วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รวบแม่ศิริโชค โสภา วอลเปเปอร์มาร์ค คาสนามบินดอนเมือง ข้อหาฉ้อโกง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 6 พ.ค. พ.ต.ท.นุสรณ์ อินน้อย สวป.สน.ดอนเมือง พร้อมชุดจู่โจมได้เข้าจับกุม น.ส.เสาวรส โสภา อายุ 73 ปี แม่ของนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อยู่บ้านเลขที่ 185/1 ซอยทรงสะอาด แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ เลขที่ จพ267/2554 ลงวันที่ 3 พ.ค. 2554 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าประตูทางออกผู้โดยสารขาออก สนามบินดอนเมือง แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง หลังจากได้รับเบาะแสจากนายมนตรี สิหนาทกถากุล ผู้เสียหาย ซึ่งต่อมา ทางญาติของ น.ส.เสาวรสได้ยื่นหลักทรัพย์จำนวน 5 แสนบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวออกไป และเดินทางไปศาลในช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค.

 นายมนตรี สิหนาทกถากุล เจ้าของโรงแรมแลนด์มาร์ค เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับ น.ส.เสาวรสเป็นเวลานานกว่า 30 ปีแล้ว ก็มีการให้ยืมเงินทองกันเป็นประจำ จนเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทางน.ส.เสาวรสได้ขอยืมเงินตน จำนวน 15 ล้านบาท พอเดือนต่อมาก็ได้เขียนเช็คทยอยจ่ายคืน 10 ใบ ใบละ 1.5 ล้านบาท จนกระทั่งวันที่ 15 ต.ค. ตนได้นำเช็คที่เซ็นมาจำนวน 3 ใบไปขึ้นเงินกับธนาคาร พบว่าเช็คเด้ง เมื่อตรวจสอบพบว่า น.ส.เสาวรสเป็นบุคคลล้มละลายและต้องพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเขียนเช็คได้

 นายมนตรีกล่าวว่า ตนพยายามติดต่อทวงถาม ซึ่งทางน.ส.เสาวรส ก็ได้แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงินให้ โดยอ้างว่าธุรกิจส่งออกกุ้งและปลาหมึกไปยังประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหา ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ ที่สุดตนจึงมอบอำนาจให้ทนายความไปฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งศาลได้นัดตนและฝ่ายน.ส.เสาวรสมาไกล่เกลี่ย ซึ่งศาลได้มีหมายเรียก 3 ครั้ง แต่น.ส.เสาวรสไม่ได้มาตามนัดหมายของศาล จึงได้มีหมายจับออกไป จนทราบว่าน.ส.เสาวรส จะเดินทางกลับมาจากการพบปะหัวคะแนนของพรรคปชป. ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ให้เข้าจับกุม เมื่อเดินทางมาที่สน.ดอนเมือง น.ส.เสาวรสได้พูดโอ้อวดโวยวายว่าเป็นแม่ของนายศิริโชค โสภา และพูดข่มขู่ตนด้วย ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกไป

http://redusala.blogspot.com
ตกลงใครกะล่อนกันแน่ ตาชัย หรือ อ้ายหมี.....หน้าฮ๊าก
‘อภิสิทธิ์’ปฏิเสธทูลเกล้าฯกฤษฎีกายุบสภา

เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3046 ประจำวัน พุธ ที่ 4 พฤษภาคม 2011
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10572
         ยังไม่ชัดเจนเรื่องกำหนดยุบสภาเมื่อ “อภิสิทธิ์” ออกมาปฏิเสธทูลเกล้าฯถวายร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรออกมาเปิดเผย อ้างเป็นการเข้าใจผิดเพราะที่ยื่นไปแล้วคือความเห็นเรื่องกฎหมายลูก 3 ฉบับ ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาประกอบการวินิจฉัย “สุเทพ” เชื่อหากจำเป็นต้องเลื่อนยุบสภาจะไม่มีปัญหาแทรกซ้อน “ชวรัตน์” เจียมตัวเป็นแค่พรรคอันดับ 3 ไม่คิดแย่งนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี “ภูมิธรรม” ทวิตจวกแนวคิดพรรคอันดับ 2 ชิงตั้งรัฐบาล เป็นการแสดงสันดานการเมือง “มิ่งขวัญ” โผล่ร่วมประชุมพรรคเพื่อไทยดับข่าวลือแยกตัวตั้งพรรคใหม่.

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว


อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปสอบถามนายอภิสิทธิ์กลับได้รับคำตอบว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังไม่ได้นำทูลเกล้าฯ ส่วนการตีความกฎหมายลูกของศาลรัฐธรรมนูญนั้นได้ส่งความเห็นเพิ่มเติมไปให้แล้ว


“มาร์ค” ไม่รู้ยุบสภาเมื่อไร


เมื่อถามว่าจะทูลเกล้าฯถวายพระราชกฤษฎีกายุบสภาได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบคำถาม


ผู้สื่อข่าวได้กลับไปสอบถามนายชัยอีกครั้งได้รับคำตอบว่า การเสนอยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯบอกแบบนั้นก็ต้องเชื่อ


“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด แต่เมื่อนายกฯบอกแบบนั้นก็ต้องเชื่อนายกฯ เพราะอำนาจตัดสินใจยุบสภาเป็นของนายกรัฐมนตรี”


“สุเทพ” เชื่อเลื่อนยุบสภาไม่มีปัญหา


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลจะเสนอความเห็นร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพิ่มเติม


ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดได้ในวันที่ 9 พ.ค. จนต้องเลื่อนการยุบสภาออกไปหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ต้องรอดูในช่วงวันสองวันนี้ก่อนว่ามีความจำเป็นอะไรบ้าง หากจำเป็นต้องยืดวันยุบสภาออกไปก็ไม่น่ามีปัญหาแทรกซ้อน เพราะอย่างไรก็ต้องมีการยุบสภาอยู่แล้ว


ปชป. วางตัวผู้สมัคร ส.ส. แล้ว 90%


นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้พรรควางตัวผู้สมัคร ส.ส. แล้ว 90% เหลืออีก 10% ยังต้องพิจารณาเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด ส่วนกรณีของนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กรุงเทพฯ ที่ไม่พอใจถูกดันไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อนั้น ความจริงน่าจะพอใจ เพราะได้เป็น ส.ส. โดยไม่ต้องหาเสียง แต่หากยังคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง


นายสุเทพกล่าวอีกว่า ประชาชนไม่ควรไปเชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่อ้างว่ากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ทำโพลสำรวจครั้งที่ 4 ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. ถึง 280 เสียง ถ้าไม่เชื่อคนอย่างนายจตุพรประเทศชาติจะดีขึ้น


ปปช. มั่นใจมีเลือกตั้งแน่


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุม ส.ส. พรรคว่า ที่ประชุมมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน แม้นายกรัฐมนตรีจะยังไม่ชัดเจนเรื่องกำหนดวันยุบสภา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคคาดว่าจะแข่งกัน 3 เรื่องใหญ่คือ 1.แข่งเสนอนโยบายสร้างความพึงพอใจกับประชาชน 2.การใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง และ 3.การใช้มวลชนเคลื่อนไหวคู่ขนานกับพรรค
“ฝ่ายตรงข้ามถือเดิมพันสูงมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องทำทุกรูปแบบเพื่อชนะเลือกตั้ง”


ภูมิใจไทยอ้างโพลได้ ส.ส. 70 คน


นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธาน ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แถลงหลังการประชุมพรรคว่าจะมี ส.ส. จากพรรคอื่นมาร่วมงานกับพรรคประมาณ 20 คน ขณะที่ ส.ส. เดิมของพรรคไม่มีใครย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น ขณะนี้พรรคมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งแล้วทุกด้าน ซึ่งจากการทำโพลของพรรค พบว่าจะได้ ส.ส. ประมาณ 70 คน โดยจะเปิดตัวผู้สมัครทันทีที่ยุบสภา


ส่วนกรณีที่ กกต. ห้ามนำสถาบันมากล่าวอ้างเพื่อหาเสียงนั้น ประธาน ส.ส. พรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของพรรค เมื่อ กกต. ยังไม่มีระเบียบออกมาอย่างชัดเจน พรรคก็จะทำกิจกรรมตามปรกติ


“ชวรัตน์” ไม่คิดแย่งนั่งเก้าอี้นายกฯ


นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส. ประมาณ 60-80 เสียง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และจะไม่เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นนายกฯช่วงนี้ลำบาก ต้องทำงานบนความขัดแย้ง ขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลดีกว่า


นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยอมรับว่ามีรายงานการเตรียมก่อความรุนแรง ความวุ่นวายในช่วงเลือกตั้ง แต่ไม่ถึงกับใช้ระเบิดให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะป้องกันให้ดีที่สุด
อัดสร้างข่าวพรรคชนะไม่ได้ตั้งรัฐบาล


ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่รักษาคำพูดเรื่องยุบสภา หากข่าวที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรบอกว่าทูลเกล้าฯถวายร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วเป็นเรื่องจริง เพราะทราบมาว่ามีคนใกล้ชิดและคนในพรรคร่วมรัฐบาลบางคนพยายามให้ยืดเวลาการยุบสภาออกไป เพื่อหวังหาผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย


“ขณะนี้มีการสร้างข่าวว่าพรรคที่ชนะเลือกตั้งได้เสียงเป็นอันดับ 1 จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย และคนในรัฐบาลตลอดจนนายกรัฐมนตรีก็พูดชัดเจนว่าพรรคอันดับรองลงมามีสิทธิตั้งรัฐบาล หากรวมเสียงข้างมากในสภาได้ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อฉันทามติของประชาชน ดังนั้น อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิ่มข้อตกลงในสัตยาบันอีก 1 ข้อ กำหนดให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล”


โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า พรรคจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหลังจากที่มีการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการแล้ว 2 วัน


“มิ่งขวัญ” โผล่ร่วมประชุมเพื่อไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสามัญพรรคเพื่อไทยเพื่อคัดเลือกรรมการบริหารพรรคแทนคนที่ลาออกไป 11 คน ปรากฏว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพรรคมาระยะหนึ่งจนมีข่าวว่าจะออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะไม่พอใจที่ไม่ถูกวางตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมประชุมและลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรคด้วย


อ้างหายตัวไปทำนโยบายให้พรรค


นายพร้อมพงศ์ชี้แจงว่า นายมิ่งขวัญหายไปทำนโยบายให้พรรค และฝากมาบอกทุกคนด้วยว่าไม่เคยคิดทิ้งพรรค


“ทีมเศรษฐกิจมอบหมายให้นายมิ่งขวัญไปจัดทำนโยบายเกี่ยวกับการหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งขณะนี้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากได้นำไปใช้เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นถุงเงินของเอเชีย”


จวก “มาร์ค” โชว์สันดานการเมือง


นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวถึงเรื่องการยุบสภาว่า ฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูด “ใครควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล” ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯแล้ว สรุปได้คำเดียวว่า “มารยาททางการเมือง” สำคัญน้อยกว่า “สันดานทางการเมือง” ระวังสันดานทางการเมืองที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ขัดต่อธรรมเนียมการปกครอง และเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนจะเกิดปัญหา อยากแนะนำให้ดูนิสัยที่น่าเคารพอย่างนายชวน หลีกภัย เป็นตัวอย่าง การเลือกตั้งเมื่อปี 2539 แพ้พรรคความหวังใหม่ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แค่ 2 เสียงก็ประกาศให้พรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล แล้วเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดตรัง เป็นผู้แพ้ที่มีความสง่างาม ได้ใจทุกฝ่าย


หวั่นศาล รธน. ชี้กฎหมายลูกมีปัญหา


นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังไม่มั่นใจเรื่องเลือกตั้งเพราะต้องรอดูการตีความกฎหมายลูกของศาลรัฐธรรมนูญ หากมีมติว่าขัดรัฐธรรมนูญคงวุ่นวายเพราะ กกต. บางท่านยืนยันชัดเจนว่าหากไม่มีกฎหมายลูกก็ไม่เอาด้วยเพราะกลัวติดคุก


นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ยืนยันว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความกฎหมายลูกเสร็จไม่ทันยุบสภาก็จะจัดเลือกตั้งต่อไป เพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต. ออกระเบียบ และประกาศใช้จัดเลือกตั้งได้


กกต. ไม่มีปัญหาจัดเลือกตั้ง


“ผมไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร แต่หากจะใช้ระเบียบประกาศของ กกต. จัดเลือกตั้งก็ต้องออกมาก่อนเปิดรับสมัคร ส.ส.”


นายประพันธ์ยังกล่าวถึงระเบียบห้ามอ้างสถาบันหาเสียงเลือกตั้งว่า คงไม่กำหนดรายละเอียดว่าห้ามทำอะไรบ้าง เพราะคิดว่าพรรคการเมืองมีดุลยพินิจได้ว่าอะไรควรไม่ควร


นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงการหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ว่า ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้าม ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะไม่ทำให้บ้านเมืองสกปรก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสื่ออนไลน์ควบคุมยาก


***************************
http://redusala.blogspot.com
ถ้าไม่เข้าข้างกู ก็คือ ไม่เป็นธรรม มึงจำไว้
        เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3047 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 5 พฤษภาคม 2011

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10579


“สุเทพ”โวยฮิวแมนไรท์วอทช์เอียงข้างป้ายสีทหารฆ่าเสื้อแดง
         “สุเทพ” โวยรายงานฮิวแมน ไรท์ วอทช์ กล่าวหารัฐบาลทหารฆ่าคนเสื้อแดง ระบุก่อนพูดอะไรควรทำใจให้เป็นกลาง แสวงหาข้อมูลข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อน เพราะทำให้ประเทศไทยเสียหาย แนะให้รอฟังผลสอบของ คอป. และรายงานของคณะกรรมการชุดต่างๆที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นดีกว่าเชื่อฝรั่งตาน้ำข้าว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ นำเสนอรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 โดยมีเนื้อหาให้ร้ายว่ารัฐบาลและทหารจงใจฆ่าประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองว่า องค์กรนี้ควรจะมีความเป็นกลาง ไม่เอนเอียง ก่อนที่จะนำเสนออะไรออกมาควรตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ดีเสียก่อน


“ขณะนี้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีอาจารย์คณิต ณ นคร เป็นประธาน กำลังทำหน้าที่อยู่ ทำไมเราไม่รอฟังอาจารย์คณิต ทำไมต้องไปฟังฝรั่งที่มากล่าวหาประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการอีกหลายคณะที่ตั้งขึ้นมาหลังจากที่คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง เขาเพิ่งทำงานกันมา 10 กว่าเดือน บางคณะก็เสนอรายงานเบื้องต้นต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว และยังต้องทำงานต่อเพื่อหาแนวทางสร้างความปรองดองและพัฒนาประเทศ”


ผู้สื่อข่าวถามแย้งว่าคณะกรรมการเหล่านี้ผิดหวังรัฐบาลเพราะเสนออะไรมาไม่ค่อยรับหรือตัดทอนข้อเสนอออก นายสุเทพกล่าวว่า ไม่จริง รัฐบาลไม่เคยตัดทอนอะไรเลย เพียงแต่ข้อเสนอบางเรื่องยังต้องการรายละเอียดเพิ่ม เช่น ข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญหลายประเด็น หากทำตามนั้นโครงสร้างและระบบของสภาจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งต่างจากระบบที่เราใช้กันอยู่ หรือข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศก็มีรายละเอียดมาก โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาถือครองที่ดิน เรื่องความยุติธรรม บางเรื่องรัฐบาลทำอยู่แล้ว และบางเรื่องก็กำลังจะทำ


“ข้อเสนอบางเรื่องมันทำยาก เช่น เรื่องการจำกัดสิทธิถือครองที่ดิน หากทำผิดพลาดอาจเกิดสงครามกลางเมืองเหมือนในประเทศอื่นๆได้ ผมก็เคยแก้ปัญหาเรื่องที่ดินจนเกือบจะตายทางการเมืองมาแล้ว ขอร้องว่าให้มาช่วยกันทำ อย่าเอาแต่ตำหนิ เพราะเราจะต้องเปลี่ยนอะไรกันอีกมาก”


*****************************************
http://redusala.blogspot.com
ล็อกเป้า‘จตุพร-นิสิต’ไต่สวนพยานถอนประกันตัวอัยการเน้นพิเศษ
        เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3047 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 5 พฤษภาคม 2011
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10581


         การไต่สวนเพื่อพิจารณาถอนประกันแกนนำ นปช. 9 คนยังไม่เสร็จ เพิ่งเบิกความพยานโจทก์ได้ปากเดียว ศาลนัดใหม่วันที่ 9 พ.ค. โดยมี “ธาริต-ถวัลย์” รอคิวให้ปากคำ แกนนำ นปช. ตั้งข้อสังเกตเบิกความวันแรกอัยการเน้นที่ “จตุพร-นิสิต” เป็นพิเศษว่าทำผิดมาตรา 112 จริง เตรียมพยานเบิกความแก้ “ธิดา” มั่นใจไม่มีใครถูกถอนประกัน แต่จะถูกจำกัดสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมกับคนเสื้อแดงมากขึ้น “วรวุฒิ” ขอให้คนเสื้อแดงตั้งสติอยู่ในความสงบรอฟังคำสั่งศาล

วันที่ 4 พ.ค. 2554 ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลเปิดไต่สวนก่อนชี้ขาดกรณีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นคำร้องตามข้อเสนอของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายนิสิต สินธุไพร และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลยคดีก่อการร้าย เนื่องจากทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว กรณีกล่าวปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมามีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง


ทั้งนี้ อัยการได้เตรียมพยานมาเบิกความในการไต่สวน 5 ปาก ขณะที่แกนนำ นปช. ทั้ง 9 คน เดินทางมาศาลและเตรียมพยานเบิกความค้าน 15 ปาก
“จตุพร-นิสิต” พูดหมิ่นเบื้องสูง


คำร้องของอัยการระบุว่า ภายหลังที่จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวได้กระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันตัวด้วยการจัดชุมนุมและปราศรัยต่อมวลชนหลายครั้ง โดยจำเลยทั้งเก้าและพวกผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัย พูดโน้มน้าว ปลุกปั่น ปลุกระดมให้ผู้ร่วมชุมนุมเกลียดชังรัฐบาล ทหาร และกระบวนการยุติธรรม โดยให้เชื่อว่าการเข้าสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. 2553 เป็นการปราบปรามและฆ่าประชาชนโดยรัฐบาลและกองทัพ ขณะที่บางศาลก็เอียง เชื่อถือไม่ได้ โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้บงการ นอกจากนี้ยังพาดพิงสถาบันเบื้องสูงในทางเสียหายด้วย โดยเฉพาะนายจตุพรและนายนิสิตได้กล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน


รอง ผบช.น. ย้ำหมิ่นเบื้องสูงจริง


พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เบิกความในฐานะพยานโจทก์ปากแรกระบุว่า หลังจากจำเลยทั้ง 9 คนได้รับการประกันตัวก็ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงหลายครั้งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งมีการติดตามบันทึกเทปการปราศรัยและถอดเทปส่งให้คณะกรรมการพิจารณาข้อกฎหมายของกองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาทุกครั้งว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ จากการถอดเทปคำปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบว่านายจตุพรและนายนิสิตปราศรัยโดยมีข้อความหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงนำหลักฐานทั้งหมดเสนอต่อดีเอสไอเพื่อยื่นเรื่องต่ออัยการเสนอศาลพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว


ศาลนัดไต่สวนใหม่วันที่ 9 พ.ค.


อย่างไรก็ตาม ศาลได้ไต่สวน พล.ต.ต.อำนวยเพียงปากเดียว ก่อนสั่งเลื่อนการไต่สวนไปเป็นวันที่ 9 พ.ค. ทำให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ถอดเทปคำปราศรัยซึ่งเดินทางไปเป็นพยานโจทก์ยังไม่ได้เบิกความ


ด้านนายนิสิตกล่าวว่า วันที่ 9 พ.ค. จะเบิกความพยานโจทก์อีก 2 ปากคือ นายธาริตกับ พ.ต.ท.ถวัลย์ ส่วนอีก 2 ปากศาลจะพิจารณาว่ายังจำเป็นหรือไม่
ชี้เบิกความเน้น “จตุพร-นิสิต” เป็นพิเศษ


“ผมยืนยันว่าการปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาไม่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เพราะไม่ได้พาดพิงอะไรเลย จากการไต่สวนวันนี้สังเกตว่าอัยการจะเน้นมาที่ผมและนายจตุพรเป็นพิเศษ ส่วนแกนนำคนอื่นๆจะกันไว้เป็นพยาน การไต่สวนในวันที่ 9 พ.ค. นี้จึงต้องหารือว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร”


นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. แถลงว่า ขณะนี้ศาลยังไม่ได้ชี้ขาดว่าจะถอนประกันตัวแกนนำหรือเพิ่มเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ ดังนั้น ขอให้คนเสื้อแดงอยู่ในความสงบและตั้งสติให้ดี เพราะเชื่อว่ามีงานที่จะต้องทำ เนื่องจากผลโพลทุกสำนักยืนยันตรงกันว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแน่นอน ดังนั้น พวกมือที่มองไม่เห็นคงไม่อยากให้มีเลือกตั้ง คนเสื้อแดงคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป


“ธิดา” มั่นใจไม่มีใครถูกถอนประกัน


นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่แกนนำจะไม่ถูกถอนประกัน แต่อาจถูกจำกัดบทบาทการมีส่วนร่วมต่อประชาชนมากขึ้น ส่วนจะแค่ไหน อย่างไร ต้องรอฟังศาล


“ภารกิจหลักของคนเสื้อแดงตอนนี้คือการผลักดันให้มีรัฐบาลของประชาชนให้ได้ เพราะความเข้มแข็งของประชาชนเท่านั้นที่จะสร้างประชาธิปไตยได้”


**************************************
http://redusala.blogspot.com
แฉกอ.รมน.เพิ่มกำลังลงพื้นที่ทุกเขตเลือกตั้ง
       เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3048 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 6 พฤษภาคม 2011

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10586

         เพื่อไทยแฉ กอ.รมน. เพิ่มกำลังลงพื้นที่ทุกเขตเลือกตั้งจากเดิม 2 คน เป็น 4 คน ใช้ข้ออ้างไปตรวจหายาเสพติด นอกจากนี้ยังพบบางพื้นที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต เพราะลงพื้นที่ 2 คนเท่าเดิม แต่เบิกเบี้ยเลี้ยง 4 คน จี้ กกต. ตรวจสอบทำได้หรือไม่ ด้านประชาธิปัตย์เรียกร้อง กกต. สอบการจัดชุมนุมใหญ่ครบรอบ 1 ปีสลายการชุมนุม 19 พ.ค. ของคนเสื้อแดงทำได้หรือไม่ เพราะเป็นการชุมนุมที่มีจุดประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง และขอให้แสดงความชัดเจนเรื่องคนเสื้อแดงตามโห่ไล่เวลาลงพื้นที่เมื่อมีกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้วถือเป็นความผิดหรือไม่ “ขวัญชัย” เผยแกนนำเสื้อแดงงดกิจกรรมอื่นในช่วงนี้ เพราะต้องหันไปทุ่มเทเดินสายช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียง

นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคตรวจพบว่ามีกำลังจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ลงพื้นที่ทั่วทุกภาค โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯพบว่าได้เพิ่มกำลังจากเขตเลือกตั้งละ 2 คน เป็น 4 คน โดยอ้างว่าลงพื้นที่ตรวจยาเสพติด


“ผมอยากให้ช่วยกันตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะบางเขตมีพฤติกรรมส่อทุจริตเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง เนื่องจากลงพื้นที่ 2 คน แต่เบิก 4 คน และอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาช่วยดูด้วยว่าการกระทำของ กอ.รมน. ครั้งนี้ถูกต้องหรือไม่”
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่าแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ได้ตบเท้าลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคเพื่อไทยภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้กังวลว่าแม้จะมีการเลือกตั้งก็จะยังมีความวุ่นวายเกิดขึ้น เพราะแกนนำ นปช. ประกาศจัดชุมนุมใหญ่วันที่ 19 พ.ค. นี้ เพื่อรำลึก 1 ปีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง


“ประชาชนกำลังวิตกต่อการเคลื่อนไหวของแกนนำ นปช. เพราะเดินยุทธศาสตร์ 2 ขา คือเคลื่อนไหวนอกสภาและในสภา เพื่อใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองในเรื่องคดีความหากได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เมื่อเป็นอย่างนี้แม้จะมีการเลือกตั้งบ้านเมืองจะสงบได้อย่างไร”


โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงรายงานของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ที่แกนนำ นปช. เอามากล่าวอ้างว่าทหารฆ่าประชาชนว่า เป็นการบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิดเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง เพราะรายงานของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ไม่ได้ระบุอะไรที่ชัดเจน


“รายงานเขียนว่ามีคนชุดดำที่สั่งการโดยแกนนำยิงใส่เจ้าหน้าที่ เรื่องนี้แกนนำก็ไม่เอามาพูด เลือกพูดเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง”


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นปช. ไม่ควรมาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เพราะไม่ได้เป็นพรรคการเมือง เป็นเพียงเครื่องมือของพรรคการเมือง การที่ นปช. ประกาศชุมนุมในวันที่ 19 พ.ค. โดยอ้างว่าครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุม อยากถามว่าถ้ามีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้ว นปช. ยังสามารถจัดชุมนุมได้อีกหรือไม่ เพราะเป็นการชุมนุมที่มีเจตนาแอบแฝงทางการเมือง จึงอยากให้ กกต. ตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมกับตรวจสอบการจัดตั้งกลุ่มคนไปตามโห่ไล่คนของรัฐบาลเวลาลงพื้นที่หาเสียงที่อาจเกิดขึ้นว่าทำได้หรือไม่ ถือเป็นความผิดหรือไม่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้ว


“ขณะนี้ปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังใช้เครื่องมือและกลไกทางการเมืองของตัวเองทุกรูปแบบเพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมือง กลุ่มมวลชน และสื่อ”


นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำ นปช. กล่าวว่า ช่วงนี้ นปช. จะงดกิจกรรมการตั้งเวทีปราศรัย เพราะแกนนำจะเน้นเดินสายปราศรัยหาเสียงให้พรรคเพื่อไทยเป็นหลัก
*************************************************
http://redusala.blogspot.com
ปรัชญาปกครองแบบพอกันที

มืองไทยนี้ดี เรามีหลักการที่ราชการประกาศว่าคือปรัชญา โดยไม่ต้องรอให้แนวคิดตกผลึก หรือพิสูจน์ให้เป็นที่ยอมรับต่อมวลชน และสากลโลกเสียก่อนว่าปราชญ์เปรื่องเลื่องลือจริง เพียงมีผู้สมคบ และนบนอบนำมาใช้กับคนบางกลุ่มอันเป็นส่วนใหญ่

ว่า ถ้าไม่อยากชอกช้ำกับความแตกต่างทางฐานะ และความเป็นอยู่อันห่างกันลิบลับ* ที่เรียกว่าช่องว่างแห่งชนชั้นละก็ ต้องยึดถือปฏิบัติปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่นเดียวกับความเจ็บช้ำทางการเมืองอันเกิดจากการปราบปรามผู้มีความเห็นต่างหลายครั้งหลายครา เสร็จแล้วก็มักจะนำเอาแนวคิดที่มีชื่อเลิศเลอว่า สมานฉันท์ มาใช้เยียวยา
แนวคิดเช่นว่านี้ไม่ช้าคงจะได้รับยกย่องเป็นปรัชญาเช่นกัน เพราะดูจะเป็นทางออกง่ายๆ แบบไทยที่ใช้บ่อยในการแก้ไขปัญหาความแตกต่างทางการเมือง และสยบการต่อต้านวิธีปกครองที่กระทำต่อกลุ่มคนอย่างไม่เท่าเทียม นั่นคือกำหราบด้วยกำลังทหาร และอาวุธเข่นฆ่าเสียก่อน แล้วค่อยปรองดองให้แล้วกันไปภายหลัง
จากนั้นก็นิรโทษกรรมทุกฝ่ายที่รอดตาย หรือยังอยู่ รวมทั้งผู้ที่ได้กระทำผิดหลักสิทธิมนุษยชนสากลไปแล้วด้วย
อีกสองวันก็จะเข้าสู่เดือนพฤษภาคมแห่งความช้ำชอกสำหรับคนเสื้อแดงที่โหยหาความยุติธรรมถ้วนหน้า ในวาระครบขวบปีของการสูญเสียครั้งมเหาฬารในภาคประชาชน ๙๓ ชีวิตถูกปลิดไป อีกกว่าร้อยไร้อิสรภาพ ไม่นับอีกเป็นพันยากไร้เพราะบาดเจ็บ
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะพวกเขาเรียกร้องต้องการเสรีภาพ และความเท่าเทียมในระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง แม้จะอยู่ภายใต้สร้อยห้อยท้ายที่มันขัดแย้งในทีกับชื่ออุดมการณ์ ก็มิควรที่การบังคับใช้กฏหมาย และกระบวนตุลาการต้องถูกบิดเบือนไปด้วยเพทุบายแห่งมาตรฐานซ้อน
ขณะภาพพจน์ทางการเมืองตลอดกว่า ๖๐ ปีที่ผ่านมา เคยแค่ครึ่งๆ กลางๆ บัดนี้หมดสิ้นแล้วซึ่งความชอบธรรมที่จะใช้คำว่า ประชาธิปไตย คงเหลือไว้แต่สร้อยห้อยท้ายที่คนกลุ่มหนึ่งถึงจะมีหยิบมือเดียวแต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่าพวกเขา เส้นใหญ่ กำลังพยายามนักหนาให้เป็นไปตามสร้อยนั้นทั้งดุ้น
ดังจะเห็นว่าถึงแม้นายกรัฐมนตรีเทพประทานยันด้วยปากว่าจะยุบสภาในต้นเดือนพฤษภาคมนี้แน่ แต่พวกม็อบมัฆวานก็ยังคงนั่งยันนอนยันกันอยู่ได้ข้างทำเนียบว่าไม่เอาเลือกตั้ง มิหนำซ้ำพวกวิชาชีพ อยากเป็นเจ้าคนนายคน สองสามกองพลเสือบูรพา ต่างออกมาสวนสนามความพร้อมเพรียงกันเป็นรายปักษ์ เพื่อช่วยกันเขย่งยันให้ประจักษ์ชัดยิ่งขึ้นว่า
ต้นเดือนพฤษภานี้เป็นฤกษ์งามยามดีแก่การพลิกผันแผ่นดินไปสู่ Dark Side ในความมืดทางการเมืองแบบพม่า
สัญญานเตือนภัยสำหรับประชาชนที่รัก และหวงแหนเสรีภาพในวิถีประชาธิปไตยถูกปูดเป่าไม่ขาดสาย ไหนจะคำพูดแบบ ขี้ข้าพลอย ที่ว่าอย่าให้ทนไม่ได้ต้องจับปืน สมทบด้วยกระบวนการกำจัดขวากหนามของการเข้าสู่ระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งการสุมใส่ข้อหาความผิดอาญา มาตรา ๑๑๒ แก่ผู้แสดงความเห็นต่าง และการไล่ล่าปิดสถานีวิทยุชุมชน ๑๓ แห่ง
รวมไปถึงคำพูดแบบไร้จิตสำนึกประชาธิปไตย นิสัยงูเห่าของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล ที่ว่าการปะทะชายแดนไทย-เขมรอาจทำให้ต้องเลื่อนการยุบสภาออกไป หรือคำพูดล่าสุดแบบโยนหินถามทางของนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งคนดัง ว่าข้อพิพาทชายแดนอาจกระทบถึงการเลือกตั้งในประเทศไทยได้
ไม่นับคำพูดของ หัวโจก เหนือหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเนวิน ชิดชอบ ที่ว่านี่จะมีเลือกตั้งกันจริงๆ หรือ (เหตุที่ไม่นับเพราะคนพูดยังอยู่ในฐานะตามคำพิพากษาห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง ๕ ปี)
เหล่านี้จึงเป็นการเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ๕๔ อย่างระทึกยิ่งสำหรับพรรคเพื่อไทย และ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งมุ่งมาตรเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การเยียวยาพี่น้องที่ได้รับเคราะห์กรรม ไปสู่การสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้เกิด และไปสู่การมีสิทธิมีเสรีของประชาชนอย่างแท้จริงในระบอบประชาธิปไตย
ด้วยความฝันอันบรรเจิดที่ว่าคะแนนเสียงข้างมากจะส่งผลให้พรรคการเมืองที่ประชาชนส่วนใหญ่ศรัทธา และให้ความไว้วางใจ ได้จัดตั้งรัฐบาลบนพื้นฐานของระบบประชาธิปไตยแบบมีสร้อยอีกครั้ง ด้วยข้อแม้เล็กน้อยว่าถ้าสามารถแหวกผ่านการกระชับพื้นที่ด้วยฤกษ์ดีของผู้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาไปได้
ทว่าประชาธิปไตยแบบมีสร้อยเช่นเคยนั้นจะสามารถนำความยุติธรรมมาสู่ผู้ถูกคร่าชีวิต และญาติมิตรครอบครัวได้แค่ไหน เป็นความหวังตั้งนโมอาราธนากันไว้ ท่ามกลางความมั่นใจว่าผู้บริหารงานแผ่นดินคนเก่าถ้ากลับมาใหม่จะทำให้ช่องว่างระหว่างอำมาตย์-ไพร่ ที่ถูกปล่อยให้หมักหมมเน่าเฟะจนกลายเป็นแผลกลัดหนอง
ได้รับการเยียวยาให้ผ่อนคลาย มองเห็นทางปรองดอง ไปสู่สมานฉันท์ในชาติ
แต่ก็น่าเสียดายที่ปรัชญาเรื่องความสมานฉันท์ทางการปกครองของผู้กุมอำนาจทางการเมืองขณะนี้ ไม่ได้สอดคล้องกับทฤษฎีประชาธิปไตยแท้จริงที่สากลโลกยึดมั่น และเชิดชู จึงน่าจะเป็นได้แค่ปรัชญาปกครองแบบพอกันทีเสียมากกว่า
ท่าทีสมานฉันท์ที่แสดงออกมาจากกลุ่มผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อาวุธปกป้องราชบัลลังก์ เป็นเพียงการสำแดงกำลังเพื่อกำหราบคนที่คิดต่าง และกดหัวผู้ที่วิพากษ์ความไม่เที่ยงธรรมในการปกครอง ให้ค้อมรับเวรกรรมแห่งความพอเพียงเท่านั้น
อีกทั้งเจตนาสมานฉันท์ที่แสดงออกมาจากกลุ่มผู้กุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน มีแต่ให้ร้ายป้ายสี กล่าวหา และบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้ผู้ถูกกระทำกลายเป็นผู้ต้องหา (แม้กระทั่งพลั้งเผลออ้างว่าผู้ตายวิ่งใส่กระสุน) และแทนที่จะทำการจับกุมคนชุดดำที่เผาบ้านเผาเมืองเอามาดำเนินคดี กลับสร้างวาทกรรมปลิ้นปล้อนว่าชุดดำคือเสื้อแดง ส่วนผู้ลงมือกระทำการอันเป็นอาชญากรรมนั้นเล่า กลับได้รับยกย่องว่าจงรักภักดี
จะเห็นว่าปรัชญาประชาธิปไตยหลังเลือกตั้งครั้งใหม่ (ถ้าหากมี) ก็คงไม่หนีการจำกัดเสรีภาพทางการเมืองอย่างเคย
อาจมีข้อจำกัดอย่างใหม่ชนิดหาที่ไหนไม่เหมือน ว่าด้วยร่างกฏหมายที่รัฐบาลชุดราบ ๑๑ นำเสนอเข้าสภาไว้แล้ว นั่นคือพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ** ที่กำหนดให้การชุมนุมต้องได้รับอนุญาติล่วงหน้าจากเจ้าหน้าที่ปกครอง และให้สถาบันตุลาการเข้ามามีอำนาจสั่งเลิกชุมนุม รวมทั้งกำหนดให้เจ้าพนักงานของรัฐสามารถตรวจค้น และจับกุมผู้ชุมนุม
ร่าง พ.ร.บ. การชุมนุมฯ นี้จึงนับเป็นนวัตกรรมของปรัชญาปกครองแบบพอกันที ถ้าหากผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาก็เท่ากับตรากฏหมายให้อำนาจแก่ฝ่ายปกครอง และตุลาการเหนือสิทธิพื้นฐานของปวงชนในระบอบประชาธิปไตย กฏหมายเช่นนี้ย่อมคุกคามเสรีภาพในการประท้วงโดยสันติตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ รัฐบาลใช้เป็นอาญาสิทธิ์ข่มเหงผู้ชุมนุมถ้าหัวแข็งไม่ยอมคล้อยตามได้
ส่วนข้อจำกัดเหลือร้ายชนิดทำให้ต้องพยายามดำรงชีวิตด้วยความระมัดระวังอย่างสุดๆ ในการแสดงความคิดเห็นไม่ให้เกิดกระทบกระเทือนเบื้องยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ ห้ามเหลื่อมล้ำเกินไปกว่าการตีความจงรักภักดีอย่างเหลือล้นก็ยังคงอยู่
อีกทั้งอย่าเผลอไผลพลาดพลั้ง เพราะการกระทำหรือไม่กระทำใดๆ อาจถูกใครก็ได้กล่าวหาว่าเข้าข่ายละเมิดกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ได้เสมอ นั่นคือใครก็ตามถ้าหากไม่อยากรับโทษจำคุกกระทงละอย่างต่ำ ๓ ปี อย่างสูง ๑๕ ปี และถูกฟ้องร้องในคดีได้โดยไม่รู้ตัว แล้วถูกจับกุมคุมขังทันทีโดยมีเปอร์เซ็นต์สูงโดนห้ามประกัน ซ้ำถูกพิพากษาด้วยการพิจารณาลับ
ใครก็ตามที่ว่านั้นต้องพยายามมีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้ด้วย มิฉะนั้นอาจต้องหากระทำผิดร้ายแรงขนาดทรยศต่อชาติ ที่บังอาจวิจารณ์สถาบันอันเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศ เฉกเช่นที่ราชวงศ์อังกฤษมีต่อสหราชอาณาจักร
เลยชวนให้พินิจข้อคิดในบทความของแอนนา ไว้ท์ล็อค ***นักประวัติศาสตร์อังกฤษยุคใหม่ แห่งสถาบันรอยอัล ฮอลโลเวย์ มหาวิทยาลัยลอนดอน ที่กล่าวถึงราชพิธีสยุมพรของเจ้าฟ้าชายวิลเลี่ยมกับเค้ท มิดเดิลตัน ว่าเป็นรุ่งอรุณของราชาธิปไตยประชานิยม (Populist Monarchy) ซึ่งประชาชนผู้เสียภาษีที่ใช้เป็นงบประมาณจัดงานให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด และล้นหลาม
ในขณะนี้ประชาชนอังกฤษกว่าครึ่งต้องการให้เจ้าฟ้าชายวิลเลี่ยมทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อจากราชินีเอลิซเบ็ธ โดยข้ามขั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ล พระราชบิดาขึ้นมา
เนื่องเพราะเจ้าฟ้าชายวิลเลี่ยมทรงมีจริยวัตรเยี่ยงปุถุชนยุคใหม่ ไม่เพียงแต่ทรงสมรสกับหญิงสามัญ หากทรงอยู่อาศัยก่อนแต่งกับคู่หมั้นเหมือนชาวอังกฤษทั่วไป ทั้งนี้เพราะการสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ในอังกฤษนั้นมิใช่ด้วยศรัทธาบอดเหมือนก่อน ข้ออ้างเรื่องการสืบทอดประเพณี และความมีสง่าราศีของราชวงศ์ไม่เพียงพอเสียแล้ว
กล่าวได้ว่าการเทอดทูนสถาบันกษัตริย์ด้วยข้ออ้างอย่างเดิมๆ สำหรับชาวอังกฤษเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องพอกันที
อาจารย์ไว้ท์ล็อคกล่าวไว้ในข้อเขียนตอนหนึ่งว่า ชาวอังกฤษต้องการเห็นราชวงศ์มีจริวัตรคุ้มค่ากับเงิน (เบี้ยหวัดที่ราษฎรจ่าย -คำผู้เขียน) ทรงใกล้ชิด ทรงสำผัสได้ ทรงมีบุคคลิกภาพโดดเด่น และต้องทรงเป็นมากกว่าสัญญลักษณ์อันสูงส่ง งดงามเท่านั้น
เธอยังเสริมด้วยว่า ในยุคสมัยที่การสื่อสารมวลชนก้าวหน้าเช่นนี้ การรักษาความนิยมของประชาชนเอาไว้ให้ได้เป็นสิ่งจำเป็นต่อสถาบันกษัตริย์เหนืออื่นใด
แต่การรักษาความนิยมต่อราชาธิปไตยอังกฤษไม่ได้ใช้วิธีบังคับด้วยกฏหมายอาญาที่มีระวางโทษหนักอย่าง ม. ๑๑๒ ของไทย ไม่ต้องมีแม่ทัพนายกองออกมาตบเท้าสวนสนามประกาศศักดาเหมือนทหารไทย ไม่ต้องมีม็อบเส้นใหญ่ใช้คนหยิบมือเดียวปักหลักเรียกร้องดันทุรังให้ปิดประเทศปฏิเสธโลกาภิวัฒน์
เพราะเขาไม่ได้มีปรัชญาปกครองแบบพอกันที
*นิตยสารดิเอคอนอมิสต์รายงานตัวเลขจากธนาคารโลกว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศย่านเอเซียที่ช่องว่างระหว่างคนมีกับคนจนแตกต่างกันสูงสุดในอัตรา ๑๕ ต่อ ๑ http://www.economist.com/node/18587127 ดูรายงานภาคภาษาไทยที่ประชาไท http://www.prachatai3.info/journal/2011/04/34274
**ดูข้อวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์ http://www.prachatai3.info/journal/2011/03/33662
http://redusala.blogspot.com
แดงยุโรปมอบเงินและเยี่ยมผู้ต้องหาเรือนจำอุดร

 http://www.thairedgermany.net/newspress/  

      ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 21 เมษายน ที่เรือนจำกลางอุดรธานี กลุ่มคนเสื้อแดง 32 คน นำโดย นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร หนึ่งในแกนนำ นปช. , นายศราวุธ เพชรพนมพร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะแดงอียู (กลุ่มเสื้อแดงจากประเทศยุโรป) นำโดย น้องเมย์ เยอรมัน ได้เดินทางเข้าเยี่ยม 22 ผู้ต้องหากลุ่มคนเสื้อแดง ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานี ในคดีร่วมกัน โฆษณาชักชวนให้กระทำผิดกฎหมาย , บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน , วางเพลิงเผาสถานที่ราชการ และทำให้เสียทรัพย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และร่วมกันพยายามเผาที่ว่าการ .เมืองอุดรธานี มานานกว่า 11 เดือน เพื่อสอบถามปัญหาในคดี และมอบเงินเยียวยาให้ผู้ต้องหาทั้ง 22 คน ซึ่งทางคณะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการเข้าเยี่ยมก่อนจะกลับออกมา
      
      น้องเมย์เยอรมัน ตัวแทนคณะแดงอียู กล่าวว่า คณะของพวกตนที่เดินทางมาจากประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศุโรป หรือ อียู ทั้งหมด 7 คน โดยพวกเราได้แยกย้ายไปเยี่ยมญาติพี่น้องคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต และถูกคุมขังตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา และสอบถามถึงความเป็นอยู่ของพี่น้องคนเสื้อแดง โดยพวกเราได้ร่วมกันจัดทอดผ้าป่าเวียนไปตามประเทศต่าง ๆ ในประเทศยุโรปที่มีคนไทยเสื้อแดงอยู่ รวมกันกว่า 1 พันคน และได้เงินมาจำนวนหนึ่ง
      
      “การมาเยี่ยมคนเสื้อแดงที่ถูกคุมตัวที่เรือนจำกลางอุดรธานี เป็นแห่งแรก โดยมีคนเสื้อแดงถูกคุมตวอยู่ 22 คน นอกจากพวกตนจะมาเยี่ยม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแล้ว ยังได้มอบเงินจำนวน 52,000 บาท มอบให้กับตัวแทนญาติคนเสื้อแดงอุดรธานี ที่ถูกคุมตัว ทั้ง 22 คน เพราะส่วนใหญ่คนที่ถูกจับจะเป็นผู้นำหาเลี้ยงครอบครัว เมื่อถูกจับคุมขังก็ทำให้ครอบครัวลำบากยิ่งขึ้น”
      
      น้องเมย์ เยอรมัน กล่าวอีกว่า หลังจากพวกตนเดินทางกลับต่างประเทศ
จะทำการจัดตั้งกองผ้าป่าขึ้นอีก โดยหมุนเวียนไปยังประเทศต่าง ๆ ที่มีคนเสื้อแดงอยู่ ภายในเดือนพฤษภาคม 2554 เมื่อได้เงินบริจาคมาเท่าไหร่ ก็จะเดินทางกลับมา เพื่อมามอบให้กับพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง ตามเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศอีก………
Posted in ไม่มีหมวดหมู่ | Leave a comment

เสื้อแดงสหภาพยุโรปทอดผ้าป่าประชาธิปไตย เชิญผู้บาดเจ็บ-ญาติผู้เสียชีวิตติดต่อรับความช่วยเหลือ

โดย ประชาสัมพันธ์ UDD-THAI OF EUROPE


ชาว นปช.อียู ขณะเข้าร่วมพิธีทอดผ้าป่าประชาธิปไตยของเสื้อแดงสหภาพยุโรป
สำเร็จลุล่วงไปอย่างงดงาม ได้รับผลบุญกันไปทั่วหน้ากับงานผ้าป่าประชาธิปไตยไทยในเยอรมนี ที่เมืองซาโบรกเคิ่น ซึ่งครั้งนี้ไม่มีการโฟนอินของแกนนำ แต่เป็นการโฟนอินของพี่น้องเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายม็อบที่ราชประสงค์ ได้สร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาในงาน และท่านที่ได้รับบาดเจ็บเองจนกลั้นน้ำตากันไว้ไม่อยู่ทั้งสองฝ่าย ทางเจ้าภาพขอกราบขอบพระคุณพี่น้องเสื้อแดงจากหลายๆประเทศ ที่พร้อมใจกันมาร่วมงาน ซึ่งท่านนายกฯทักษิณ
ได้รับเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และได้ร่วมทำบุญด้วย 2,000 ยูโร หลังจากถวายผ้าป่าเรียบร้อย ทางคณะกรรมการได้เปิดซองผ้าป่าที่พี่น้องร่วมกันทำบุญได้ยอดทั้งหมด 6,500 ยูโร+2,000 ยูโร(ของท่านนายกฯ)รวมเป็นเงิน8,500 ยูโร
จากนั้นทางพี่น้องเสื้อแดงได้ช่วยกันต่อยอดผ้าป่าจนได้เพิ่มเป็นจำนวน 10,166
ยูโร คิดเป็นเงินไทย 426,972 บาท 
ได้ถวายให้กับทางวัดพุทธบารมี ฮัมบวร์ก 6,000ยูโร(252,000บาท) ส่วนที่เหลือ4,166 ยูโร ใส่ซองถวายพระ 400 ยูโร
ยอดคงเหลือ 3,766 ยูโร (158,172 บาท) จำนวนเงินส่วนนี้ ทางวัดได้มอบกลับคืนไปให้เพื่อส่งไปช่วยเหลือพี่น้องเสื้อแดงที่บาดเจ็บ ซึ่งทางคณะกรรมการได้ติดต่อประสานไปทางครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บแล้วจะนัดหมายส่งมอบเงินในเวลาต่อไป ซึ่งจะแจ้งรายชื่อครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือจากพวกเรา นปช.อียูหรือแดงยุโรป เร็วๆนี้
ท่านใดที่มีรายชื่อของพี่น้องที่บาดเจ็บ และครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต สามารถส่งเพิ่มเติมมาได้ที่
thairedeu@hotmail.com
กราบขอบพระคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้พวกเราในยุโรปด้วยค่ะ จาก ประชาสัมพันธ์ UDD-THAI
OF EUROPE
 
ชมภาพทั้งหมดได้ที่นี่
http://www.thairedeu.com/page13.html***
http://redusala.blogspot.com