต กลายเป็นพรรคขายชาติก็เพราะได้คน “สันดานดิบ” เข้ามาบริหารพรรค แล้วนำพรรคไปสู่ความตกต่ำ

                พรรคที่ฆ่าคนไม่วันเจริญได้ ?!

                ผมอยากบอกต่อไปว่าหลังจากความพ่ายแพ้ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ แทนที่จะรู้สึกตัว กลับฮึกเหิมและ “เหิมเกริม” ด้วยการประกาศว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะล้มคว่ำภายใน ๖ เดือน โดยเชื่อว่าข้าราชการจะพากันลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งจะเกิดความวิกฤตร้ายแรงอย่างไม่มีทางเลี่ยง

                ชุ่ย...ชุ่ยที่สุด...พรรคประชาธิปัตย์ คุณพยากรณ์ หรือว่าคิดจะทำให้เกิดวิกฤต

                ประชาธิปัตย์เอ๋ย...การที่พวกคุณออกมาขย่มแบบนี้นะ...คำพูดของพรรค
ประชาธิปัตย์ได้ก่อให้เกิดกระแสวิตกในหมู่ของนักลงทุนมิใช่น้อย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างแดนที่เฝ้ารอคอยความสงบสุขในประเทศไทย ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับมาหลังจากการเลือกตั้งใหญ่ กลับพากันชะงักงัน ?!
                หลังวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผ่านไปไม่ถึงเดือน...ควันยังไม่ทันจางเลยครับ   ปากของตระกูลพลบุตร” ส่งสำนวนมีดโกนอาบยาพิษออกมาอีกแล้ว...ไม่เกิน ๖ เดือนบ้านเมืองวิกฤตใหญ่

                ท่านเอ๋ย...นักลงทุนใหญ่ที่ได้ยิน ถึงกับสะดุ้ง



                สะดุ้งอย่างเดียวยังไม่พอ ยังได้ชะงักมือทันทีด้วยการ “ยับยั้ง” รอดูสถานการณ์ในประเทศไปก่อนว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   นายกรัฐมนตรีหญิงจะสารมารถเข็นประเทศไทยไปสู่ความสงบได้หรือไม่ ?


                นักลงทุนต่างชาติจำนวนไม่น้อยพากันเบรกตัวเองอย่างแรง
                สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้...นี้แหละคือการขายชาติขนานแท้ที่ร้ายแรงมาก
                จริงไม่จริง...ขอท่านผู้อ่านโปรดร่วมความคิดแล้ววิเคราะห์เอาเองเถิดครับ ?

บทสรุป:

                ดังนั้น...ดังที่ผมได้เขียนแสดงความเข้าใจในเรื่องนี้ เขียนแล้วก็ต้องคิดหาทางแก้ไขปัญหาให้แก่ประเทศของเรา วิธีแก้ที่จะแก้ให้ได้ผลมากได้แก่ต้องรีบเอานายอภิสิทธิ์เข้าคุกให้ได้
                คุก...ต้องเปิด รอตั้งแต่วินาทีนี้

                ทั้งนี้เนื่องจาก “ใจของญาติ” พ่อแม่ ลูกเมียของคนตายเขาต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ

                ประการต่อมา...รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาลที่คนเสื้อแดงเขาพากันแห่ไปทุ่มลงคะแนนเสียงให้ ซึ่งก็ได้ชัยชนะมาแล้วอย่างท่วมท้น ได้อำนาจรัฐอันเป็นอำนาจของประชาชนที่คนเสื้อแดงได้สละเลือดเนื้อและชีวิต ได้รับความสมหวังในการเลือกตั้งแล้วครับ

                ชนะครั้งนี้ได้ทำลายระบอบเผด็จการไปครึ่งหนึ่ง

                ใช่...ทำลายได้ก็ตรึ่งหนึ่งจริง แต่เป็นการทำลายแบบหยิกเนื้อ...หรือไม่ก็ทำลายเพียงแค่ตะโกนใส่หูให้มันเกิดความรำคาญ (ก็แค่นั้น) ซึ่งจะไม่สามารถโค่นล้มอะไรได้มากไปกว่านี้

                ต้องจับมันเข้าคุก...จึงจะเป็นเครื่องหมายของการทำลายอำนาจป่าเถื่อนของพวกมันได้บ้าง  หลังจากนั้น...เอาตัวขึ้นศาลให้ได้เพื่อจะได้พิจารณาคดีว่าพวกเขามีความผิดมากหรือว่าไม่ผิดเลย

                ถ้ารัฐบาลสามารถจัดการให้พวกฆาตกรเข้าสู่กระบวนการของศาลได้เร็ว

                นั้นแหละ...จะทำให้เกิดความสนงบได้เร็ว
                ถ้าความสงบเกิดได้เร็ว นักลงทุนก็จะกลับมาเร็ว

                ผมขอประกาศถึงท่านจตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสเกื้อ...ขอให้ท่านทั้งสอง จงเป็นแม่ทัพใหญ่ไล่ล่าฆาตกรเหี้ยมให้ได้ตัวโดยไว   ถ้าตามหาไม่พบ...ขอให้ตามไปดู “เงา” ที่พวกเขาตั้งตัวเองเป็นผู้กำกับเวทีด้วยการเป็นรัฐบาลเงา

                ไปจับเงาให้ได้ แล้วจะได้ฆาตกรตัวจริง ?!

                                                                                                                สอาด จันทร์ดี
                                                                                                       ๑๗ กันยายน ๒๕๕๔

http://redusala.blogspot.com