วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554


แถลงการณ์ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔
แถลงการณ์ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔

ฉบับที่ ๓

        จากการติดตามสถานการณ์ในปัจจุบัน คณะทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔  ได้ตระหนักทราบแน่ชัดว่าผู้ทรงอำนาจทางทหารใจปัจจุบันอันประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผบ.ทบ. , พล.อ.ดาว์พงษ์  รัตนสุวรรณ  เสธ.ทบ. และพล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา กอ.รมน. ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินการทั้งปวงที่จะเข้าควบคุมและแทรกแซงอำนาจทางการเมืองอย่างต่อเนื่องโดยได้ดำเนินการในช่วงการเลือกตั้ง  ๓ ก.ค. ๒๕๕๔  โดยได้มีการสั่งการต่อผู้บังคับหน่วยทหารให้เลือกตั้งเบอร์ ๑๐ และเบอร์ ๑๖ และให้กำลังพลและครอบครัวเขียนรายงานกลับว่าเลือกเบอร์ไหนซึ่งนั่นอยู่ในการเฝ้ามองของคณะทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ และการบีบบังคับ กกต.ในการหน่วงเหนี่ยวในการประกาศผลการเลือกตั้งและสร้างมูลเหตุคดีจากการเลือกตั้งอันนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยโดยเร็วไวในที่สุด คณะกรรมการทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ จึงได้ประชุมหารือและมีมติว่าจำเป็นต้องหยุดยั้งมิให้ผู้ทรงอำนาจทางทหารในปัจุบันกระทำการดังกล่าว  ซึ่งเป็นการทำลายชาติและกองทัพได้อีกต่อไป  จึงขอส่งมอบหลักฐานเอกสารการสั่งการในการสังหารประชาชนเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ให้กับประชาชนทั้งประเทศเพื่อดำเนินการตามกฏหมาย กับผู้ทรงอำนาจทางทหารดังนี้
        ๑.วิทยุด่วนภายใน ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ (ลับมาก) คำสั่งศอฉ. กห.๐๔๐๗.๔๕/๔๒ ลงนามโดย รอง นรม. ตามเอกสารที่แสดงให้ดู ในเอกสารชุดที่ ๑ จำนวน ๒ หน้า และเอกสารชุดที่ ๒ จำนวน ๑ หน้า เป็นวิทยุด่วนมากใน ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓ ลงนาม โดย ผบ.ทบ.ดังนี้


เอกสารชุดที่ ๑ และ ๒ ขยายความตามที่ทหารได้รับคำสั่งดังนี้
        ๑.นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการให้ศอฉ.ใช้กำลังทหารที่มีอาวุธเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมใน ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ตั้งแต่ ๑๓.๓๐น. โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรี  เป็นคนลงนามในคำสั่ง  และมีพล.ท.อักษรา  เกิดผล ผช.เสธ.ฝยก. พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ  รอง.เสธ.ฝยก.  และพล.อ.พิรุณ  แพ้วพลสง เสธ.ทบ. และพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  ผบ.ทบ.และพล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รมต.กห. เป็นผู้ลงนาม ตรวจร่างในคำสั่งดังกล่าว  โดยมีความสำคัญของเนื้อหาดังนี้
                ๑.๑อนุญาตให้ทหารใช้อาวุธได้และใช้ยานเกราะรถ รสพ. (รถสายพานลำเลียงพล) ในการปฏิบัติการ
                ๑.๒ใช้แก๊สน้ำตาแบบวิตถาร คือ โปรยจากเฮลิคอปเตอร์
                ๑.๓ไม่มีมาตรการจากเบาไปหาหนัก เพียงแต่แจ้งว่า แจ้งเตือนด้วยวาจาแล้วยิงปืนได้เลย
                ๑.๔มีชายชุดดำเกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติการ
                ๑.๕มีพลซุ่มยิง ซึ่งยิงจากตึกสูงในพื้นที่ปฏิบัติการ (ซึ่งมีการสั่งการ แยกการจากคำสั่งฉบับนี้)
        ๒.พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้สั่งการในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓ ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจนถึง ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยการสั่งการครั้งนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือ
                ๒.๑ทำให้ทหารเข้าใจว่ามีผู้ก่อการร้ายในกลุ่มผู้ชุมนุม
                ๒.๒อนุมัติให้ทหารใช้กระสุนจริงยิงต่อเป้าหมายได้ แม้จะสั่งว่าให้ยิงในระยะ ๓๐-๕๐ เมตร โดยทำการยิงต่ำกว่าระดับหัวเข่าลงมา 
        ๓.ผลที่เกิดขึ้น              
๓.๑มีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนต่างประเทศ
๓.๒มีเหตุการณ์ทั้งภาพและเสียง มีทหารใช้กระสุนจริง
๓.๓มีพลซุ่มยิงซึ่งเป็นพลซุ่มยิงของทหาร
๓.๔หลังการปฏิบัติการมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้เสียชีวิตคน
ใดแต่งกายชุดดำและมีอาวุธติดตัวอยู่ในขณะที่เสียชีวิต
        ๔.การวิเคราะห์
                ๔.๑สมมติฐาน เหตุใดพลซุ่มยิงถึงยิงผู้ชุมนุมที่ศีรษะได้อย่างแม่นยำจนเสียชีวิตและเหตุใดทหารและพลซุ่มยิงถึงไม่ยิงชายชุดดำ
                ๔.๒คำตอบจากข้อ ๓.๑ คือ มีการสั่งการลับให้มีชุดปฏิบัติการพิเศษของนปพ.ทบ. แต่งกายเป็นชายชุดดำเข้าสร้างสถานการณ์ (และถูกสวมรอยโดยชายชุดดำของพล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ซึ่งจัดกำลังจาก ฉก.นราธิวาส ตามแถลงการณ์ฉบับที่๒)   
                ๔.๓นายกรัฐมนตรี , รองนายกรัฐมนตรีและผบ.ทบ. แม้จะปฏิบัติภายใต้อำนาจ พรบ.ความมั่นคงและภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม บุคคลดังกล่าวทั้ง ๓ ย่อมอยู่ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฏหมายอันสูงสุด  สั่งให้ทหารใช้กระสุนจริงยิงเข้าไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมจนทำให้ผู้ชุมนุมเสียชีวิตและสภาพศพถูกกระสุนที่ศีรษะและหน้าอกเป็นส่วนใหญ่และไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำเสียชีวิตและพบอาวุธติดตัวผู้ตายแต่อย่างใด แม้ว่าหากมีผู้ก่อการร้ายจริง ถามว่า บุคคลทั้ง ๓ ตัดสินด้วยการให้ยิงได้เลยหรือ? และกลุ่มคนต่างๆเหล่านั้นเป็นคนไทยมิใช่หรือ? สั่งให้เค้าตายอย่างนั้นได้อย่างไร มีอำนาจมากขนาดนั้นหรือ?
                ๔.๔ไม่ปรากฏการสั่งการหรือการปฏิบัติของ ศอฉ. โดยนายกรัฐมนตรี , รองนายกรัฐมนตรีหรือ ผบ.ทบ. ที่สั่งการทหารใช้น้ำฉีด ใช้แก๊สน้ำตา ตามหลักสากลที่นานาชาติใช้ดำเนินการต่อผู้ชุมนุม แต่มีการใช้แก๊สน้ำตา โปรยจากเฮลิคอปเตอร์ซึ่งมีที่เดียวในโลก
                ๔.๕เอกสารชุดที่ ๑ (เหตุการณ์ในห้วง ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓) จำนวน ๓ แผ่นนี้ คือหลักฐานที่ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะกรรมการศอฉ. ต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตทั้ง ๙๑ ศพและผู้บาดเจ็บอีกกว่า ๒,๐๐๐ นาย และต้องยอมรับผิดต้องขอโทษต่อประชาชนและตกเป็นผู้ต้องหาในการสั่งการให้สังหารประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่ดำเนินการดังกล่าว คณะกรรมการทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ จะนำเอกสารชุดที่ ๒ ชุดที่ ๓ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงของการสั่งการเหตุการณ์ในห้วง ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ มาเสนอต่อประชาชนต่อไป

ทหารตำรวจประชาธิปไตย  ๒๕๕๔
                                                                    ๑  สิงหาคม  ๒๕๕๔

http://redusala.blogspot.com