วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฤกษ์ยุบสภาชักไม่ชัวร์ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูกไม่ทันสัปดาห์นี้
         ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องตีความกฎหมายลูก 3 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งแล้ว แจ้งประธานรัฐสภา ประธาน กกต. นายกรัฐมนตรี ส่งคำชี้แจงประกอบเพิ่มเติมภายในวันที่ 6 พ.ค. นัดประชุมชี้ขาดวันที่ 9 พ.ค. ไม่ทันกำหนดยุบสภาที่ขีดเส้นเอาไว้ไม่เกินวันที่ 7 พ.ค. “อภิสิทธิ์” ระบุจะรอดูผลวินิจฉัยของศาลและรอขั้นตอนทางธุรการหลังชี้ขาดให้เรียบร้อยก่อนจึงยุบสภา แต่ยังหวังทูลเกล้าฯกฤษฎีกายุบสภาได้ก่อนไปประชุมอาเซียนวันที่ 7 พ.ค. 42 


พรรคการเมืองลงนามสัตยาบันไม่นำสถาบันมาหาเสียง กกต. ยื่นของบ 3,817 ล้านบาทจัดเลือกตั้ง คาดเปิดรับสมัคร ส.ส. วันแรกวันที่ 11 หรือ 12 พ.ค. เลือกตั้งวันที่ 26 มิ.ย. หรือ 3 ก.ค. ภูมิใจไทยหวังได้ที่ 3 เพื่อพลิกเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะรอดูผลการตีความกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับของศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมาก่อนจึงจะนำพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นทูลเกล้าฯ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะทูลเกล้าฯวันที่ 4 พ.ค. นี้ได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะทูลเกล้าฯได้ก่อนเดินทางไปประชุมผู้นำอาเซียนที่อินโดนีเซียวันที่ 7 พ.ค. นี้


พรรคอันดับ 2 มีสิทธิตั้งรัฐบาล


นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งว่า พรรคอันดับหนึ่งจะได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน หากไม่ได้ก็จะเป็นพรรคอันดับสอง ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ ไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ


“ในอดีตที่ผ่านมามีรัฐบาลเกิดขึ้นหลายแบบ เช่น ปี 2518 พรรคที่มีเพียง 18 เสียง ก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ และในระยะหลังพรรคอันดับหนึ่งหรืออันดับสองล้วนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วทั้งสิ้น หากไม่ให้พรรคอันดับสองตั้งรัฐบาล ถามว่าหากพรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลไม่ได้จะให้ทำอย่างไร ต้องกลับไปเลือกตั้งกันใหม่หรือไม่”


“สุเทพ” ชี้ยึดตามกฎหมายไม่มีปัญหา


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมีการลงสัตยาบันอะไรในการเลือกตั้ง เพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว หากทำตามกฎหมายก็จะไม่มีปัญหา


ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังยุบสภาจะไปหาเสียงในภาคอีสานหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไปทุกพื้นที่ เพราะเป็นหน้าที่ ส่วนกระแสข่าวความไม่พอใจการวางตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ยืนยันว่าไม่มีปัญหา แต่ยอมรับว่าคนไม่ชอบใจก็ออกมาโวยวาย ซึ่งมีแค่ 3 คน


อัด ส.ส. ไม่สำนึกบุญคุณพรรค


“คนพวกนี้โวยวายไปก่อนทั้งที่กระบวนการของพรรคยังไม่จบ ช่วยไปกระซิบเขาหน่อยว่าโตแล้วอย่าพูดจาอะไรให้พรรคเสียหาย พรรคให้ประโยชน์มากแล้ว มาพึ่งพาพรรค พึ่งใบบุญของพรรคมานานแล้ว เพราะฉะนั้นให้รู้จักสำรวมตัว พูดจาอย่าให้พรรคเสียหาย ไม่มีหรอกครับข้อขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าไม่มีปัญหากับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคที่ทำหน้าที่วางตัวผู้สมัคร”


ภท. หวังได้ที่ 3 ชิงตั้งรัฐบาล


นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การเมืองไทยไม่มีอะไรที่แน่นอน สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พรรคกิจสังคมมี 18 เสียงยังได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยที่คาดว่าจะได้เสียงเป็นอันดับสามก็พร้อมสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ


“การเมืองพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ ต้องรอหลังเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล”


42 พรรคเห็นพ้องเลิกอ้างสถาบัน


ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อหารือข้อกำหนดต่างๆเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
หลังการประชุมหารือ พรรคการเมืองที่เข้าร่วม 42 พรรค จากที่มีทั้งหมด 55 พรรค ได้ร่วมกันลงนามพันธะสัญญากันระหว่างพรรคการเมืองที่จะไม่นำสถาบันเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ต้องการให้ กกต. อธิบายข้อกำหนดให้ชัดเจน โดยต้องการให้ กกต. กำหนดเป็นข้อห้ามมากกว่าข้อควรปฏิบัติ


กกต. เสนอทำสัตยาบัน 5 ข้อ


ทั้งนี้ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เป็นผู้เสนอให้ทำพันธะสัญญาระหว่างพรรคการเมือง 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.มิบังควรนำสถาบันมาเกี่ยวในการหาเสียงเลือกตั้ง 2.จะปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด 3.จะไม่ใช้กลไกของรัฐหรือทรัพยากรของรัฐบาล 4.จะหาเสียงเลือกตั้งโดยสันติวิธี ไม่ข่มขู่คุกคามคู่แข่งด้วยวิธีการใดๆ และไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการหาเสียงเลือกตั้ง และ 5.จะยอมรับผลการเลือกตั้งตามที่ประชาชนได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งอย่างจริงใจ


คาดเลือกตั้งวันที่ 26 มิ.ย. หรือ 3 ก.ค.


นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า หากมีการยุบสภาสัปดาห์นี้ การเลือกตั้งน่าจะมีได้ในวันที่ 26 มิ.ย. หรือ 3 ก.ค. ส่วนงบประมาณที่ต้องใช้จัดเลือกตั้งนั้นเสนอขอจากคณะรัฐมนตรี 3,817 ล้านบาท


“ต้องขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่เห็นพ้องต้องกันว่าไม่ควรนำสถาบันมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดย กกต. จะออกข้อกำหนดที่ชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การกล่าวถึงสถาบันหากไม่แน่ใจขอให้หลีกเลี่ยงดีที่สุดจะได้ไม่ถูกร้องเรียน”


เปิดรับสมัคร ส.ส. วันที่ 11 หรือ 12 พ.ค.


ทั้งนี้ มีรายงานจาก กกต. ว่าได้ทำตารางเลือกตั้งเตรียมไว้แล้ว รอการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการก็จะประกาศกำหนดการต่างๆได้ เช่น กำหนดเปิดรับสมัคร ส.ส. วันแรกวันที่ 11 หรือ 12 พ.ค. โดยจะรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อก่อน ใช้เวลา 5 วัน จากนั้นใช้เวลารับสมัคร ส.ส.เขตอีก 5 วัน


ศาล รธน. รับตีความกฎหมายลูก


ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมคณะตุลาการเพื่อพิจารณาเรื่องที่ประธานรัฐสภาส่งคำร้องให้พิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง


ชี้ขาดไม่ทันกำหนดยุบสภาก่อนวันที่ 7 พ.ค.


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแล้วให้รับคำร้องเอาไว้พิจารณา เนื่องจากเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 141 และข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. 2550 ข้อ 17 (5) พร้อมทั้งให้มีหนังสือแจ้งประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี และประธาน กกต. เพื่อทราบ หากมีคำชี้แจงหรือเสนอความเห็นเพิ่มเติมให้กระทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในวันที่ 6 พ.ค. 2554


มีรายงานว่า คณะตุลาการนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับในวันที่ 9 พ.ค. และคาดว่าจะชี้ขาดได้ในวันเดียวกัน ส่วนที่นายกรัฐมนตรีกำหนดยุบสภาสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. หรือไม่เกินวันที่ 7 พ.ค. นั้น สามารถยุบได้ทันทีไม่ต้องรอการพิจารณาของศาล เพราะร่าง พ.ร.บ. ผ่านความเห็นชอบจากสภามาแล้ว การยุบสภาจึงไม่กระทบต่อร่าง พ.ร.บ.


******************************
http://redusala.blogspot.com
‘อภิสิทธิ์’ปฏิเสธทูลเกล้าฯกฤษฎีกายุบสภา
 http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10572
         ยังไม่ชัดเจนเรื่องกำหนดยุบสภาเมื่อ “อภิสิทธิ์” ออกมาปฏิเสธทูลเกล้าฯถวายร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรออกมาเปิดเผย อ้างเป็นการเข้าใจผิดเพราะที่ยื่นไปแล้วคือความเห็นเรื่องกฎหมายลูก 3 ฉบับ ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาประกอบการวินิจฉัย “สุเทพ” เชื่อหากจำเป็นต้องเลื่อนยุบสภาจะไม่มีปัญหาแทรกซ้อน “ชวรัตน์” เจียมตัวเป็นแค่พรรคอันดับ 3 ไม่คิดแย่งนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี “ภูมิธรรม” ทวิตจวกแนวคิดพรรคอันดับ 2 ชิงตั้งรัฐบาล เป็นการแสดงสันดานการเมือง “มิ่งขวัญ” โผล่ร่วมประชุมพรรคเพื่อไทยดับข่าวลือแยกตัวตั้งพรรคใหม่

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว


อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปสอบถามนายอภิสิทธิ์กลับได้รับคำตอบว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังไม่ได้นำทูลเกล้าฯ ส่วนการตีความกฎหมายลูกของศาลรัฐธรรมนูญนั้นได้ส่งความเห็นเพิ่มเติมไปให้แล้ว


“มาร์ค” ไม่รู้ยุบสภาเมื่อไร


เมื่อถามว่าจะทูลเกล้าฯถวายพระราชกฤษฎีกายุบสภาได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบคำถาม


ผู้สื่อข่าวได้กลับไปสอบถามนายชัยอีกครั้งได้รับคำตอบว่า การเสนอยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯบอกแบบนั้นก็ต้องเชื่อ
“ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด แต่เมื่อนายกฯบอกแบบนั้นก็ต้องเชื่อนายกฯ เพราะอำนาจตัดสินใจยุบสภาเป็นของนายกรัฐมนตรี”


“สุเทพ” เชื่อเลื่อนยุบสภาไม่มีปัญหา


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลจะเสนอความเห็นร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพิ่มเติม


ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดได้ในวันที่ 9 พ.ค. จนต้องเลื่อนการยุบสภาออกไปหรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ต้องรอดูในช่วงวันสองวันนี้ก่อนว่ามีความจำเป็นอะไรบ้าง หากจำเป็นต้องยืดวันยุบสภาออกไปก็ไม่น่ามีปัญหาแทรกซ้อน เพราะอย่างไรก็ต้องมีการยุบสภาอยู่แล้ว


ปชป. วางตัวผู้สมัคร ส.ส. แล้ว 90%


นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้พรรควางตัวผู้สมัคร ส.ส. แล้ว 90% เหลืออีก 10% ยังต้องพิจารณาเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด ส่วนกรณีของนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กรุงเทพฯ ที่ไม่พอใจถูกดันไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อนั้น ความจริงน่าจะพอใจ เพราะได้เป็น ส.ส. โดยไม่ต้องหาเสียง แต่หากยังคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง


นายสุเทพกล่าวอีกว่า ประชาชนไม่ควรไปเชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่อ้างว่ากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ทำโพลสำรวจครั้งที่ 4 ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. ถึง 280 เสียง ถ้าไม่เชื่อคนอย่างนายจตุพรประเทศชาติจะดีขึ้น


ปปช. มั่นใจมีเลือกตั้งแน่


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุม ส.ส. พรรคว่า ที่ประชุมมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน แม้นายกรัฐมนตรีจะยังไม่ชัดเจนเรื่องกำหนดวันยุบสภา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคคาดว่าจะแข่งกัน 3 เรื่องใหญ่คือ 1.แข่งเสนอนโยบายสร้างความพึงพอใจกับประชาชน 2.การใส่ร้ายป้ายสีกันทางการเมือง และ 3.การใช้มวลชนเคลื่อนไหวคู่ขนานกับพรรค
“ฝ่ายตรงข้ามถือเดิมพันสูงมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องทำทุกรูปแบบเพื่อชนะเลือกตั้ง”


ภูมิใจไทยอ้างโพลได้ ส.ส. 70 คน


นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธาน ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แถลงหลังการประชุมพรรคว่าจะมี ส.ส. จากพรรคอื่นมาร่วมงานกับพรรคประมาณ 20 คน ขณะที่ ส.ส. เดิมของพรรคไม่มีใครย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น ขณะนี้พรรคมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งแล้วทุกด้าน ซึ่งจากการทำโพลของพรรค พบว่าจะได้ ส.ส. ประมาณ 70 คน โดยจะเปิดตัวผู้สมัครทันทีที่ยุบสภา


ส่วนกรณีที่ กกต. ห้ามนำสถาบันมากล่าวอ้างเพื่อหาเสียงนั้น ประธาน ส.ส. พรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของพรรค เมื่อ กกต. ยังไม่มีระเบียบออกมาอย่างชัดเจน พรรคก็จะทำกิจกรรมตามปรกติ


“ชวรัตน์” ไม่คิดแย่งนั่งเก้าอี้นายกฯ


นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส. ประมาณ 60-80 เสียง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และจะไม่เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นนายกฯช่วงนี้ลำบาก ต้องทำงานบนความขัดแย้ง ขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลดีกว่า


นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยอมรับว่ามีรายงานการเตรียมก่อความรุนแรง ความวุ่นวายในช่วงเลือกตั้ง แต่ไม่ถึงกับใช้ระเบิดให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะป้องกันให้ดีที่สุด


อัดสร้างข่าวพรรคชนะไม่ได้ตั้งรัฐบาล


ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่รักษาคำพูดเรื่องยุบสภา หากข่าวที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรบอกว่าทูลเกล้าฯถวายร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วเป็นเรื่องจริง เพราะทราบมาว่ามีคนใกล้ชิดและคนในพรรคร่วมรัฐบาลบางคนพยายามให้ยืดเวลาการยุบสภาออกไป เพื่อหวังหาผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย


“ขณะนี้มีการสร้างข่าวว่าพรรคที่ชนะเลือกตั้งได้เสียงเป็นอันดับ 1 จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย และคนในรัฐบาลตลอดจนนายกรัฐมนตรีก็พูดชัดเจนว่าพรรคอันดับรองลงมามีสิทธิตั้งรัฐบาล หากรวมเสียงข้างมากในสภาได้ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อฉันทามติของประชาชน ดังนั้น อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิ่มข้อตกลงในสัตยาบันอีก 1 ข้อ กำหนดให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล”


โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า พรรคจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหลังจากที่มีการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการแล้ว 2 วัน


“มิ่งขวัญ” โผล่ร่วมประชุมเพื่อไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสามัญพรรคเพื่อไทยเพื่อคัดเลือกรรมการบริหารพรรคแทนคนที่ลาออกไป 11 คน ปรากฏว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับพรรคมาระยะหนึ่งจนมีข่าวว่าจะออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะไม่พอใจที่ไม่ถูกวางตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมประชุมและลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรคด้วย


อ้างหายตัวไปทำนโยบายให้พรรค


นายพร้อมพงศ์ชี้แจงว่า นายมิ่งขวัญหายไปทำนโยบายให้พรรค และฝากมาบอกทุกคนด้วยว่าไม่เคยคิดทิ้งพรรค


“ทีมเศรษฐกิจมอบหมายให้นายมิ่งขวัญไปจัดทำนโยบายเกี่ยวกับการหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งขณะนี้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากได้นำไปใช้เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นถุงเงินของเอเชีย”


จวก “มาร์ค” โชว์สันดานการเมือง


นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวถึงเรื่องการยุบสภาว่า ฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูด “ใครควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล” ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯแล้ว สรุปได้คำเดียวว่า “มารยาททางการเมือง” สำคัญน้อยกว่า “สันดานทางการเมือง” ระวังสันดานทางการเมืองที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ขัดต่อธรรมเนียมการปกครอง และเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนจะเกิดปัญหา อยากแนะนำให้ดูนิสัยที่น่าเคารพอย่างนายชวน หลีกภัย เป็นตัวอย่าง การเลือกตั้งเมื่อปี 2539 แพ้พรรคความหวังใหม่ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แค่ 2 เสียงก็ประกาศให้พรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล แล้วเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดตรัง เป็นผู้แพ้ที่มีความสง่างาม ได้ใจทุกฝ่าย


หวั่นศาล รธน. ชี้กฎหมายลูกมีปัญหา


นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังไม่มั่นใจเรื่องเลือกตั้งเพราะต้องรอดูการตีความกฎหมายลูกของศาลรัฐธรรมนูญ หากมีมติว่าขัดรัฐธรรมนูญคงวุ่นวายเพราะ กกต. บางท่านยืนยันชัดเจนว่าหากไม่มีกฎหมายลูกก็ไม่เอาด้วยเพราะกลัวติดคุก


นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ยืนยันว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความกฎหมายลูกเสร็จไม่ทันยุบสภาก็จะจัดเลือกตั้งต่อไป เพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต. ออกระเบียบ และประกาศใช้จัดเลือกตั้งได้
กกต. ไม่มีปัญหาจัดเลือกตั้ง


“ผมไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร แต่หากจะใช้ระเบียบประกาศของ กกต. จัดเลือกตั้งก็ต้องออกมาก่อนเปิดรับสมัคร ส.ส.”


นายประพันธ์ยังกล่าวถึงระเบียบห้ามอ้างสถาบันหาเสียงเลือกตั้งว่า คงไม่กำหนดรายละเอียดว่าห้ามทำอะไรบ้าง เพราะคิดว่าพรรคการเมืองมีดุลยพินิจได้ว่าอะไรควรไม่ควร


นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงการหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ว่า ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้าม ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะไม่ทำให้บ้านเมืองสกปรก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสื่ออนไลน์ควบคุมยาก


*******************************
http://redusala.blogspot.com
“ฮิวแมนไรท์วอทช์”เสนอรายงานตอกย้ำทหารฆ่าประชาชน
         ฮิวแมน ไรท์วอทช์ เสนอรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ยืนยันทหารใช้ความรุนแรงเกินสมควร และใช้หน่วยแม่นปืนบดขยี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ระบุ 6 ศพในวัดปทุมฯสามารถพิสูจน์ได้อย่างน้อย 3 ศพว่าเป็นฝีมือของคนในกองทัพ ชี้การยิงคนไม่มีอาวุธถือเป็นการฆาตกรรม ผิดหวังดีเอสไอถูกรัฐบาลครอบงำจนไม่สามารถทำคดีได้ เชื่อการเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งขยายตัวรุนแรงมากขึ้น อัยการเตรียมพยาน 5 ปาก ไต่สวนถอนประกัน 9 แกนนำ นปช. ขณะที่ทนายแกนนำเตรียมพยาน 15 ปาก เบิกความคัดค้าน ระบุข้อหาหมิ่นสถาบันไม่เกี่ยวกับข้อหาก่อการร้าย ใช้เป็นข้ออ้างถอนประกันไม่ได้ ต้องแยกดำเนินคดี

องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์วอทช์ นำเสนอรายงานเกี่ยวกับการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน หรือคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วในชื่อ “จมลงสู่ความวุ่นวาย” (Descent into Chaos) มีเนื้อหาว่า ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. ปีที่แล้ว ทหารไทยใช้ความรุนแรงเกินสมควร รวมถึงใช้หน่วยแม่นปืน เพื่อบดขยี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล


เห็นทหารยิงใส่ประชาชน


แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมน ไรท์วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เห็นคือทหารยิงใส่ประชาชน ขณะที่กลุ่มติดอาวุธก็ยิงใส่ทหาร แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถเอาผิดใครได้
ทหารซึ่งอยู่ในจุดที่ได้เปรียบบนรางรถไฟฟ้ากระหน่ำยิงใส่ประชาชนในวัดปทุมวนารามซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่เลือกหน้า ทำให้บริเวณวัดซึ่งควรจะเป็นสถานที่ปลอดความรุนแรงกลับมีคนตายจำนวนมาก


3 ศพวัดปทุมฯฝีมือทหาร


“ความจริงก็คือทหารยิงใส่ประชาชน ซึ่งเป็นการสังหารอย่างเลือดเย็น สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียชีวิตในวัดอย่างน้อย 1 คน และที่หน้าวัดอีก 2 คนถูกยิงโดยทหาร” แบรด อดัมส์ กล่าวและว่า เมื่อใดที่ทหารยกปืนเล็งไปที่บุคคลซึ่งไม่มีอาวุธ และตัดสินใจลั่นไก นั่นถือเป็นการฆาตกรรม แม้จะทำตามคำสั่งของรัฐบาลก็ตาม


รายงานของฮิวแมน ไรท์วอทช์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยที่เรียกผู้ประท้วงว่า “ผู้ก่อการร้าย” รวมถึงการประกาศให้พื้นที่บางส่วนในกรุงเทพฯเป็น “เขตกระสุนจริง” อย่างไรก็ตาม พบว่ากลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนผู้ประท้วงที่เรียกกันว่า “คนชุดดำ” ใช้ทั้งปืนไรเฟิลและระเบิดโจมตีทหาร เพื่อโหมกระพือความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก


หาเสียงเลือกตั้งขยายความขัดแย้ง


การปะทะระหว่างทหารกับประชาชนทำให้มีผู้บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 1,900 ราย ซึ่งส่วนมากเป็นพลเรือน แม้ว่าไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ แต่การแบ่งข้างซึ่งเป็นผลมาจากการประท้วงก็ยังฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยยากที่จะลบเลือน ความเกลียดชังยังคงติดค้างอยู่ในใจของทั้งสองฝ่าย การหาเสียงเลือกตั้งจะทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นแน่นอน


แบรด อดัมส์ ยังระบุว่า คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่รัฐบาลตั้งขึ้นทำงานล่าช้าเกินไป ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอาไอ) ที่มีหน้าที่สอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีจากเหตุประท้วง ก็ดูเหมือนว่าจะถูกครอบงำโดยรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยผลการสอบสวนที่เป็นข้อเท็จจริงใหม่ๆได้


อัยการใช้ 5 พยานถอนประกันแกนนำ นปช.


นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวถึงกรณที่ศาลจะเปิดไต่สวนคำร้องถอนประกันนายจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำ นปช. รวม 9 คน ในวันที่ 4 พ.ค. นี้ว่า อัยการเตรียมพยานขึ้นไต่สวน 4-5 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคาดว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ จะเดินทางมาเบิกความเป็นพยานด้วยตัวเอง
นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. กล่าวว่า เตรียมคำร้องยื่นคัดค้านการประกันตัวไว้แล้ว ยืนยันว่าการปราศรัยของแกนนำไม่ผิดเงื่อนไขประกันตัว หากเห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายอื่นที่นอกเหนือจากคำสั่งศาลก็ต้องแยกดำเนินคดีตามความผิดนั้นๆ


ทนาย นปช. ใช้ 15 พยานเบิกความสู้


“แกนนำทุกคนจะเดินทางไปศาล และขอให้ศาลออกหมายเรียก พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ร่วมชุมนุมจำนวนหนึ่งมาเบิกความเป็นพยาน โดยจะใช้พยานทั้งหมดประมาณ 15 ปาก”


นายคารมกล่าวว่า ประเด็นคัดค้านที่จะชี้ให้ศาลเห็นคือการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อรำลึกครบรอบ 1 ปีการสลายการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย. 2553 กรณีการปราศรัยของนายจตุพรหากเห็นว่าหมิ่นเบื้องสูงก็ต้องดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง จะเอามาผูกโยงเพื่อถอนประกันในคดีก่อการร้ายไม่ได้ และจะโยงไปถึงแกนนำอื่นที่ไม่ได้ปราศรัยไม่ได้


“การเอาคดีหมิ่นเบื้องสูงมาโยงเพื่อขอถอนประกันตัวในคดีก่อการร้าย และกล่าวหาแบบเหมารวมแกนนำว่าร่วมหมิ่นเบื้องสูง ถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง”


ครม. อนุมัติงบชดเชยความเสียหาย


นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมอนุมัติงบประมาณชดเชยความเสียหายจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วดังนี้ งบเพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมที่ทำการเทศบาลนครอุดรธานีที่เสียหายจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงวงเงิน 212 ล้านบาท ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส วงเงิน 5.5 ล้านบาท และขยายวงเงินสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการย่านราชประสงค์จาก 5 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท พร้อมขยายระยะเวลาจากสิ้นสุดโครงการสินเชื่อจากเดือน ธ.ค. 2553 เป็นเดือน มิ.ย. 2554


“ที่ประชุมยังไม่ได้เห็นชอบการจ่ายชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับบีทีเอส 100 ล้านบาท โดยให้บีทีเอสไปหารือกับกรุงเทพมหานคร ที่เป็นผู้ให้สัมปทานว่าจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร”


เพิ่มค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่


นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินเพิ่มค่าตอบแทนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอวงเงินกว่า 293 ล้านบาท


***************************************
http://redusala.blogspot.com
ปิดฉาก พรรคการเมืองใหม่



มติชน 1 พ.ค.54 "พธม.-การเมืองใหม่" ซัดกันเอง "สมศักดิ์ โกศัยสุข" ลั่นไม่ลาออกหัวหน้าพรรค ถามใครไร้ธรรมมะกันแน่! นายสมศักดิ์ หน.พรรค กมม.กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม.ประกาศว่าจะยึดพรรคคืนนั้น

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "นายสนธิ ไม่มีอำนาจเพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค รวมถึงยังเป็นสื่อมวลชน จะมาแทรกแซงกิจการของพรรคการเมืองไม่ได้ ถือว่าผิดกฎหมาย
* ส่วนตนก็ยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะยังไม่ได้ทำความผิด ตนมีศีลธรรมมากกว่าที่จะกลัวความกดดันที่ไม่ถูกต้อง โดยจะอยู่เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าใครเป็นฝ่ายที่พูดเท็จ ไร้ธรรมะกันแน่ นอกจากนี้ต้องการให้พรรคนี้เป็นพรรคที่มีความอิสระ ไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนบางคน=1304220820&grpid=03&catid&subcatid

คลิป พธม.ฮือ บุก พรรค กมม บีบห้ามส่งลง ส.ส. หวิดวางมวย
http://redusala.blogspot.com
พธม.หมดประโยชน์ 'สตรีผู้สูงศักดิ์' ถีบหัวส่ง
สั่ง"ไฮโซกาญจนี-เจิมศักดิ์-ชัยวัฒน์" จัดการ



กรรมทันตา ที่ไม่ต้องรอภพหรือชาติหน้า......

เมื่อหมดประโยชน์ ก็ต้องถีบหัวส่ง สัจจธรรมของระบอบอำมาตย์ วิบากกรรมที่พธม.กำลังถูกดาบนั้นคืนสนอง

สตรีผู้สูงศักดิ์ มอบหมาย"ไฮโซกาญจนี" แถลงเปิดตัว "กลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ" ให้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านพันธมิตรฯ ขู่ถ้าไม่หยุดชุมนุมจะทำสติ๊กเกอร์ต้าน เตรียมดึง "เจิมศักดิ์-ชัยวัฒน์" ร่วมทีม อ้าง ปชป.ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้

 นางกาญจนี วัลยเสวี

ผู้จัดการออนไลน์  (30 เม.ย.) นางกาญจนี วัลยเสวี หรือ ไฮโซกาญจนี (สังคมเฟซบุ๊กรู้จักกันในนาม "ติ๊งต่าง") แกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายจากกลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์ อาทิ ม.ร.ว.รำพิอำภา เกษมศรี นางเบญจวรรณ กระจ่างเนตร ซึ่งป็นอดีตผู้ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ให้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มม็อบเอเอสทีวี ที่กำลังบิดเบือนและสร้างความแตกแยกให้บ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ พยายามทำทุกทางเพื่อยุยงให้เกิดความรุนแรง ปั่นป่วนเพื่อกดดันให้ทหารออกมาใช้กำลังเปลี่ยนแปลงการเมือง ซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

นางกาญจนี กล่าวว่า จึงขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว แต่ถ้ายังไม่หยุดม็อบก็จะเดินหน้ารณรงค์ต่อต้านม็อบเอเอสทีวี เช่นทำสติ๊กเกอร์ แจกจ่าย พร้อมทั้งรวบรวมบุคคลที่มีชื่อเสียง อดีตแนวร่วมพันธมิตรฯเช่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย และเครือข่ายต่างๆในโซเชียล เน็ตเวิร์ค เข้าร่วมเคลื่อนไหวด้วย ขณะนี้มีประมาณหลักร้อย แต่เชื่อว่าไม่นานจะเพิ่มเป็นหมื่นๆคน

“ดิฉันได้รับการร้องขอจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ออกมาหยุดยั้งการเคลื่อนไหวที่จะทำให้สังคมแตกแยก"” นางกาญจนี กล่าว

เมื่อถามว่า กลุ่มนี้เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นางกาญจนี กล่าวว่า เราไม่ต้องการให้บ้านเมืองแตกแยกมากไปกว่านี้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศมากกว่าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ไม่มีความเชื่อมโยงกันแต่อย่างใด

ทั้งนี้ อยากให้กำลังใจนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ที่พยายามผลักดันให้พันธมิตรฯเข้ามาต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย แต่กลับถูกสกัดกั้นทุกรูปแบบ


นี่มันเรื่องจริง หรือเพียงแค่ สร้างภาพยนต์เป็นเกมส์ลวง ต้องติดตามกันต่อไป
http://redusala.blogspot.com
เผยโฉม "กลุ่มครู" ที่สุมหัวออก"ตำราแดงเผาเมือง"
ปลูกฝังเฮ็งซวยให้เด็ก ม.3


http://www.free-thai.info/2011/04/3.html#more

"ฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มร.ร.คริสต์ในเครืออัครสังฆมณฑลจำนวนหนึ่ง อาทิ ร.ร.มาแตร์เดอีวิทยาลัย เซนต์ฟรังซีสซาเวีย คอนแวนต์ เป็นต้น ซึ่งผู้แทนและครู ได้มีการรวมตัวกันทำหนังสือเล่มดังกล่าวขึ้น"

แหล่งข้อมูลข่าวจาก  The Thai Redshirt 



ส่วนของผลงานหนังสือที่ออกมาเสี้ยมเยาวชน ในชาติไทย 



รายชื่อโรงเรียน ที่ได้ถูกบังคับให้ต้องเรียนวิชา"แดงเผาบ้านเมือง"




จดหมายน้อยถึงบาทหลวง "ผมรู้สึกสมเพชตัวเอง…..ที่เกิดมาเป็นคาทอลิก...."

สวัสดีครับคุณพ่อ

ไม่ได้ติดต่อคุณพ่อมานาน
ไม่ทราบตอนนี้ไปประจำอยู่ที่ไหนแล้ว
และยังสบายดีอยู่ใช่ไหมครับ

ที่ผมอีเมล์มาอยากบอกคุณพ่อ
อยากระบายความในใจให้ฟัง
ว่าผมรู้สึกหดหู่ใจและสมเพสตัวเองจริงๆ
ที่เกิดมาเป็นคาทอลิกแต่ไม่สามารถช่วย
พี่น้องคนไทยที่ถูกอำมาตย์ชั่วและรัฐบาลเลว
กดขี่ ข่มเหงรักแก อย่างไร้ความเป็นธรรมได้


และผมก็ไม่เคยเห็นผู้นำคาทอลิกท่านใดไม่ว่าระดับไหน
ยึดอกออกมาประกาศจุดยืน เพื่อนำความเป็นธรรม
ให้กับสังคมไทยและปกป้องผู้ถูกกดขี่
ไม่ว่าผู้นั้นจะร่ำรวยหรือยากจน
ไม่ว่าผู้นั้นจะนับถือศาสนาใด
ผมไม่เคยเห็นจริงๆ....

ในความรู้สึกของผม....
ผู้นำคาทอลิกในประเทศไทยช่างขลาดกลัวเสียจริงๆ

นอกจากไม่มีผู้นำคาทอลิกท่านใด
ยืดอกออกมาช่วยสังคมที่ถูกกดขี่แล้ว
หนำซ้ำ กลับมีสถาบันคาทอลิกบางแห่ง
ยกย่อง เอาใจรัฐบาลเลวและผู้ปกครองชั่วมาโดยตลอด
ยกตัวอย่าง ABAC โพล ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง
เลียแข้งเลียขาอำมาตย์และรัฐบาลในการทำโพลแทบทุกครั้ง

เพราะไม่เคยเห็นหัวประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
เพราะไม่เคยมีความเป็นธรรมอยู่ในหัวใจ
สถาบันการศึกษาในเครือคาทอลิกแห่งนี้
จึงขาดสำนึกและไร้มโนธรรมของความถูกต้องชั่วดี
ร่วมมือกับผู้ปกครองชั่วๆ อำมาตย์เลวๆ
ย่ำยี่กดขี่รังแกผู้ยากไร้ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ด้วยโพลที่บิดเบือน สร้างความชอบธรรมให้กับผู้ปกครองไทย
นำไปอ้างอิงเพื่อเหยียบย่ำประชาชนต่อไป

มันช่างน่าสมเพชจริงๆ
สถาบันการศึกษาคาทอลิกสามารถทำเรื่องเลวๆแบบนี้ได้

ABAC ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาในเครือคาทอลิก
ทำโพลออกมาแต่ละครั้งขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
และฝืนความรู้สึกของประชาชน
และมันจะนำไปสู่การเกลียดชังในที่สุด

โพลที่ทำออกมา ปลิ้นปล้อนสิ้นดี
มันน่าละอายที่สถาบันการศึกษาในเครือข่ายของคาทอลิก
ปลิ้นปล้อนหลอกลวงประชาชนเพียงเพื่อเลียแข้งเลียขาฝ่ายปกครอง

หรือว่าองค์กรคาทอลิกในประเทศไทย
มิได้ตั้งขึ้นและคงอยู่เพื่อประชาชน...แต่เพื่อฝ่ายปกครองเท่านั้น
ไม่ว่าฝ่ายปกครองจะเลว หรือชั่วช้าเพียงใด ก็ต้องเลียแข้งเลียขา
สนับสนุนอุ้มสม เพื่อให้สมประโยชน์กันไป

นอกจากเรื่องโพลของ ABAC
คราวนี้มาถึงตำราเรียนของโรงเรียนในเครือข่ายคาทอลิก
ที่ช่างหาญกล้าเขียนตำราเรียนใส่หัวนักเรียนว่า
คนสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง

ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติ
และศาลก็ยังมิได้พิจารณาตัดสินคดีความใด ๆ
คดียังอยู่ในขั้นการสืบสวนสอบสวน

และในปัจจุบันความจริงก็ค่อยๆปรากฎขึ้นเรื่อยๆว่า
คนเสื้อแดงที่มีเพียงมือเปล่าๆเป็นผู้ถูกใส่ร้าย

แต่โรงเรียนในเครือข่ายของคาทอลิก
กลับตัดสินและบันทึกไว้ในตำราเรียน
ว่าคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง

โรงเรียนในเครือข่ายคาทอลิก โปรดสำเหนียก
ใครแต่งตั้งท่านให้เป็นผู้พิพากษาตั้งแต่เมื่อใด

เราชาวคาทอลิกได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กมิใช่หรือ
ว่าอย่าพิพากษาผู้อื่น เพราะสิทธิในการพิพากษานั้น
เป็นของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

และเราก็ได้ร้บการสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กมิใช่หรือว่า
“จงรักผู้อื่นเหมือนรักตัวเราเอง”
การกระทำของสถาบันคาทอลิกที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้น
เป็นการรักผู้อื่นเหมือนรักตัวเราเอง
อย่างที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนไว้หรือไม่
คุณพ่อคงมีคำตอบ....

เรากำลังมองเห็นเศษผงในตาของผู้อื่น
แต่กลับไม่มองดูท่อนซุงในตาของตนเอง
คุณพ่อว่าจริงไหม

และที่สำคัญ
พระเยซูเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า
เมื่อการพิพากษาครั้งสุดท้ายมาถึง
พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงถามท่านว่า ท่านได้ทำอะไรมาบ้างในโลกนี้

แต่จะทรงถามว่า
ท่านได้ปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างยุติธรรมหรือไม่

ตัวอย่างที่ผมยกมาข้างต้น
คุณพ่อว่า สถาบันคาทอลิกได้ปฎิบัติต่อเพื่อนมนุษย์อย่างยุติธรรมหรือไม่

จึงระบายมาให้ฟัง

ด้วยความเคารพ
“คาทอลิกไทยในอเมริกา”
9 เมษายน 2554


ต่อกรณีนี้ ฝ่ายรัฐบาลเองอย่างน้อย 3 คนมีท่าทีหนุน และได้ให้ข้อคิดเห็นในการตำเรียน ฉบับเสี้ยมเยาวชน คือ

นายสุเทพ 
"...การพูดความจริงสมควรต้องทำ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน.."

นายชินวรณ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า....
"...การ ที่โรงเรียนนำสถานการณ์จริงมาสอน เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน เพราะนักเรียนสามารถนำไปเปรียบเทียบและวิเคราะห์ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ในตำราเรียนบังคับ แต่เป็นเรื่องที่โรงเรียนสามารถกำหนดเนื้อหาตามสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องทบทวน
นายชินวรณ์กล่าวว่า แต่ที่น.พ.เหวงออกมาพูด คงไม่ดูข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันต่างจากยุคน.พ.เหวง โรงเรียนนำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาสอนนักเรียนได้ และในหลายโรงเรียนยกเหตุการณ์ที่เกิดเดือนเม.ย.2553 มาให้นักเรียนวิเคราะห์ เช่น นำเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นมาจัดทำเป็นหลักสูตรเสริมให้นักเรียนค้นคว้า ข้อมูลตามกรอบ 30% ที่ต้องการให้นักเรียนเข้าใจรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง แต่ น.พ.เหวงอาจเกิดอุปาทาน เพราะคิดจะตั้งโรง เรียนเสื้อแดง และคิดหลักสูตรที่จะสร้างแต่ความขัดแย้งตามความเชื่อของตัวเอง ดังนั้นก่อนประ ณามคนอื่นควรทบทวนตัวเอง และดูว่ากระบวนการเรียนรู้ของสังคมที่หลากหลายด้วยและควรเปิดใจกว้าง..."

และนายอภิสิทธิ์ " ที่กล่าวตอนท้ายว่า....
"...แต่ถ้าเป็นข้อเท็จจริงก็เป็นข้อเท็จจริง..."
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุเป็นการบิดเบือนเนื้อหา นายกฯ กล่าวว่า "...ยังไม่ทราบว่ามีการบิดเบือนตรงไหนอย่างไร..."

ล่าสุด สช.เบรก-โรงเรียนโละตำราแล้ว
นาย ชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน(กช.)กล่าวว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) ยังไม่ทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ยืนยันว่าหลักสูตรที่สช.ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ก็เป็นไปตามหลักสูตรที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) โดยหลักสูตรที่เน้นการสอนวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ ไม่ได้เน้นเรื่องความมั่นคงทางการเมือง หรือต้องการยั่วยุส่งเสริมให้ผู้เรียน ต้องไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยู่แล้ว ทั้งนี้ หนังสือวิชาประวัติศาสตร์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำมาอ้างถึงนั้น ตนเห็นว่าน่าจะมาจากหนังสือสอนเสริมที่ทางโรงเรียนจัดทำขึ้นเองมากกว่า อย่างไรก็ตามหากสช.ตรวจสอบพบว่าเป็นการจัดทำขึ้นโดยโรง เรียนจริงจะดำเนินการเอาผิดต่อไป

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) นายชาญวิทย์กล่าวอีกครั้งว่า ฝ่ายการศึกษา อัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มร.ร.คริสต์ในเครืออัครสังฆมณฑลจำนวนหนึ่ง อาทิ ร.ร.มาแตร์เดอีวิทยาลัย เซนต์ฟรังซีสซาเวีย คอนแวนต์ เป็นต้น ซึ่งผู้แทนและครู ได้มีการรวมตัวกันทำหนังสือเล่มดังกล่าวขึ้น แต่กลุ่มผู้แทนได้ชี้แจงกับตนในเบื้องต้น ว่าได้ถอดถอนบทเรียนดังกล่าวออกไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้(8 เม.ย.) ตนได้เชิญผู้แทนและครูกลุ่มร.ร.คริสต์ในเครืออัครสังฆมณฑล มาชี้แจงที่ศธ.
http://redusala.blogspot.com